xs
xsm
sm
md
lg

“พ.ต.อ.ภาคภูมิ” ลูกน้องเก่า “บิ๊กโจ๊ก” เปิดหน้าพูดความจริง ปัดแลกตำแหน่ง ลั่นต้องให้ทรยศอีก 10 ครั้ง เพื่อความจริงก็ไม่ลังเล

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย (แฟ้มภาพ)
“พ.ต.อ.ภาคภูมิ” ลูกน้องเก่า “บิ๊กโจ๊ก” เปิดหน้าให้ข้อมูลตำรวจ ยอมพูดความจริงเพื่อปกป้องลูกน้อง ถูกบังคับให้รับผิดแทน ชี้หลายคนถูกทำร้ายร่างกาย-จิตใจ ครอบครัวได้รับผลกระทบ ยันไม่ใช่แลกกลับรับราชการ ลั่นต้องให้ทรยศอีก 10 ครั้ง เพื่อความจริง ก็ไม่ลังเล ชี้มีการข่มขู่–บิดเบือนหลักฐาน เตรียมเปิดเอกสารสำคัญ 5 ม.ค.นี้



วันนี้ (31 ธ.ค.) พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย อดีตรองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 4 และอดีตลูกน้องคนสนิทของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ออกมาชี้แจงว่า การออกมาเปิดหน้าในวันนี้ พร้อมนำหลักฐานมาให้กับทางตำรวจ เป็นการตัดสินใจที่ยากลำบากมาก แต่ด้วยเหตุผลหลายๆ เรื่อง ที่เห็นน้องๆ ต่างได้รับความเดือดร้อน เพราะถูกบังคับให้รับผิดแทน ทำให้ครอบครัวของเขาได้รับผลกระทบและได้รับความลำบาก พร้อมทั้งมีการพยายามบิดเบือนข้อเท็จจริงในคลิปที่นำไปมอบให้กับตำรวจ เพื่อให้ตัวผมเองเป็นผู้กระทำความผิด รวมถึงคลิปในคดีอื่นๆ หลายๆ คดีที่พี่ๆ น้องๆ ตำรวจต้องถูกดำเนินคดีด้วยกัน ต้องแบกรับในสิ่งที่เขาไม่ได้กระทำ ซึ่งมีผลต่อครอบครัว จึงเป็นสาเหตุหลักๆที่ออกมาในวันนี้

ผู้สื่อข่าวถามว่าจากกระแสข่าวที่ออกมาว่าการเปิดหน้าหรือยอมออกมาให้ข้อมูลในวันนี้ เพื่อแลกกับการกลับมารับราชการในอาชีพตำรวจอีกครั้งหรือไม่ พ.ต.อ.ภาคภูมิ กล่าวว่า ถ้าจำได้ ตอนเกิดเรื่องใหม่ๆ ตนเองเคยทำหนังสือถึงนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ให้พิจารณาตนเองออกจากราชการ เพราะตอนนั้นยังอยู่ในราชการอยู่ เพื่อให้ตนออกมาต่อสู้ในฐานะประชาชนคนหนึ่งได้อย่างเต็มตัว แต่ติดที่ตนเองมีคดีวินัย ซึ่งเป็นคดีอาญา ไม่สามารถลาออกได้ ก่อนจะถูกไล่ออกออกจากราชการ ถ้าสังเกตที่ผ่านมาตนเองไม่เคยออกไปเรียกร้องที่ไหนเลย มีแต่ต่อสู้ไปทั้งคดีอาญาและคดีวินัย เพื่อให้ตนเองได้กลับเข้ามารับราชการ ไปฟ้องร้องอะไรต่างๆ คนที่มีพฤติกรรมนั้นท่านคงเห็นอยู่แล้วว่าเป็นใคร

ส่วนกรณีที่มีลูกน้องต่างๆเคยถูกทำร้ายนั้น พ.ต.อ.ภาคภูมิ กล่าวว่า เรื่องนี้คนที่ถูกกระทำเช่นนั้น คงเข้าไปให้การแล้ว ส่วนตัวไม่ขอเปิดเผย เพราะว่าตอนนี้พยานในคดีต่างๆถูกรบกวน ซึ่งมันเป็นอันตรายหรือทำให้เสียรูปคดี แต่ตนเองขอยืนยันว่าเคยเห็นบางเหตุการณ์และมีพยานอื่นๆ เห็นในบางเหตุการณ์จริง ยืนยันมีการทำร้ายจริงๆ

“วันนี้น้องๆ หลายๆ คนก็กลัว ที่ผ่านมาไม่กล้าออกมากัน แต่วันนี้ตนเองตัดสินใจออกมา ก็เพราะสงสารน้องๆ เหล่านั้น ผมเอาชนะความกลัวด้วยความกล้า จะเอาชนะความเท็จด้วยความจริง ต่อสู้อย่างเปิดเผย เพื่อเอาชนะวิธีสกปรก และในวันที่ผมเดินออกมา ผมรู้อยู่แล้ว ว่าต้องเผชิญอะไร ต้องเจอกับอะไร มันรู้วิธีการกันอยู่ ก่อนหน้านี้ 2 วัน ก็มีการพยายามติดต่อมาทางคนที่รู้จักกับผมว่าอยากคุยด้วย อยากพบเจอ พอเราตัดขาดการติดต่อไป ก็เริ่มมีไอโอเข้ามาทำลายพ่อแม่ผม ครอบครัวผม แต่สิ่งเหล่านี้ไม่เกินความคาดหมาย ว่าผมจะต้องเจอ แต่ถ้าวันนี้ผมไม่ออกมาพูดความจริง ขบวนการนี้และวิธีการนี้ก็ยังคงอยู่ ก็ยังทำลายคนอยู่ตลอดเวลา” พ.ต.อ.ภาคภูมิ กล่าว

พ.ต.อ.ภาคภูมิ กล่าวอีกว่า ตนเองไม่ได้ขายนาย แต่ถ้ามันต้องทำเพื่อน้องๆ เพื่อตำรวจส่วนรวม เพื่อองค์กร ถ้าจะต้องถูกว่าหรือถูกกล่าวหาว่าเป็นการกระทำที่ขายนายหรือทรยศหักหลังอะไรก็ตาม ถ้าการพูดความจริงแล้วมันทำให้คนอื่นได้รับความเป็นธรรม หรือให้หลุดพ้นจากบ่วงกรรมต่างๆ ที่ต้องทนรับมาเป็นเวลา 10 ปี ให้ทรยศอีก 10 ครั้ง ตนเองก็ไม่ลังเล ส่วนความปลอดภัยของน้องๆที่ออกมาในวันนี้ บางคนได้รับการดูแลคุ้มครองแล้ว แต่สำหรับตน ตนไม่กลัว และไม่มีอะไรจะพูดถึงท่าน แต่ถ้าต้องพูด ก็อยากจะบอกว่า “ท่านคงรู้ว่าสิ่งไหนจริงหรือสิ่งไหนเท็จ ผมว่าละครเรื่องนี้ฉากใกล้จะจบแล้ว สุดท้ายมันหนีความจริงไม่พ้น”

เมื่อถามว่าคิดอย่างไรที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ออกมาบอกว่าเสียความรู้สึก พ.ต.อ.ภาคภูมิ กล่าวว่า ตนเองไม่ได้โกรธท่าน และยังเคารพท่าน ในฐานะที่เป็นผู้บังคับบัญชา สิ่งที่ท่านเคยสนับสนุนต่างๆ ตนเองยังรำลึกในบุญคุณของท่าน แต่ก็ต้องแยกแยะ และท่านต้องทราบว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ตนเองได้ทำอะไรให้ท่านบ้าง ในผลงานที่ท่านพูดถึง มีคดีไหนหรือเรื่องไหน ที่ตนเองไม่ได้ทำ ต้องแยกแยะระหว่างบุญคุณกับความถูกต้อง

พ.ต.อ.ภาคภูมิ กล่าวว่า สำหรับรายละเอียดทางคดีหรือเอกสารต่างๆ ที่นำมามอบให้กับทางตำรวจ ขอให้รอแถลงใหญ่ในวันที่ 5 ม.ค.นี้ ซึ่งคดีอยู่ในระหว่างกระบวนการสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน เพราะมีทั้งพยานบุคคลและพยานวัตถุต่าง ที่จะต้องรวบรวม โดยตอนนี้มีกระบวนการเข้าไปข่มขู่พยานและทำลายพยานหลักฐานต่างๆ ซึ่งจะทำให้การทำงานของพนักงานสืบสวนสอบสวนเป็นไปด้วยความยากลำบาก แต่หลังจากวันที่ 5 ม.ค.นี้ จะมีความชัดเจนทั้งหมด ยืนยันว่าไม่ต้องห่วง เพราะความจริงจะต้องถูกเปิดเผย รวมไปถึงความสัมพันธ์ระหว่าง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กับกรรมการป.ป.ช. ด้วย

พ.ต.อ.ภาคภูมิ กล่าวด้วยว่า มั่นใจว่าทุกอย่างเป็นเรื่องจริงและสามารถเอาผิดได้แน่นอน ส่วนคดีเว็บพนัน ซึ่งเป็นคดีเก่า เชื่อว่าตำรวจกำลังหาความจริง แต่ไม่ได้เชื่อมโยงกับคดีทอง เป็นคนละกรรม ตนเองมีหน้าที่นำพยานหลักฐานข้อเท็จจริงที่รู้และเห็นไปให้กับคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ซึ่งให้เจ้าหน้าที่ทำงานกันก่อน คาดว่าไม่ต่ำกว่า 2 เดือน
กำลังโหลดความคิดเห็น