MGR Online - กองคดีฮั้วประมูล สอบปากคำบุคลากรมหาวิทยาลัย 8 ราย ฐานะผู้รับแต่งตั้งดำเนินโครงการวิจัยฯ ในจ.มหาสารคาม ชี้แจงขั้นตอนเอื้อประโยชน์ใครหรือไม่
จากกรณี กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) มีคำสั่งให้กองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ (กองฮั้วประมูล) รับกรณีกล่าวหา โครงการวิจัยเชิงปฏิบัติการส่งเสริมการพัฒนายกระดับทักษะอาชีพในภาคเกษตรกรรม เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากของชุมชนของสถาบันการศึกษาแห่งหนึ่ง จ.มหาสารคาม วงเงิน 600,587,000 บาท ไว้ทำการสอบสวนเป็นคดีพิเศษ 80/2567 โดยเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 เชื่อว่ามีการกระทำที่ก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมในการแข่งขันราคา หรือ “ฮั้วประมูล”
วันนี้ (23 ส.ค.) รายงานข่าวแจ้งว่า วานนี้ 22 ส.ค. ที่กองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ (กองฮั้วประมูล) เจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งใน จ.มหาสารคาม ทั้งหมด 8 ราย และเป็นผู้ดำเนินโครงการวิจัยฯ เดินทางเข้าพบ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อให้ถ้อยคำ ประเด็นเกี่ยวกับการเสนอของบประมาณ การเบิกจ่ายเงินงบประมาณ ขั้นตอนระหว่างโครงการ วิธีการจัดซื้อจัดจ้างกับเอกชน และรายละเอียดต่างๆ
แหล่งข่าวจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยว่า วานนี้ 22 ส.ค. ได้เรียกสอบปากคำ บุคลากรทั้ง 8 ราย เป็นผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ดำเนินโครงการวิจัยฯ ดังกล่าว และอาจมีการเรียกตัวแทนวิสาหกิจชุมชนจากทุกภาคมาให้ข้อมูลเพิ่มเติม หลังโครงการวิจัยฯ อ้างว่าเป็นมีการแจกจ่ายสินค้าการเกษตรให้ชาวบ้านทั่วประเทศ ผ่านประธานเครือข่ายที่รวบรวมรายชื่อสมาชิกส่งมาให้ และทางโครงการฯ ก็ยืนยันว่าสามารถแจกจ่ายได้อย่างทั่วถึง
หลังจากนี้ คณะพนักงานสอบสวนจะต้องรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดและเรียกประชุมเพื่อพิจารณาว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐร่วมกับเอกชนกระทำการทุจริตหรือไม่ จะมีความชัดเจนประมาณต้นเดือน ก.ย. หากผิดจริงต้องสรุปสำนวนส่ง ป.ป.ช. ภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพราะกรอบกฎหมายมีระยะเวลา 30 วัน ส่วนความผิดอาจเข้าข่ายตาม พ.ร.บ.ฮั้วประมูล และ ฐานสนับสนุนให้ปฏิบัติหรือละเว้นตามมาตรา 157
เบื้องต้น พบว่ามีบริษัทเอกชน 4-5 ราย เป็นกลุ่มธุรกิจเครือญาติของบุคคลใกล้ชิดนักการเมือง ก่อตั้งบริษัทมาเฉพาะกิจเพื่อโครงการดังกล่าว จึงเป็นที่มาต้องเรียกบุคลากรในมหาวิทยาลัยมาชี้แจงว่าคนใกล้ชิดนักการเมืองเกี่ยวข้องกับโครงการอย่างไรบ้าง และเส้นทางการเงินไปยังบุคคลใดบ้าง นอกจากนี้ เมื่อสัปดาห์ก่อนคณะพนักงานสอบสวนได้เรียกผู้เกี่ยวข้องมาสอบสวนในฐานะพยาน และให้การที่เป็นประโยชน์
อย่างไรก็ตาม งบประมาณโครงการต้องส่งผ่านมหาวิทยาลัย ซึ่งอธิบการบดีหรือคณบดีจะไม่มีส่วนรู้เห็นได้อย่างไรนั้น พนักงานสอบสวนคดีพิเศษจะต้องพิจารณาดูว่าผู้บริหารหน่วยงานมีอำนาจหน้าที่กำกับดูแลโครงการหรือไม่ เพราะมีการนำชื่อสถาบันศึกษามาเกี่ยวข้อง คาดประมาณ 2 สัปดาห์จะมีความชัดเจนเช่นกัน