แรงงานไทยคนแรกซื้อตั๋วเครื่องบินเองหนีตายกลับถึงบ้านเกิดแล้ว

ศรีสะเกษ - “ธนาชัย จันสมุทร” แรงงานไทยชาวศรีสะเกษคนแรกซื้อตั๋วเครื่องบินหนีตายกลับถึงบ้านเกิดแล้ว สุดดีใจก้มกราบเท้าพ่อแม่ วอนรัฐเร่งช่วยแรงงานให้เร็วกว่านี้ ยันไม่ขอกลับไปทำงานอิสราเอลอีก เหตุพื้นที่ปะทะใกล้แคมป์ทำงาน ด้านจัดหางานศรีสะเกษ พร้อมเดินเรื่องเบิกค่าเครื่องบินคืนให้


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านเลขที่ 20 หมู่ 11 บ้านหนองคูเหนือ ต.โพนยาง อ.วังหิน จ.ศรีสะเกษ นายอานนท์ หนุนชู นายอำเภอวังหิน พร้อมด้วย ดร.กัลยาณี ธรรมจารีย์ นายกสมาคมส่งเสริมเครือข่ายการท่องเที่ยวศรีสะเกษ, พ.ต.อ.ปรีชา สารถี ผกก.สภ.วังหิน, นายสุริยะ สำเภา กำนันตำบลโพนยาง, นายสมชาย ศรีทา นายก อบต.โพนยาง และคณะนำชาวบ้านหนองคูเหนือมารอให้กำลังใจนายธนาชัย จันสมุทร อายุ 32 ปี ชาวบ้านหนองคูเหนือที่ไปทำงานเกษตรประเทศอิสราเอล

ทั้งนี้ นายธนาชัยได้ซื้อตั๋วเครื่องบินด้วยเงินตนเองไม่รอแผนการช่วยเหลือจากรัฐบาลไทย มีกำหนดเดินทางกลับมาถึงบ้านวันนี้ โดยมีนายวิชัย เลิศภัทรนันท์ แรงงานจังหวัดศรีสะเกษ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำพ่อแม่และตายายไปรอต้อนรับนายธนาชัยที่สนามบินอุบลราชธานี

พลันที่นายธนาชัยเดินทางมาถึง ญาติพี่น้องได้เข้าไปสวมกอดอย่างอบอุ่น ต่างดีใจที่เดินทางกลับมาถึงบ้านอย่างปลอดภัย จากนั้นนายธนาชัยได้เข้าไปกราบเท้านายสดชัย จันสมุทร อายุ 55 ปี และนางทองอินทร์ จันสมุทร อายุ 50 ปี พ่อและแม่ของนายธนาชัย จากนั้นได้นำเอาด้ายมาผูกแขนเพื่อเป็นการต้อนรับกลับสู่บ้านเกิด บรรยากาศเป็นไปอย่างอบอุ่นมาก

นายธนาชัยกล่าวว่า ตนไปทำงานที่ประเทศอิสราเอลตั้งแต่วันที่ 19 ธ.ค. 2561 ทำงานแล้ว 4 ปีกับอีก 10 เดือน อีกเพียง 5 เดือนก็จะครบตามสัญญา ตนเป็นแรงงานไทยชาวศรีสะเกษคนแรกที่กลับมาถึงบ้านเกิด รู้สึกดีใจมากที่เอาชีวิตรอดมาได้ ปกติแล้ววันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ตนจะเดินทางไปเที่ยวกับเพื่อนใกล้กับฉนวนกาซา แต่ว่าวันนั้นนายจ้างสั่งให้ตนมาทำงานในวันเสาร์ ซึ่งเป็นวันที่เกิดเหตุการณ์สู้รบพอดี จึงไม่ได้ไปกับเพื่อนแรงงานคนอื่น ทำให้ตนโชคดีไม่ได้เข้าไปบริเวณที่มีการสู้รบกัน

เหตุที่ตนซื้อตั๋วเครื่องบินกลับมาเอง เนื่องจากว่าสถานการณ์สู้รบน่าจะไม่ยุติง่าย ข่าวที่ออกไปตนเห็นว่าคนไทยน่าจะเสียชีวิตมากกว่านี้ อาจจะค้นหายังไม่เจอก็มี เพราะว่าหายไปแบบติดต่อไม่ได้ก็มี ตนซื้อตั๋วเครื่องบินจำนวนเงิน 37,500 บาท หากสงครามอิสราเอลสงบแล้วตนจะไม่กลับไปทำงานอีกเด็ดขาดเพราะว่าพื้นที่ที่ตนอยู่เสี่ยงมาก การสู้รบใกล้จะมาถึงบริเวณที่ตนทำงานอยู่แล้ว โชคดีที่ทหารตำรวจของอิสราเอลสกัดเอาไว้ได้




