แม่จูงมือลูกชายร้องกองปราบ ถูกเพื่อนสนิทใช้มีดแทงจนตาบอด เหตุแขวะกันในโซเชียล ไปสมัครงานที่ไหนก็ไม่มีใครรับ เพราะตาบอด เตรียมเรียกค่าเสียหาย 1.5 ล้านบาท
วันนี้ (17 ต.ค.) ที่ ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นายธมนันท์ แตงทิม หรือ “จ่าคิงส์ สะพานใหม่” พา นายพรเทพ (สงวนนามสกุล) อายุ 27 ปี พร้อม นางรัชนี (สงวนนามสกุล) อายุ 54 ปี มารดา นายพรเทพ เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.วิวัฒน์ชัย เกษีสังข์ รอง สว.(สอบสวน) กก.1 บก.ป. เพื่อร้องขอความเป็นธรรม หลัง นายพรเทพ ได้ถูกเพื่อนสนิทใช้อาวุธมีดแทงจนตาบอด เหตุเกิดในท้องที่ สน.คันนายาว เมื่อวันที่ 18 พ.ค.ที่ผ่านมา แต่จนถึงนี้คดีไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควร
นางรัชนี ผู้เป็นแม่ กล่าวว่า ผู้ก่อเหตุอยู่บ้านใกล้กัน เป็นเพื่อนกับลูกชายตนตั้งแต่ประถมโตมาด้วยกัน ก่อนเกิดเหตุเวลาลูกชายตนโพสต์อะไรลงโซเชียลก็จะมีคอมเมนต์ที่พูดจาไม่ดี เชิงแขวะว่าลูกตนใช้ของปลอม จนลูกชายตนได้ทักไปถามผู้ก่อเหตุถึงการกระทำดังกล่าว วันที่เกิดเหตุมีโทรศัพท์โทร.มาหาตนว่าลูกชายโดนแทง จึงไปแจ้งความที่ สน.คันนายาว เมื่อวันที่ 18 พ.ค. ที่ผ่านมา แต่คดีไม่คืบหน้า เบื้องต้นหมอบอกว่าต้องผ่าตัดด่วน จอประสาทตาดำแตกละเอียด รักษาตัวอยู่หนึ่งอาทิตย์ ต่อมาลูกชายถูกส่งไปที่โรงพยาบาลอีกที่หนึ่งที่มีอุปกรณ์เครื่องมือดีกว่า หลังจากนั้น ต้องผ่าตัดควักดวงตาออกและใช้ตาเทียมมาใส่แทน ถ้าไม่ควักดวงตาออกจะทำให้ตาอีกข้างติดเชื้อ และอาจจะเสียตาทั้งสองข้าง
“ลูกชายเป็นเสาหลัก ก่อนหน้านี้ ทำงานหาเลี้ยงครอบครัวมาตลอด หลังจากเกิดเหตุ ผู้ก่อเหตุเคยโทร.มาขอโทษแล้ว อ้างว่าไม่ได้ตั้งใจ แต่ฉันติดใจว่าถ้าไม่ได้ตั้งใจลูกจะตาบอดเลยเหรอ จนเมื่อเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา ได้ถามความคืบหน้าของคดี แต่ก็ไม่มีความคืบหน้า พรุ่งนี้จะครบ 5 เดือนแล้วที่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น อยากขอให้กองปราบช่วยเหลือดำเนินคดีให้ถึงที่สุด และขอเรียกร้องค่าเสียหาย 1.5 ล้านบาท เพราะลูกชายตาบอดตลอดชีวิต ไปสมัครงานที่ไหนก็ไม่มีใครรับ” นางรัชนี กล่าว
นายพรเทพ กล่าวว่า เวลาตนโพสต์ในโซเชียลก็มีคอมเมนต์ของผู้ก่อเหตุที่เป็นเพื่อนกันพูดจาไม่ดีตลอด ตนจึงทักไปถามว่ามีปัญหาอะไรให้ก็ให้มาคุยกัน หลังจากนั้น ตนและผู้ก่อเหตุก็ได้นัดเจอ และได้มีการพูดคุยกันในซอยหมู่บ้าน วันเกิดเหตุผู้ก่อเหตุใส่หมวกกันน็อก แต่ตนไปตัวเปล่าไม่มีอาวุธติดมือไปด้วย ตนเห็นผู้ก่อเหตุถือมีด แต่ไม่คิดว่าจะแทงตน หลังจากนั้น อยู่ๆ เขาก็วิ่งมาแทงแบบไม่ได้ตั้งตัว จึงติดใจว่าที่ผู้ก่อเหตุมาขอโทษแม่ตน และอ้างว่าไม่ได้ตั้งใจ ทำไมถึงแทงที่หน้า ทั้งนี้ ถ้าตนมีเจตนาที่จะต่อสู้กับผู้ก่อเหตุคงพกอาวุธไปแล้ว ตนหมดค่ารักษาหลักแสน ประกันสังคมก็กำลังจะหมด ไม่สามารถต่อได้เพราะว่าตอนที่ทำงานอยู่ส่งประกันสังคมไม่ครบ 12 เดือน
ด้านพยานผู้เห็นเหตุการณ์ เผยว่า วันเกิดเหตุตนนั่งอยู่หน้าปากซอย และมีรุ่นพี่โทร.มาบอกว่าผู้ก่อเหตุและผู้เสียหายมีปัญหาทะเลาะกัน จึงเดินทางไปถามว่ามีปัญหาอะไรกัน และเข้าไปห้าม ไม่คิดว่าจะเกิดแทงกันขึ้น เพราะว่าทั้ง 2 คน เป็นเพื่อนกัน ผู้ก่อเหตุเป็นเพื่อนที่โตด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆ ผู้ก่อเหตุทำอาชีพขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง
เบื้องต้นพนักงานสอบสวนกองปราบ ได้มีการประสานไปยังพนักงานสอบสวน สน.คันนายาว เพื่อสอบถามรายละเอียดทางคดี ซึ่งหลังจากนี้ จะมีการประมวลเรื่องส่งต่อให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป