xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

“เพื่อไทย” ตามน้ำนิรโทษฯ สะดุด “คนชั้น14” ดันสุดซอย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - แรกๆ เหมือนจะไม่เอาด้วย ตามอาการแหยงจากแผลเดิมที่ยังไม่ตกสะเก็ด เมื่อสมัยรัฐบาล “น้องปู“ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ย่ามใจ ดันร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมฉบับ ”สุดซอย“ จนก่อกำเนิด “กปปส.” ออกมาอาละวาด ตะเพิดรัฐบาล จน “เจ๊ปู” ต้องตกเก้าอี้

ซ้ำร้ายยังเป็นหนึ่งในเหตุที่เป็นชนวนที่ทำให้ทหารเอารถถังออกมาจอดเกลื่อนกลาดกลางกรุง เมื่อปี 2557 ประเทศอัมพาตถูกแช่เย็นไปนานร่วม 5 ปี กว่าจะมีเลือกตั้งอีกรอบในปี 2562

พรรคเพื่อไทย เวอร์ชั่น “อุ๊งอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวใหญ่ จึงไม่กล้าผลีผลามรีบออกตัวว่า จะโยนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเข้าไปประกับฉบับของ “ค่ายสีส้ม” พรรคก้าวไกล ที่ออกตัวเร็วในเกมชิงมวลชนครั้งนี้
แม้ในใจลึกๆ อยากจะเสนอเข้าไปประกบตั้งแต่ทีแรก เพื่อไม่ให้ “ก้าวไกล” ได้ซีน แต่ต้องคำนึงถึงหนังม้วนเก่า เพื่อไม่ให้เรื่องราวลงเอยแบบเดิม

ประกอบกับรัฐบาล “เสี่ยนิด” เศรษฐา ทวีสิน เพิ่งจะเข้ามาบริหารประเทศหมาดๆ ยังไม่เข้าที่เข้าทาง ทะเล่อทะล่าเข้าไปแตะของร้อนอย่าง “พ.ร.บ.นิรโทษกรรม” อายุอาจสั้นได้

“เพื่อไทย” นั้นรู้แต่แรกว่า เจตนาของ “ก้าวไกล” นั้นคืออะไร
โดยเฉพาะการเสนอให้นิรโทษกรรมครอบคลุมไปถึงผู้กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งส่วนใหญ่ผู้ที่กระทำผิด หรือผู้ถูกคุมขัง เป็นคนหนุ่มสาวสาย “สามนิ้ว” เสียเป็นส่วนใหญ่

คนเหล่านี้ล้วนเป็นฐานคะแนนของ “ก้าวไกล” ที่หากช่วยได้สำเร็จ หรือแม้แต่ได้เริ่มลงมือทำ ก็สามารถซื้อใจ หรือมัดใจให้กับคนเหล่านี้ได้

รวมไปถึงบรรดาคนรุ่นใหม่ทั้งหลายที่มองว่า ผู้กระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เป็นคดีการเมือง ที่อาจจะเทใจให้พรรคก้าวไกลมากขึ้นที่กล้าต่อสู้เรื่องนี้ ผิดกับพรรคเพื่อไทยที่เลี่ยงมาตลอด เพราะรู้ว่าเป็นเรื่องที่แตะต้องไม่ได้
ทั้งที่ในความเป็นจริง นอกจากเรื่องคะแนนนิยมที่พรรคก้าวไกลคาดหวังจากการเดินเครื่องผลักดันร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม “ฉบับสีส้ม” อีกจุดประสงค์ซ่อนเร้นนั่นคือ การช่วยเหลือองคาพยพของตัวเองทั้งในและนอกพรรคก้าวไกล
โดยปัจจุบันมีองคาพยพในกลุ่มนี้ที่ถูกดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 หลายคน “ตัวเอ้” เลยคือ “เสี่ยเอก” ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และแกนนำคณะก้าวหน้า “หนูช่อ” พรรณิการ์ วานิช อดีตโฆษกพรรคอนาคตใหม่ ที่ทั้งคู่ถูกยกให้เป็น “ศาสดาก้าวไกล”

ขณะที่ สส.พรรคก้าวไกลปัจจุบันติดชนักกันหลายคน ไม่ว่าจะเป็น “หนูไอซ์” รักชนก ศรีนอก สส.บางบอน กทม. ที่กำลังปากกล้าขาสั่นอยู่ในเวลานี้ งัดเอกสิทธิ์ สส.มาถ่วงเวลาคดีตัวเอง “โตโต้” ปิยรัฐ จงเทพ สส.บางนา กทม. อดีตหัวหน้าการ์ดม็อบสามนิ้ว และ “ลูกเกด” ชลธิชา แจ้งเร็ว สส.ปทุมธานี ตัวจี๊ดม็อบสามนิ้ว
แม้แกนนำพรรคก้าวไกลจะพยายามออกตัวว่า คนเหล่านี้พร้อมจะสละสิทธิ์ไม่รับการนิรโทษกรรมใดๆ รวมไปถึงผู้นำจิตวิญญาณอย่าง “เสี่ยเอก” ด้วย เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง แต่ในทางกฎหมายมันยากในเรื่องของการ “สละสิทธิ์-ยกเว้น”

อย่างไรเสียคนพวกนี้ย่อมได้ผลพลอยได้จากร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม “ฉบับสีส้ม” หากผ่านสภาไปได้

ว่ากันตามเนื้อผ้าร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม “ฉบับสีส้ม”
ที่เป็นปัญหาอยู่น่าจะเป็นเรื่องผู้กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่มีทั้งฝั่งเห็นด้วย-ไม่เห็นด้วย ถ้าตัดเรื่องนี้ออกไปเพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย โอกาสที่จะผ่านก็มีเหมือนกัน

แต่ “ก้าวไกล” คงไม่ยอมให้ตัดออกแน่ เพราะเป็นเนื้อหาชูโรงที่จะเรียกคะแนนความนิยมจากฐานแฟนคลับ ต่อให้สุดท้ายล้มเหลว แท้งคาสภา อย่างน้อยยังเป็นสัญลักษณ์ว่า ได้พยายามผลักดันแล้ว

ขณะที่ “เพื่อไทย” หลังจากยึกยัก หวาดระแวงแหยงเข้าเส้น ปรากฏว่า มีการขยับจาก “เสี่ยบอย” สรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว และเลขาธิการพรรคเพื่อไทยป้ายแดง ว่าจะเสนอร่างประกบ

โดยสูตรของ “เสี่ยบอย” คือ ให้มีการตั้งคณะกรรมการวิสามัญขึ้นมาเพื่อศึกษาเรื่องการนิรโทษกรรมให้ตกผลึกเสียก่อน แล้วจึงค่อยเสนอร่างกฎหมายเข้ามา
แน่นอนว่า สูตรนี้เหมือนจะรอบคอบ เพราะให้มีการถกเถียงกันจนตกผลึกแล้วนำสิ่งที่ได้ไปร่างเป็นกฎหมาย เพื่อโอกาสในการประสบความสำเร็จ
แต่ก็ไม่พ้นถูกตั้งข้อสังเกตว่า เรื่องการศึกษาเกี่ยวกับการนิรโทษกรรมกับการปรองดองนั้น มีมากมายหลายตำรานับตั้งแต่เกิดการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549
เนื้อหาของผลการศึกษาของคณะกรรมการ และองค์กรต่างๆ ถูกตีแผ่กันพรึบพรับ หยิบเอามาใช้กันไปแล้วหลายหน ไม่ว่าจะเป็นของ อ.คณิต ณ นคร อดีตประธาน คอป. ฉบับสถาบันพระปกเกล้า ฉบับ นพ.ประเวศ วะสี และอื่นๆ อีกมากมาย
เนื้อหาคล้ายๆ กัน ต่างกันในรายละเอียดปลีกย่อย แต่ที่ทุกๆ ครั้งมันไม่ประสบความสำเร็จ เพราะเจตนา “แอบแฝง” ที่ซ่อนเร้นเอาไว้
เหมือนกับร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม สมัย “รัฐบาลปู” ที่ขึ้นเป็นลำไม้ไผ่อยู่ดีๆ แต่ถูกลักหลับเป็น “ฉบับสุดซอย” ที่ไปไม่ถึงฝัน เพราะมีการดึงประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมมาเป็นเครื่องบังหน้า แต่เจตนาคือ ต้องการล้างโทษให้กับเหล่านักการเมืองที่มีคดีความทุจริต โดยเฉพาะ “นายใหญ่” ทักษิณ ชินวัตร ที่ยามนั้นยังหนีคดีอยู่ที่ต่างประเทศด้วย จึงวุ่นวาย กลายเป็น “ม็อบชัตดาวน์” ในกาลต่อมา
ฉะนั้น จุดประสงค์ที่จะตั้งคณะกรรมการศึกษาก่อน จึงถูกตั้งคำถามว่า จะไปศึกษาอะไร หรือต้องการดึงเรื่อง ปรับเสริมเติมแต่ง เพิ่มออปชั่นอะไรบางอย่างที่ตัวเองต้องการหรือไม่
โดยเฉพาะเรื่องคดีทุจริตคอร์รัปชั่นที่เกิดขึ้นในช่วงความขัดแย้งทางการเมืองนับตั้งแต่ปี 2549 เป็นต้นมา ที่จะได้รับการล้างผิด
เพราะจะเห็นว่า เริ่มมีการพยายามนำคดีความต่างๆ ที่ถูกเคยคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ชุด “อ.แก้วสรร อติโพธิ” มาพูดว่า เป็นการกลั่นแกล้งทางการเมืองอีกแล้ว
ตรงนี้หากหมายรวมถึง นั่นหมายความว่า “ทักษิณ” และนักการเมืองคนอื่นๆ ที่ถูกเอาผิดในช่วงนั้น ทั้งที่ถูกดำเนินการแล้ว ทั้งที่หลบหนี จะ “พ้นผิด” หมด
แม้จะมีบางคนพยายามแก้ต่างว่า “ทักษิณ” กลับมาประเทศไทยเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และรับโทษแล้ว คงไม่ต้องดิ้นรนเพื่อให้ตัวเองได้รับการนิรโทษกรรม เพื่อให้เกิดความขัดแย้ง แต่ต้องไม่ลืมว่า คนทุกคนไม่มีใครอยากมีประวัติในแฟ้มคดี หรือได้ขึ้นชื่อว่า เป็นอดีตนักโทษชาย
ยิ่ง “ทักษิณ” กำลังเป็นคนที่ทรงอิทธิพลทางการเมืองในเวลานี้ และแน่นอนว่า ต้องการมีบทบาทในเบื้องหน้าแบบไม่ผิดกฎหมาย ย่อมอดไม่ได้ที่ “ได้คืบจะเอาศอก”
และไหนๆ จะผลักดันร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมทั้งที ไหนๆ จะเสี่ยง “เพื่อไทย” ย่อมไม่ปล่อยนาทีทองให้หลุดลอยไปแน่นอน
อยู่แค่จะใช้วิธีไหน เขียนแบบไหน ให้สังคมรับได้เท่านั้น
และต้องไม่ลืมว่า คนที่ถูกดำเนินคดีของ “ตระกูลชินวัตร” ไม่ได้มีแค่ “ทักษิณ” แต่ยังมี “เจ๊ปู” ที่ถูกดำเนินคดีโครงการรับจำนำข้าว และที่จ่อจะพิพากษาอยู่คือ กรณีเด้งถวิล เปลี่ยนศรี ออกจากเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ไปเป็นแช่กรุในตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำในตอนนั้นอีก
หากมีการนิรโทษกรรมครอบคลุมคดีทุจริตที่เกิดขึ้นในช่วงความขัดแย้งทางการเมือง “เจ๊ปู” ย่อมต้องได้อานิสงส์ด้วย เพราะอยู่ในไทม์ไลน์เวลาเหล่านั้น
ทั้งนี้ หลังจาก “ทักษิณ” ได้กลับมาเหยียบแผ่นดินไทยแบบไม่นึกไม่ฝัน สิ่งที่คนเหล่านี้ต้องการคือ รอเวลาและหาวิธีพา “ยิ่งลักษณ์” กลับจากต่างแดนด้วย ซึ่งยังคงมีความพยายามนั้นอยู่ เพียงแต่จังหวะเวลามันยังไม่ได้ และ “ทักษิณ” เพิ่งจะกลับได้ไม่นาน หากจะละโมบโลภมากจะพา “ยิ่งลักษณ์” ติดคุกแบบวีไอพีชั้น 14 ด้วย คงเป็นคำขอที่มากเกินไป
นอกจาก “เจ๊ปู” ที่จะได้รับผลแห่งอานิสงส์นี้ “เจ๊ ด.” อีกนางพญาของพรรคเพื่อไทย ที่ก่อนหน้านี้ถูกตรวจสอบเรื่องคดีทุจริตการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ก็จะรอดบ่วงไปด้วยเช่นกัน เพราะอยู่ในไทม์ไลน์ความขัดแย้งเช่นเดียวกัน

