รอง ผบช.ก. แถลงคืบหน้าคดีสินบน ป.ป.ช. พบพยานหลักฐานเชื่อมโยง "บิ๊กโจ๊ก" สั่งนำทองคำ 246 บาท มอบกรรมการ ป.ป.ช. ยืนยันหลักฐานแน่น มีน้ำหนักเพียงพอดำเนินคดี ปัดชี้นำพยาน พบบางรายเคยถูกข่มขู่ ใช้อาวุธปืนจี้หัว จึงรุดข้อมูล เตรียมแถลงใหญ่ 5 ม.ค. 2569
วันนี้ (31 ธ.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธุ์ ผู้บังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ผบก.ปปป.) แถลงข่าวชี้แจงความคืบหน้ากรณีการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง กรณีเจ้าหน้าที่รัฐถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการรับผลประโยชน์และติดสินบนคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า จากข้อมูลการสืบสวนปรากฏข้อเท็จจริงที่ระบุว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้สั่งการให้นำทองคำแท่ง น้ำหนักรวม 246 บาท ไปมอบให้แก่กรรมการ ป.ป.ช. รายหนึ่ง ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบสำนวนคดีของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ในส่วนของพยานหลักฐาน คณะพนักงานสอบสวนได้รวบรวมหลักฐานประกอบด้วย ภาพจากกล้องวงจรปิด คลิปเสียง ภาพถ่าย และพยานเอกสารจากการสอบปากคำบุคคลที่เกี่ยวข้อง ทั้งเจ้าหน้าที่รัฐและผู้ประกอบการ โดยยืนยันว่าพยานหลักฐานมีความเชื่อมโยงสมเหตุสมผลและมีน้ำหนักเพียงพอต่อการดำเนินคดี แม้แผนประทุษกรรมจะพบว่าผู้ถูกกล่าวหามักหลีกเลี่ยงการดำเนินการด้วยตนเอง โดยใช้บุคคลอื่นดำเนินการแทนก็ตาม
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ยังได้กล่าวถึงที่มาของพยานในคดีนี้ ว่า ไม่ได้เกิดจากการชี้นำของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่พยานกลุ่มดังกล่าวตัดสินใจให้ข้อมูล เนื่องจากเคยถูกกระทำในลักษณะข่มขู่และทำร้ายร่างกาย โดยมีข้อมูลระบุถึงพฤติการณ์การใช้อาวุธปืนจี้หัวข่มขู่ ซึ่งพนักงานสอบสวนได้รับหลักฐานเป็นเอกสารทางการแพทย์ยืนยันการบาดเจ็บ เพื่อประกอบสำนวนการสอบสวนแล้ว อีกทั้งจากการสืบสวนขยายผล พบข้อมูลความเชื่อมโยงไปยังอาจารย์มหาวิทยาลัยรายหนึ่ง ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านสื่อสังคมออนไลน์และทำหน้าที่ที่ปรึกษาด้านภาพลักษณ์ให้กับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ โดยเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลดังกล่าวกับกลุ่มผู้ต้องหาในคดีทองคำ รวมถึงการตรวจสอบพฤติการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารเพื่อดิสเครดิตฝ่ายตรงข้าม หากพบพยานหลักฐานการกระทำความผิดที่ชัดเจน จะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ปัจจุบันพนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกผู้ถูกกล่าวหาที่เป็นพลเรือนจำนวน 3 ราย โดยมีผู้เข้ารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว 2 ราย ได้แก่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล และสมบัติ (สงวนนามสกุล) ส่วนผู้ถูกกล่าวหาที่ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ (ป.ป.ช.) จะมีขั้นตอนการดำเนินคดีเฉพาะ โดยเมื่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติรวบรวมพยานหลักฐานเสร็จสิ้น จะส่งสำนวนไปยัง ป.ป.ช. เพื่อพิจารณาส่งเรื่องต่อให้ประธานรัฐสภา และประธานศาลฎีกา เพื่อตั้งคณะกรรมการไต่สวนอิสระตามกฎหมาย
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวอีกว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติยึดหลักการบังคับใช้กฎหมายด้วยความเสมอภาคและเป็นธรรม ทั้งนี้ จะมีการแถลงข่าวสรุปรายละเอียดสำคัญของคดีอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ในวันที่ 5 มกราคม 2569 โดยจะมีผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นผู้แถลงรายละเอียดด้วยตนเอง
ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงข้อเปรียบเทียบมาตรฐานการดำเนินคดีระหว่าง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล อดีต ผบ.ตร. นั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า วันนี้ขอพูดถึงเฉพาะคดีนี้ เนื่องจากเป็นเรื่องสำคัญ แต่ยืนยันสำนักงานตำรวจแห่งชาติ บังคับใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียม ไม่มีการกลั่นแกล้งหรือรังแกใคร ไม่ว่าจะเป็นประชาชนหรือข้าราชการชั้นผู้ใหญ่