“ผมทำงานอยู่ที่บริเวณเมืองเนติวูด ซึ่งหากว่าไม่มีทหาร ตำรวจอิสราเอลสกัดไว้ การสู้รบก็จะถึงแคมป์ของผม แคมป์ที่อยู่ข้างหน้าของผมก็โดนกลุ่มฮามาสบุกเข้ามาไล่ยิงหมดแล้ว ไล่ยิงโดยไม่เลือกว่าเป็นใครชาติไหน กลุ่มฮามาสที่บุกเข้ามาจะยิงทิ้งหมด คนไทยที่อยู่ในแคมป์ด้วยกันก็ขวัญเสียหมดแล้ว ต้องการกลับบ้านมาก แต่ว่าบางคนก็ไม่อยากกลับบ้านเนื่องจากต้องหาเงินส่งงวดรถ ค่าบ้าน และเป็นเสาหลักทำมาหาเลี้ยงครอบครัว หากกลับเมืองไทยก็ไม่รู้ว่าจะไปทำอะไรกิน ไม่มีงานทำ รายได้ก็ไม่มากเท่ากับงานที่อิสราเอล” นายธนาชัยกล่าว และว่า

ขอฝากไปถึงรัฐบาลว่าขอให้การช่วยเหลือเร็วกว่านี้ด้วย เนื่องจากแรงงานจำนวนมากไปลงทะเบียนแล้ว ไม่รู้ว่าจะได้บินกลับประเทศไทยวันไหน จะมารับวันไหน จะเช็กชื่อได้ตรงไหนมีประกาศจำนวนออกมาว่า 4,000-5,000 คน ลงทะเบียนลำดับไหนเราเองก็ไม่รู้ ทุกคนต้องการแบบเรียลไทม์ กดลิงก์เข้าไปสามารถรู้ได้ทันทีว่าชื่อ เลขประชาชนเราขึ้นลำดับใด ซึ่งแรงงานไทยต้องการรู้แบบนั้น ซึ่งแรงงานไทยจำนวนมากไม่รู้เรื่องนี้ ขอฝากรัฐบาลไทย และขอขอบคุณรัฐบาลไทยที่พยายามประสานงานช่วยเหลือเรื่องนี้

นางทองอินทร์ แม่ของนายธนาชัย กล่าวว่า ตนดีใจมากที่ลูกชายเดินทางกลับบ้านเกิดได้อย่างปลอดภัย ช่วงเกิดการสู้รบที่ประเทศอิสราเอลตนกินไม่ได้นอนไม่หลับ เป็นห่วงความปลอดภัยลูกชาย หากการสู้รบที่อิสราเอลสงบแล้ว ตนจะไม่ให้ลูกชายกลับไปทำงานที่ประเทศอิสราเอลอีกต่อไป ทำมาหากินอยู่ที่บ้านเราเองปลอดภัยกว่า




นางทัศนี ขจัดมลทิน จัดหางานจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า นายธนาชัยนั้นเดินทางกลับจากประเทศอิสราเอลมาประเทศไทยก่อนสิ้นสุดสัญญา จะมีสิทธิประโยชน์จากกองทุนบริหารแรงงานต่างประเทศของกรมการจัดหางาน เบื้องต้นจะได้เงินช่วยเหลือฉุกเฉิน 15,000 บาท สามารถยื่นติดต่อขอรับเงินได้ที่จัดหางานจังหวัดศรีสะเกษได้เลย ซึ่งวันนี้จัดหางานจังหวัดศรีสะเกษได้นำเอกสารมาให้นายธนาชัย ได้กรอกข้อมูล พร้อมดำเนินการให้เร็วที่สุด

ก่อนหน้านี้ได้สัมภาษณ์เก็บข้อมูลจากพ่อแม่นายธนาชัยไว้แล้ว ส่วนการที่นายธนาชัยซื้อตั๋วเครื่องบินเดินทางกลับเองนั้น สามารถเบิกค่าตั๋วเครื่องบินคืนได้จากกระทรวงการต่างประเทศ ค่าเดินทางที่เดินทางมาจากสนามบินสุวรรณภูมิเพื่อมาถึงบ้านนั้น ทาง ผวจ.ศรีสะเกษได้มอบหมายให้กระทรวงแรงงานได้จัดรถไปรับที่สนามบิน จ.อุบลราชธานีและนำมาส่งที่บ้านเกิด อ.วังหิน จ.ศรีสะเกษ จึงไม่มีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้น ส่วนค่าตั๋วเครื่องบินจากอิสราเอลมาประเทศไทยเบิกได้แน่นอน ได้แจ้งให้นายธนาชัยเก็บหลักฐานทุกอย่างเอาไว้เพื่อประกอบการเบิกจ่ายเงินค่าตั๋วเครื่องบินคืนให้ต่อไปแล้ว