ถ้าจะใช้ช่วงเวลา “มั่วบ้านงาน” ตามน้ำเรื่องนิรโทษกรรมกับพรรคก้าวไกล อย่างไรเสียก็ต้องใช้โอกาสนี้ในการเนียนเข้าไป
เรื่องการต่อรองเจรจากับพรรคร่วมรัฐบาลคงไม่มีปัญหา เสียงในสภาน่าจะฉลุยได้ เพียงแต่ความขัดแย้งรอบใหม่ของสังคมอาจจะปะทุหนัก
เพราะทุกวันนี้คนก็คิดว่า “ทักษิณ” ได้อภิสิทธิ์เป็น “เทวดาชั้น 14” มากพอแล้ว หากไม่ลดราวาศอกในการตักตวง อาจจะสร้างความไม่พอใจให้กับคนในสังคม จนต้องลุกออกมาประท้วงกันอีกครั้ง จน “หัวหน้าอิ๊งค์” ต้องออกมายืนยันว่า ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้จะไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อช่วยเหลือบุคคลใดบุคคลหนึ่งอย่างแน่นอน โดยระบุว่า ไม่เกี่ยวกับพ่อของตนเองที่ได้รับพระราชทานอภัยลดโทษ และเมื่อวันที่ 5 ธันวาคมที่ผ่านมาก็ไม่มีการพระราชทานอภัยโทษเกิดขึ้นตามที่ข้อครหาประการใด

สุดท้ายนิรโทษกรรมจะไม่ได้ติดหล่มที่ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เท่านั้น แต่จะมี “ทักษิณ” นี่แหละที่ถ่วงให้ภารกิจนี้ไม่สำเร็จ.


กำลังโหลดความคิดเห็น