“ข่าวลึกปมลับ” เผยแพร่ทางแอปพลิเคชั่น SONDHI APPสถานีโทรทัศน์ NEWS1 ช่องยูทูปNEWS1 และเฟซบุ๊กแฟนเพจNEWS1 โดย นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม เครือผู้จัดการ วันจันทร์ที่ 25 มีนาคม 2567 ตอน ฟอกขาว ‘จำนำข้าว’ นิรโทษกรรมปูทาง ‘ยิ่งลักษณ์’ กลับไทย
การเดินทางกลับประเทศไทยของ 'ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร' เริ่มมีการพูดถึงความเป็นไปได้มากขึ้น นับตั้งแต่อดีตนายกรัฐมนตรีผู้พี่ 'ทักษิณ ชินวัตร' ได้ชิมลางกลับมาคืนสู่มาตุภูมิมาก่อน ประกอบกับได้รับสิทธิในการรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล จนครบเงื่อนไขได้รับการพักโทษในเวลาต่อมา ในฐานะเป็นนักโทษสูงอายุและมีอาการเจ็บป่วยต่อเนื่อง
เดิมทีโอกาสของยิ่งลักษณ์มีน้อยพอสมควร เนื่องจากคดีอาญาที่ตัวเองต้องรับนั้นมีโทษจำคุกถึง 5 ปี จากกรณีของการละเว้นปฏิบัติหน้าที่ที่ปล่อยให้เกิดการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว อีกทั้งยิ่งลักษณ์ยังมีอายุไม่ถึงที่จะเข้าองค์ประกอบการของเป็นนักโทษชราภาพหรือมีการเจ็บป่วยเหมือนกับทักษิณ ทำให้ความเป็นไปได้ของยิ่งลักษณ์เบาบางลงไป
อย่างไรก็ตาม หลังจากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้พิจารณายกฟ้องคดีสำคัญถึง 2 คดี ได้แก่ 1.กรณีการโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี ออกจากตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ และ 2.โครงการโรดโชว์ สร้างอนาคตประเทศไทย 2022 จำนวนเงิน 239,700,000 บาท บวกกับที่ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2564 ศาลปกครองกลางสั่งเพิกถอนคำสั่ง กระทรวงการคลัง ที่ 1351/2559 ลงวันที่ 13 ตุลาคม 2559 ที่เรียกให้ ยิ่งลักษณ์ ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจากโครงการจำนำข้าว เป็นเงิน 35,717,273,028.23 บาท
กลายเป็นปัจจัยเร้าที่ทำให้กระแสข่าวว่า ยิ่งลักษณ์จะเดินทางกลับประเทศเริ่มถูกกระพือเพิ่มมากขึ้น
เหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะส่วนหนึ่ง 'ยิ่งลักษณ์' แทบไม่มีคดีใหญ่ที่ต้องขึ้นศาลอีกแล้ว เหลือเพียงแค่ครอบครัวชินวัตรนำโดยพี่ใหญ่อย่าง 'ทักษิณ' จะมองเรื่องนี้อย่างไร โดยเฉพาะสถานการณ์ทางการเมือง ณ เวลานี้ที่มีความแตกต่างจากเมื่อครั้งที่ทักษิณได้กลับบ้านเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่าเสียงท้วงติงในกรณีของทักษิณค่อนข้างรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปิดหน้าเดินสายและให้สัมภาษณ์อย่างตรงไปตรงมาหลังจากได้รับการพักโทษ ซึ่งด้านหนึ่งได้สร้างความไม่พอใจกับฝ่ายตรงข้ามพอสมควร
ดังนั้น หากจะให้ยิ่งลักษณ์กลับบ้านโดยอาศัยช่องทางเหมือนที่ตัวเองเคยทำมาก่อน อาจจะไม่ดีต่อครอบครัวชินวัตรและรัฐบาลเอง ดังนั้น การใช้ช่องทางนิรโทษกรรม จึงอาจถูกหยิบยกขึ้นมาปัดฝุ่นอีกครั้ง
ปัจจุบัน กระบวนการผลักดันการนิรโทษกรรมอยู่ในขั้นตอนของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางตรา พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่มีนายชูศักดิ์ ศิรินิล ส.ส.บัญชีรายชื่อและมือกฎหมายของพรรคเพื่อไทย ทำหน้าที่เป็นประธาน ซึ่งจะว่าไปแล้วก็ยังไม่มีความคืบหน้ามากเท่าใดนัก นอกจากการพิจารณาในเชิงหลักการเท่านั้น หรือท่าทีของพรรคก้าวไกลที่ต้องการให้นิรโทษกรรมคดี 112 ด้วย โดยที่พรรคเพื่อไทยเองก็ยังไม่ตอบรับ หรือปฏิเสธข้อเสนอของพรรคก้าวไกล
อย่างไรก็ตาม การจะผลักดันการนิรโทษกรรมให้ครอบคลุมถึงเรื่องการทุจริตนั้นทำได้ยาก เพราะพรรคเพื่อไทยเคยมีประสบการณ์ที่ล้มเหลวมาแล้ว จึงจำเป็นที่ต้องสร้างบรรยากาศที่ดีเพื่อให้ลดความตึงเครียดไม่ให้เกิดขึ้น โดยเริ่มปรากฎให้เห็นแล้วจากท่าทีของ 'ภูมิธรรม เวชยชัย' รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ที่ระบุถึงคุณภาพที่ดีของข้าวในสต๊อกตามโครงการรับจำนำข้าวที่จังหวัดสุรินทร์
เมื่อรวมเอากรณีของยิ่งลักษณ์ที่ศาลปกครองได้ยกฟ้องทำให้ยิ่งลักษณ์ไม่ต้องชดใช้เงินเมื่อปี 2564 ด้วยแล้ว ซึ่งก็น่าจะทำให้สังคมคล้อยตามว่านโยบายจำนำข้าวไม่ได้มีเฉพาะด้านมืดเท่านั้น เพียงแต่การจะนิรโทษกรรมนั้นอาจต้องทำแบบมีเงื่อนไข เพื่อไม่ให้เกิดแรงเสียดทานจนกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว
เช่น การกำหนดให้ต้องกลับมาติดคุกอย่างน้อย 2 ใน 3 หรือ ประมาณ 3 ปี จากโทษจำคุกทั้งหมด 5 ปี ซึ่งการจำคุกที่ว่านี้ก็อาจเป็นการนอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลก็ได้ ซึ่งกรมราชทัณฑ์มีบรรทัดฐานแล้วจากกรณีของทักษิณ เป็นต้น
แต่กระนั้นเรื่องทำนองนี้การใช้แต่กฎหมายอย่างเดียวคงไม่อาจสำเร็จได้ เพราะต้องอาศัยปัจจัยทางการเมืองด้วย ซึ่งถ้าทักษิณอยากให้น้องรักกลับมาอยู่ด้วยกัน ย่อมรู้ดีว่าจะต้องทำอย่างไร
------------------------------
**หมายเหตุ
ดาวโหลดแอป Sondhi App ได้แล้ว
ระบบ iOS ไปที่ AppStore :https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647
ระบบ android ไปที่ Google Play :https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android