xs
xsm
sm
md
lg

‘ครูมานิตย์’ แจงลุกประท้วง ‘จุรินทร์’ พาดพิงบุคคลภายนอก ยอมรับเป็นองครักษ์พิทักษ์ “แม้ว”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



‘ครูมานิตย์’ แจงเหตุลุกประท้วง ‘จุรินทร์’ เพราะพาดพิงบุคคลภายนอก ยอมรับหากคนมองเป็นองครักษ์พิทักษ์ "ทักษิณ" ชี้ภาพรวมอภิปรายงบฯ 67 เป็นไปได้ด้วยดี

วันนี้ (4 ม.ค. 67) ที่อาคารรัฐสภา นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สมาชิกสภาผู้แทนราษฏร (สส.) จังหวัดสุรินทร์ พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงภาพรวมของการอภิปรายในการประชุมร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ 2567 ว่า ก็ดี และมองว่าผิดคาด ตอนแรกนึกว่าพรรคก้าวไกลจะอภิปรายนอกจอ แต่ส่วนใหญ่เป็นการพูดเชิงวิชาการโดยเฉพาะการอภิปรายของนางสาวศิริกัญญา ตันสกุล และนายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกลก็ดี แม้ว่าอาจจะหลุดพูดถึงเรื่องวาทะกรรมบ้าง ซึ่งไม่ได้แปลกอะไร

ส่วนบรรยากาศในการอภิปรายเงียบเหงาหรือไม่เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา นายครูมานิตย์ ระบุว่า แน่นอน เพราะครั้งที่ผ่านมาเปรียบเสมือนสงครามกลางสภา ซึ่งครั้งก่อนพรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกลกับ 3ป. อยู่ตรงกันข้ามอย่างชัดเจน ถึงเห็นความชัดเจนในภาคสนาม และเข้าสู่ความชัดเจนในภาพสภา ซึ่งอาจรู้กันตั้งแต่การอภิปรายเรื่องงบประมาณไปจนถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ

ส่วนนายกรัฐมนตรีได้มีการกำชับอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ นายครูมานิตย์ ระบุว่า เราพูดคุยกันตลอด เพราะตนเองได้รับมอบหมายให้เป็นคนดูแล สส. จากพรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมรัฐบาล พร้อมกับเลขาวิป ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็อยู่ในสภาตลอด ไม่ได้กังวลอะไร บางครั้งนายกรัฐมนตรีก็เปิดโอกาสให้สส. จากพรรคร่วมรัฐบาล และพรรคฝ่ายค้านเข้าไปพบเป็นการส่วนตัวเพื่อพูดคุยถึงปัญหา

สำหรับการอภิปรายของนายจุรินทร์ ลักษณ์วิศิษฏ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฏร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ที่พาดพิงไปถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีนั้น นายครูมานิตย์ เชื่อว่า ในสภาวันนี้ทุกคนแยกแยะออก ยกเว้นนายจุรินทร์ ที่ตนเองลุกขึ้นประท้วง เพราะมองว่านายจุรินทร์เป็นนักการเมืองอาวุโส ถ้าเป็นเด็ก ๆ อภิปรายคงไม่ซีเรียส ซึ่งเบื้องต้นตนเองเห็นตั้งแต่พูดถึงเรื่องถุงเท้า

“คนเคยเป็นรองนายกรัฐมนตรี เป็นรัฐมนตรีไม่รู้กี่กระทรวง อภิปรายเรื่องถุงเท้าขึ้นไป และพยายามพายเรือออกนอกกรอบ ถือเป็นสไตล์เดิม ๆ โดยไม่ใช่เรื่องแปลก แต่อยากเตือนเท่านั้นเอง หากต้องการอภิปรายก็มีเวทีอยู่ ซึ่งในครั้งนี้เป็นการอภิปรายเรื่องงบประมาณ ไม่เกี่ยวกันกับนายทักษิณ” นายครูมานิตย์ กล่าว

