MGR Online - "โฆษกราชทัณฑ์" พบข้อมูล จนท.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ 20 ราย เอี่ยวทำผิดชัดเจน ด้าน "ดีเอสไอ-สถาบันนิติวิทย์" เข้าเก็บพยานหลักฐานเพิ่ม-เช็คเส้นทางการเงิน
จากกรณี พล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย ผู้บริหารกระทรวงยุติธรรม , กรมราชทัณฑ์ , กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และ คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เข้าตรวจสอบภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร หลังชุดปฏิบัติการจู่โจมตรวจค้นเรือนจำฯ พบผู้ต้องหากลุ่มทุนจีนสีเทา พร้อมนางแบบชาวจีน 2 ราย และสิ่งอำนายความสะดวกต่างๆ บริเวณห้องผู้คุมที่มีการแปลงสภาพห้อง ก่อนเก็บหลักฐานไปตรวจสอบ เมื่อวันที่ 16 พ.ย.ที่ผ่านมา
วันนี้ (24 พ.ย.) เวลา 09.35 น. บริเวณด้านหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ถนนงามวงศ์วาน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร ผู้สื่อข่าวรายงาน รถตู้ของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม จำนวน 2 คัน และ รถของเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ขับเข้าไปด้านในเรือนจำฯ เพื่อเข้าไปตรวจเก็บพยานหลักฐาน พยานวัตถุ และพยานเอกสาร ก่อนนำไปตรวจสอบหาความเกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าว
นายยุทธนา นาคเรืองศรี รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ รักษาการแทน ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า วันนี้ (24 พ.ย.) ได้ส่งเอกสารประสานไปยังสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม เพื่อขอรับการสนับสนุนส่งเจ้าหน้าที่มาช่วยตรวจเก็บพยานหลักฐานในห้องเกิดเหตุ (ห้องลับใต้บันได) ซึ่งได้มีการซีลพื้นที่ไว้เรียบร้อยแล้ว ก่อนนำเสนอไปยังคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง
"ส่วนเจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ จำนวน 20 ราย ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าวและถูกคำสั่งย้าย เบื้องต้นเริ่มมีพยานหลักฐานชัดเจนอาจต้องมีการเปลี่ยนแปลงคำสั่งเพิ่มเติม อาทิ พักราชการไว้ก่อน หรือให้ออกจากราชการไว้ก่อน เป็นต้น และเรื่องนี้เป็นผลกระทบต่อองค์กรเป็นอย่างยิ่ง รมว.ยุติธรรม จึงให้ความสำคัญอย่างมากในการจัดระเบียบความโปร่งใส" นายยุทธนา กล่าว
ด้าน พ.ต.ท.อนุรักษ์ โรจนนิรันดร์กิจ รองอธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่กองคดีความมั่นคง เดินทางเข้าไปสอบสวนข้อมูลเจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ที่รับผิดชอบด้านงานเอกสาร การให้การบริการสวัสดิการผู้ต้องขัง การควบคุมดูแลผู้ต้องขัง การเบิกตัวผู้ต้องขัง เพื่อขอรับข้อมูลเกี่ยวกับระเบียบการเยี่ยมญาติ การจ่ายเงิน การรับโอนเงิน สลิปโอนเงินต่างๆ รวมถึง รายงานการสอบสวนข้อมูลเบื้องต้นของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนหน้านี้ทั้งนี้ ดีเอสไอจะได้ประสานไปยังสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) เพื่อดูประวัติย้อนหลังการเดินทางเข้า-ออกราชอาณาจักรของ นายมานพ ชมชื่น ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ นับแต่วันที่เข้ารับตำแหน่ง ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
พ.ต.ท.อนุรักษ์ กล่าวอีกว่า สำหรับการครอบครองทรัพย์สินต่างๆ ปกติแล้วเจ้าหน้าที่รัฐจะต้องมีการแสดงบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. ซึ่งจะตรวจสอบว่ามีการครอบครองทรัพย์สินมูลค่าสูงผิดปกติอย่างไรหรือไม่ นับแต่วันที่เข้ารับตำแหน่งเป็น ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังคงเป็นเพียงเรื่องสืบสวน ต้องดูว่าเจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ทั้ง 20 ราย มีพฤติการณ์ กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 หรือไม่ ซึ่งถ้าหากพบการกระทำความผิดดังกล่าว ดีเอสไอจะต้องสรุปสำนวนส่งให้ ป.ป.ช. ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงต่อไป


