“ข่าวลึกปมลับ” เผยแพร่ทางแอปพลิเคชั่น SONDHI APPสถานีโทรทัศน์ NEWS1 ช่องยูทูปNEWS1 และเฟซบุ๊กแฟนเพจ NEWS1 โดย นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม เครือผู้จัดการ วันจันทร์ที่ 18 มีนาคม 2567 ตอน ‘ก้าวไกล-ภูมิใจไทย มาตรฐานยุบพรรค ที่แตกต่างของ กกต. เซาะกร่อนองค์กรอิสระ
การยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยยุบพรรคก้าวไกลของคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. เอาเข้าจริงไม่ได้เป็นเรื่องเหนือความคาดหมาย
เนื่องจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่วินิจฉัยชัดเจนว่านโยบายการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เป็นการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จึงไม่แปลกหากกกต.จะมีมติเอกฉันท์ตามที่ออกมา
ตามขั้นตอนกกต.จะเร่งดำเนินการยกร่างคำร้องขึ้นมาอย่างเป็นทางการ และส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาว่าจะมีคำสั่งรับคำร้องหรือไม่ และอาจต้องจับตาด้วยว่าหากเกิดกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งรับคำร้องแล้ว จะสั่งให้ส.ส.ของพรรคก้าวไกลที่เป็นกรรมการบริหารพรรคในขณะนั้นหยุดการปฏิบัติชั่วคราวหรือไม่ ด้วยเช่นกัน
อย่างที่บอกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับพรรคก้าวไกลไม่ได้น่าตกใจ อาจเรียกได้ว่าเป็นเรื่องที่พอคาดหมายได้อยู่แล้ว แต่กับกรณีของการพิจารณาคดียุบพรรคภูมิใจไทย เหตุใดกกต.ถึงไม่เร่งดำเนินการเหมือนกับพรรคก้าวไกล เพราะจะว่าไปแล้วทั้งสองกรณีมีบางจุดที่เหมือนกัน
กล่าวคือ คดียุบพรรคภูมิใจไทยมีสารตั้งต้นมาจากคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญเหมือนกัน จากกรณีนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ขาดคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรี โดยตอนหนึ่งศาลรัฐธรรมนูญตั้งประเด็นการบริจาคเงินเข้าพรรคภูมิใจไทยจำนวนมากของนอมีนีนายศักดิ์สยาม ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยบริจาคเงินให้กับพรรคมาก่อน
จากประเด็นดังกล่าวทำให้เกิดการร้องไปที่กกต.ว่าเป็นการกระทำผิดพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 มาตรา 72 หรือไม่ ที่ห้ามไม่ให้พรรคการเมืองและผู้ดำรงตำแหน่งในพรรคการเมืองรับบริจาคเงินทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดโดยรู้หรือควรจะรู้ว่าได้มาโดยไม่ชอบ
โดยมีบทลงโทษถึงขั้นให้ยุบพรรคภูมิใจไทยตามมาตรา 92 ซึ่งเหมือนกับกรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ให้พรรคอนาคตใหม่กู้เงิน และนำมาซึ่งการยุบพรรคตามมาตราดังกล่าวเช่นกัน
แต่ผ่านมาถึงเวลานี้ กกต.กลับไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบพรรคภูมิใจไทยมากนัก เพราะมีแต่เพียงนายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกกต. อ้างว่าอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานของนายทะเบียนพรรคการเมือง ซึ่งจากคำให้สัมภาษณ์ของผู้นำสูงสุดของกกต.ดูเหมือนยิ่งเป็นการตอกย้ำถึงมาตรฐานการทำงานของกกต.ที่กำลังมีปัญหา
ต้องไม่ลืมว่าข้อเท็จจริงบางประการที่เกี่ยวข้องกับคดียุบพรรคภูมิใจไทยนั้นเป็นที่ยุติมาแล้วตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในกรณีของนายศักดิ์สยามตั้งแต่เมื่อวันที่ 17 มกราคม โดยเฉพาะการระบุถึงกระบวนการบริจาคเงินเข้าพรรคภูมิใจไทย ซึ่งเกิดขึ้นก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยในวันที่ 31 มกราคม ประทับหน้าผากพรรคก้าวไกลว่าล้มล้างการปกครองด้วยซ้ำ ทว่ากกต.กลับใช้สปีดในการทำงานแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
แม้ประธานกกต.จะอ้างว่ากรณียุบพรรคก้าวไกลนั้นกกต.ได้ติดตามมาต่อเนื่องระหว่างศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาคดีล้มล้างการปกครอง ก่อนที่จะนำมาสู่การพิจารณาได้อย่างรวดเร็ว แต่นั่นก็ไม่ต่างอะไรกับการเปลือยตัวเองออกมาให้สังคมได้เห็นว่า
กกต.แทบไม่ได้แตะต้องคดียุบพรรคภูมิใจไทยเลย เพราะหากจะพิจารณาตามหลักเหตุผลแล้วคดียุบพรรคก้าวไกลและพรรคภูมิใจไทย ควรใช้เวลาพิจารณาคดียุบพรรคไล่เลี่ยกัน ไม่ใช่แตกต่างกันมากขนาดนี้ จนเกิดเสียงวิจารณ์ถึงมาตรฐานการทำงาน
เวลานี้องค์กรอิสระกำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายครั้งสำคัญ ในอดีตประเทศไทยเคยวิกฤติศรัทธาในกระบวนการทำงานขององค์อิสระมาแล้ว ถ้าใครเกิดทันยุคนั้นก็คงทราบดีว่าเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทยบ้าง
ถ้ากงล้อประวัติศาสตร์หมุนวนซ้ำขึ้นมาอีก กกต.คงไม่อาจเป็นปฏิเสธได้ว่าตนเองก็เป็นต้นเหตุเช่นกัน
------------------------------
**หมายเหตุ
ดาวโหลดแอป Sondhi App ได้แล้ว
ระบบ iOS ไปที่ AppStore :https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647
ระบบ android ไปที่ Google Play :https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android