ส่วนการลุกขึ้นประท้วงเมื่อวานนี้ ยังไม่ได้มีการเอ่ยชื่อ หรือพาดพิงนายทักษิณ นายครูมานิตย์ ระบุว่า ตนเองคิดว่าประท้วงไว้ก่อน และคิดไว้ว่า พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมจะมีการชี้แจง เพราะเป็นผู้รับผิดชอบโดยตรง เราเป็นเพียง สส. ไม่ใช่เสนาบดีกระทรวงยุติธรรม ซึ่งจะมองว่าเป็นองครักษ์หรือไม่ ก็แล้วแต่มุมมอง ตนเองอยู่มาตั้งแต่พรรคไทยรักไทยปี 2544 ในสมัยที่นายทักษิณ เป็นหัวหน้าพรรค ซึ่งถือว่าเป็นคนที่รู้จักกัน ให้ความเคารพนับถือ จึงพยายามตั้งคำถามว่า 17 ปีที่ไปอยู่ต่างประเทศ มีใครเรียกร้องความเป็นธรรมหรือไม่กับการโดนปฏิวัติ และตอนนี้กลับมาประเทศไทย ก็ยอมรับกติกา เพียงแต่มีปัญหาสุขภาพ ซึ่งตนเองมองว่าไม่ยุติธรรม หากจะนำเรื่องนี้มาพูดในสภา

“หากถามว่าผมเป็นองครักษ์พิทักษ์หรือไม่ ผมตอบแบบไม่อายเลยว่า บางครั้งมีความจำเป็น เพราะเขาเป็นคนหนึ่งที่ทำให้ผมได้มีโอกาสยืนอยู่ในสภาวันนี้ และตั้งแต่ปี 2544 ตั้งแต่เป็นหัวหน้าพรรคไทยรักไทย” นายครูมานิตย์ กล่าว

สำหรับในอนาคตหากมีการพาดพิงอีก จะลุกขึ้นประท้วงอีกหรือไม่ นายครูมานิตย์ ระบุว่า ไม่ใช่เชิงประท้วง แต่ต้องชี้แจงข้อคิดเห็น หรือแลกเปลี่ยนกัน เพื่อให้สังคมเกิดความเข้าใจ เพราะการพูดอยู่ฝ่ายเดียว โดยไม่มีใครชี้แจงนั้น จะทำให้คนคิดว่าเป็นเรื่องเท็จจริง ซึ่งเมื่อวานนี้ประธานสภาให้เวลาน้อยไป แต่ตนเองเข้าใจว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมจะชี้แจงอยู่แล้ว และเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับงบประมาณ อย่านำเข้ามา เหมือนลากเรื่องนายทักษิณเข้ามาเพียงคนเดียวแบบเจาะจง เพราะวันนี้ท่านไม่ได้เล่นการเมืองแล้ว อยากให้ความเป็นธรรมกับท่าน โดยมุมมอง หลักการ เหตุผลของแต่ละคนต่างกัน

“ผมเชื่อว่าท่านนายกทักษิณโดนกลั่นแกล้ง เหมือนท่านนายกยิ่งลักษณ์ ในกรณีการโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี ที่ตัดสินแล้วว่าคดีนี้นางสาวยิ่งลักษณ์ไม่มีความผิด ผมจึงอยากถามกลับว่ามีใครช่วยนางสาวยิ่งลักษณ์ได้หรือไม่” นายครูมานิตย์ กล่าว

สำหรับการอภิปรายของนางสาวศิริกัญญา ที่ตั้งคำถามว่ากับรัฐบาลที่สืบทอดชื่อเสียงกันมาว่าเก่งด้านเศรษฐกิจ ขึ้นชื่อเรื่องหาเงินได้ ใช้เงินเป็น นายครูมานิตย์ มองว่า เป็นวาทะกรรม เป็นมุมมองซึ่งเมื่อวานตนเองก็ยอมรับในการอภิปรายของนางสาวศิริกัญญา แต่บางเรื่องก็ไม่ใช่ อย่างการพูดว่ารัฐบาลประยุทธ์เป็นการดาวน์ และรัฐบาลเศรษฐาผ่อนต่อ หากในอนาคตพรรคก้าวไกลได้เป็นรัฐบาล ก็ต้องมีงบกลาง ที่เหมือนเป็นการตีเช็คเปล่า ในทุก ๆ สมัย แล้วแต่ว่าจะใช้วาทะกรรมอย่างไร ซึ่งตนเองอยากให้ฟังอย่างมีสติ และในวันข้างหน้า หากเขาได้ขึ้นมาบริหารประเทศ จะได้รู้ว่าฝ่ายปฏิบัติ กับฝ่ายทฤษฎีมันต่างกัน


กำลังโหลดความคิดเห็น