เชียงใหม่ - ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ติดตามความคืบหน้าคดีพบศพหญิงข้าราชการเกษียณวัย 63 ปี สภาพถูกไฟเผาไหม้เกรียมเกือบทั้งตัวอยู่ในบริเวณบ้านพัก เบื้องต้นให้น้ำหนักว่าอาจจะเป็นการฆ่าตัวตาย หลังตรวจสอบพบคนตายถูกหลอกร่วมลงทุนสูญเงิน 5.2 ล้านบาท ขณะที่กล้องวงจรปิดไม่พบบุคคลอื่นเข้าออกและคนตายเพิ่งไปซื้อน้ำมันเบนซินบรรจุแกลลอน อย่างไรก็ตามยังไม่ตัดประเด็นอื่น รอผลตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ แต่เบื้องต้นเตรียมเอาผิดบัญชีม้าแก๊งหลอกคนตายลงทุน
ความคืบหน้าคดีที่พบศพนางยุพิณ พงษ์จำรัส อายุ 63 ปี ข้าราชการเกษียณ เสียชีวิตในสภาพถูกไฟเผาจนไหม้เกรียมทั้งตัวอยู่ในบริเวณบ้านพัก หมู่ที่ 3 บ้านขอนตาล ตำบลริมใต้ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ช่วงบ่ายวานนี้ (14 ต.ค. 66) ซึ่งเบื้องต้นมีการตั้งประเด็นว่าอาจจะเป็นการฆ่าชิงทรัพย์ เนื่องจากมีผู้ให้ข้อมูลว่าผู้ตายเพิ่งได้รับเงินปันผลจากสหกรณ์หลายแสนบาท และเพิ่งไปเอาทองคำน้ำหนัก 10 บาทที่ฝากไว้ที่ญาติกลับคืนมาเก็บไว้ที่บ้านนั้น รายงานข่าวจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า ช่วงเย็นวันนี้ (15 ต.ค. 66) ที่สถานีตำรวจภูธรแม่ริม พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒน์ชัย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ประชุมติดตามความคืบหน้าของคดี พร้อมทั้งมีการเชิญตัวบุคคลในครอบครัวของผู้เสียชีวิตมาสอบถามพูดคุยด้วยนานกว่า 1 ชั่วโมง
ทั้งนี้รายงานข่าวแจ้งว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจค่อนข้างให้น้ำหนักในประเด็นเรื่องของการฆ่าตัวตาย เนื่องจากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดทั้งในบ้านและนอกบ้านของผู้เสียชีวิตไม่พบว่ามีบุคคลต้องสงสัยเข้าออกบ้านของผู้เสียชีวิต ขณะเดียวกันจากกล้องวงจรปิดพบว่าเมื่อวันที่ 11 ต.ค. 66 เวลาประมาณ 20.00 น. ผู้เสียชีวิตได้ไปซื้อน้ำมันเบนซิน จำนวน 15 ลิตร บรรจุในแกลลอน 3 ใบ นอกจากนี้จากการตรวจสอบข้อมูลการใช้โทรศัพท์และการโอนเงินพบว่าผู้เสียชีวิตถูกหลอกให้ร่วมลงทุนผ่านทางแพลตฟอร์มหนึ่งทำให้สูญเสียเงินไปรวมทั้งสิ้น 5.2 ล้านบาท ซึ่งอาจจะเป็นแรงจูงใจให้ก่อเหตุ อย่างไรก็ตามยังคงไม่ตัดประเด็นในเรื่องของการถูกฆ่า ตามที่ทางครอบครัวสงสัย โดยเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุอย่างละเอียดส่งไปตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์และอยู่ระหว่างการรอผล
ด้านผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุและการสืบสวนยังคงตั้งประเด็นการเสียชีวิตไว้ทั้งการฆ่าตัวตายและการถูกฆ่าเสียชีวิต ซึ่งต้องรอหลักฐานจากทางนิติวิทยาศาสตร์ก่อน โดยเบื้องต้นตำรวจได้นำหลักฐานคือโทรศัพท์มือถือของผู้ตายที่พบบริเวณหน้าห้องน้ำไปตรวจสอบพบหลักฐานการโอนเงินเพื่อร่วมลงทุนกับแก๊งมิจฉาชีพ รวมเป็นเงินประมาณ 5.2 ล้านบาท จึงได้ทำการสืบสวนขยายผล ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนได้ทำการตรวจสอบโทรศัพท์มือถือของผู้ตาย พบร่องรอยการสนทนาผ่านแอปพลิเคชันไลน์ระหว่างผู้เสียชีวิตกับบุคคลที่เชื่อว่าเป็นคนร้าย ในลักษณะการหลอกลวงให้ร่วมลงทุนผ่านแพลตฟอร์ม Mi jngTong ขณะเดียวกันพบประวัติการโอนเงินลงทุนจากบัญชีธนาคารของผู้ตายไปยังบัญชีธนาคารต่างๆ จำนวน 10 บัญชี 15 รายการ รวมเป็นเงิน 5,200,000 บาท
จากการสืบสวนและหาข้อมูลการกระทำความผิดในลักษณะดังกล่าว พบว่าเป็นการกระทำความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชน, พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินฯ และแผนประทุษกรรมและวิธีการหลอกลวงของคนร้าย ซึ่งเชื่อว่ามีมากกว่าหนึ่งคน กระทำกันเป็นขบวนการติดต่อไปยังผู้เสียหายเพื่อออกอุบายชักชวนให้ร่วมลงทุนโดยมีผลตอบแทนที่คุ้มค่า น่าเชื่อถือ เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อจึงได้โอนเงินไปให้คนร้าย จากนั้นคนร้ายจะทำการโอนเงินที่ได้รับจากผู้เสียหายไปยังบัญชีอื่นเพื่อเป็นการอำพรางเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการกล่าวโทษบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดตามที่กล่าวมาเบื้องต้นแล้วจำนวน 10 คน ซึ่งเป็นส่วนของผู้ที่เปิดบัญชีม้าให้กับเครือข่าย และจะได้ทำการสืบสวนขยายผลดำเนินคดีผู้ที่มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดเพิ่มเติมต่อไป ซึ่งตัวการใหญ่นั้นสืบทราบมาว่าอยู่ในต่างประเทศ