“ข่าวลึกปมลับ” เผยแพร่ทางแอปพลิเคชั่น SONDHI APPสถานีโทรทัศน์ NEWS1 ช่องยูทูปNEWS1 และเฟซบุ๊กแฟนเพจNEWS1 โดย นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม เครือผู้จัดการ วันอังคารที่ 30 เมษายน 2567 ตอน อดีตจ่อไล่ล่า 'พิชิต ชื่นบาน' ระเบิดเวลาในรัฐบาล
คณะรัฐมนตรีเศรษฐา 1/1 ประกาศออกมาอย่างเป็นทางการแล้ว ซึ่งในภาพรวมก็ไม่ได้มีอะไรพลิกโผไปจากที่สื่อมวลชนเคยลงไปก่อนหน้านี้เท่าใดนัก บางคนเก้าอี้เหนียว บางคนเก้าอี้หลุด อย่างไรก็ตาม ประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจ คือ การได้เข้ามาทำงานในคณะรัฐมนตรีอย่างเต็มตัวของ 'พิชิต ชื่นบาน' ในตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
ทั้งนี้ เป็นที่ทราบกันดีว่าพิชิตนั้นเป็นคนสนิทของนายใหญ่ เคยเป็นทนายความที่รับผิดชอบคดีให้กับครอบครัวชินวัตรมาหลายปี จากนั้นเมื่อพรรคเพื่อไทยได้กลับมาเป็นรัฐบาล ทนายความใหญ่รายนี้ก็ได้รับตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีให้กับ 'เศรษฐา ทวีสิน' โดยเอาเข้าจริงๆแล้ว 'พิชิต' เคยมีชื่ออยู่ในโผคณะรัฐมนตรีตั้งแต่ชุดแรก
แต่ตอนนั้นต้องจำใจออกจากวงโคจรไป เนื่องจากติดปัญหาเรื่องคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญ
การเมืองในวันนั้นกับวันนี้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ตอนนั้น 'ทักษิณ ชินวัตร' เพิ่งกลับมาถึงประเทศไทยและยังมีสถานะนักโทษชายติดตัวอยู่ จึงทำอะไรไม่ได้มาก แต่วันนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไป เพราะทักษิณมีอิสรภาพและทำตัวเหมือนว่าปราศจากพันธนาการต่างๆ จึงไม่แปลกที่การปรับคณะรัฐมนตรีในรอบนี้ 'ทักษิณ' ถึงได้มีบทบาทเป็นพิเศษ และทำให้ 'พิชิต' กลายเป็นผู้ถูกเลือกและได้รับการสนับสนุนโดยไม่ต้องสงสัย
ทว่าการมีตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของ 'พิชิต ชื่นบาน' อาจเป็นชนวนเหตุการให้สถานการณ์ทางการเมืองเกิดความเขม็งเกลียวมากยิ่งขึ้น เนื่องจากอดีตของทนายพิชิตกำลังไล่ล่าตัวเองอยู่
อย่างที่ทราบกันดีว่าเคยถูกศาลพิพากษาเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2551 ให้จำคุก 6เดือน ในความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง จากกรณีนำเงินจำนวน 2 ล้านบาท ใส่ถุงขนมไปมอบให้กับเจ้าหน้าที่เพื่อจูงใจผู้พิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
อีกทั้งในเวลาต่อมาสภาทนายความยังมีมติเสียงข้างมากถอดชื่อ 'พิชิต' ออกจากทะเบียนผู้ประกอบวิชาชีพทนายความ ทำให้เวลานั้นไม่สามารถถทำหน้าที่ทนายความได้เป็น 5 ปี
ประเด็นของ 'พิชิต' อยู่ที่การเคยได้รับโทษจำคุกในคดีดังกล่าว ถือเป็นเหตุให้ขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้ามที่ไม่อาจดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ โดยเรื่องนี้สามารถมองได้เป็นสองแนวทาง
แนวทางที่ 1 มองว่าสามารถดำรงตำแหน่งนี้ เนื่องจากการถูกลงโทษจำคุกเป็นไปตามความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ไม่ใช่ถูกลงโทษในข้อหาให้สินบนเจ้าพนักงาน ซึ่งเป็นโทษตามประมวลกฎหมายอาญา โดยรัฐธรรมนูญห้ามเป็นรัฐมนตรีเฉพาะบุคคลที่ถูกโทษในความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตเท่านั้น อีกทั้ง 'พิชิต' ได้รับโทษและพ้นโทษเกิน 10 ปีมาแล้ว จึงสรุปได้ว่าการดำรงตำแหน่งดังกล่าวไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด
แนวทางที่ 2 ตีความรัฐธรรมนูญในเรื่องคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีอย่างกว้าง โดยเน้นไปที่มาตรา 160 (4) (5) ที่ระบุว่า "รัฐมนตรีต้องมีความซื่อสัตย์เป็นที่ประจักษ์ และ ไม่มีพฤติการณ์อันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฎิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง" ซึ่งมองว่าต่อให้เรื่องที่เคยถูกจำคุกจะไม่เป็นเงื่อนไขในการเข้าสู่ตำแหน่ง แต่ก็ถือเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นถึงปัญาในทางจริยธรรม ที่เป็นหนึ่งในคุณสมบัติที่คนเป็นรัฐมนตรีต้องมีเช่นกัน
เมื่อเกิดเรื่องแบบนี้ก็มีความเป็นไปได้เหมือนกันที่จะนำไปสู่การยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ เพียงแต่งานนี้นักร้องทั่วๆไปไม่อาจกระทำได้ เพราะรัฐธรรมนูญมาตรา 170 และ 82 กำหนดให้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง และ ส.ส.จำนวน 1ใน10 เท่านั้น ซึ่งต้องรอดูว่าทั้งกกต.และส.ส.โดยเฉพาะพรรคก้าวไกลหรือพรรคประชาธิปัตย์ที่มีเสียงมากพอ จะมองถึงปัญหานี้อย่างไร
สถานการณ์และความอึมครึมแบบนี้ ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด เพราะเมื่อ 'พิชิต' เข้ามาเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นั่นหมายความว่าจะเข้ามาแบ่งเบาภาระงานด้านกฎหมายจากนายกฯ โดยเฉพาะการรับมือกับความเขี้ยวลากดินของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งอุดมไปด้วยนักกฎหมายมหาชนชั้นครูเป็นจำนวนมาก
ถ้ารัฐบาลยังเคลียร์สถานะของรัฐมนตรีรายนี้ไม่ได้ งานใหญ่ที่รออยู่อาจเป็นงานยากทวีคูณแน่นอน
------------------------------
**หมายเหตุ
ดาวโหลดแอป Sondhi App ได้แล้ว
ระบบ iOS ไปที่ AppStore :https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647
ระบบ android ไปที่ Google Play :https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android