นครพนม - “โอเล่” แรงงานหนุ่มวัย 30 ปี โชคดีรอดชีวิตกลับจากอิสราเอลพร้อมกับเพื่อนแรงงานอีก 32 ชีวิต ถึงบ้านเกิดอำเภอปลาปากสู่อ้อมกอดแม่ ยอมรับยังคิดถึงอิสราเอลที่ช่วยพาหนีความยากจน ภูมิใจความสำเร็จจากขายแรงงานในฟาร์มเกษตรกว่า 4 ปี สร้างบ้านให้แม่ราคากว่า 2 ล้านบาท ทั้งยังมีเงินเก็บอีกก้อนหนึ่ง หากสงครามสงบอยากกลับไปทำงานอีกครั้ง ขอบคุณรัฐบาลไทย-อิสราเอลช่วยเหลือให้รอดชีวิต
เป็นแรงงานไทยในอิสราเอลอีกคนที่น่าพูดคุย สำหรับ นายชลวิทย์ สุธา อายุ 30 ปี หรือโอเล่ ชาวบ้านกอก ต.ปลาปาก อ.ปลาปาก จ.นครพนม ที่โชคดีรอดชีวิตจากห่ากระสุนสงครามระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มกองกำลังฮามาส ปาเลสไตน์ รัฐบาลไทยได้ประสานการช่วยเหลือกับรัฐบาลอิสราเอลพาบินลัดฟ้าเดินทางกลับถึงไทยแล้วอย่างสวัสดิภาพพร้อมเพื่อนคนงานไทยในแคมป์เดียวกันรวม 32 ชีวิต
บรรยากาศการกลับบ้านของโอเล่ มี นางตุรัตน์ สุธา อายุ 57 ปี แม่ และญาติพี่น้อง ต้อนรับอย่างอบอุ่น ส่วนพ่อของเขาเสียชีวิตตั้งแต่ปี พ.ศ. 2559 ทันทีที่เจอหน้ากันของทั้งสองแม่ลูก หนุ่มโอเล่ปรี่เข้าสวมกอดแม่ พร้อมหอมแก้ม โอเล่ไปทำงานที่อิสราเอลได้นานกว่า 4 ปี ตามสัญญาจ้างรวม 5 ปี แต่เกิดภาวะสงครามเสียก่อน จึงต้องกลับก่อนกำหนดเพื่อเอาชีวิตรอด เสมือนได้ชีวิตใหม่ เพราะไม่คิดจะรอดชีวิตกลับมา
การสู้รบครั้งนี้รุนแรงกว่าทุกครั้ง จากปกติมีแต่การก่อเหตุสร้างสถานการณ์ความวุ่นวาย ไม่ได้ส่งผลกระทบใดๆ ต่อแรงงานไทย
โอเล่ยอมรับอย่างไม่อายว่าครอบครัวมีฐานะยากจน อาชีพหลักทำไร่ทำนา พ่อแม่ต้องดิ้นรนต่อสู้ส่งเขาเรียนหนังสือจนจบปริญญาตรี หวังได้งานทำดีๆ เป็นเสาหลักของครอบครัว จากพี่น้องสองคน มีน้องสาวอีกคน แต่หลังเรียนจบและทำงาน ค่าจ้างเงินเดือนไม่ได้มากมาย ไม่พอใช้จ่าย จึงตัดสินใจไปทำงานต่างประเทศเพราะหวังจะเก็บเงินสร้างฐานะมั่นคงให้ครอบครัว โอเล่เคยฝันอยากมีบ้านใหม่ ยอมเป็นหนี้ให้แม่กู้เงินเป็นค่าใช้จ่ายเดินทางไปทำงานที่อิสราเอล เป็นงานใช้แรงในฟาร์มเกษตร
เงินเดือนผลตอบแทนที่ได้ค่อนข้างสูง ประมาณเดือนละ 40,000-50,000 บาท ซึ่งหาไม่ได้ในเมืองไทย ทำให้เป็นแรงจูงใจให้คนไทยดิ้นรนไปทำงานในอิสราเอล จำนวนมาก แม้จะรู้ว่าเสี่ยงภัยสงคราม แต่เงินที่ได้แต่ละเดือนก็คุ้ม 4 ปีกว่าที่โอเล่ใช้แรงแลกเงินในฟาร์มเกษตรเขาพยายามเก็บเงินส่งกลับบ้านให้แม่ให้ได้มากที่สุด
บ้านหลังใหม่ที่สร้างจากน้ำพักน้ำแรงของเขามูลค่ากว่า 2 ล้านบาท ถือเป็นความภาคภูมิใจเป็นความสำเร็จเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของครอบครัวที่เขารัก
นอกจากนี้ยังมีเงินเก็บออมอีกจำนวนหนึ่ง หนุ่มขายแรงจากอำเภอปลาปาก นครพนมคนนี้ยอมรับว่าเขายังคิดถึงประเทศอิสราเอล แม้จะอยู่ในภาวะสงครามก็ตาม เพราะดินแดนที่มีแต่ความไม่สงบประเทศนี้ได้พาเขาและครอบครัวหนีพ้นจากความจนได้มาก
ในอนาคตหากสงครามสงบอยากกลับไปทำงานอีก เพราะได้ค่าแรงสูง ขอบคุณรัฐบาลไทย รวมถึงทหารอิสราเอล ที่ให้การดูแลช่วยเหลือรอดชีวิตกลับบ้านเกิด แต่หากวันข้างหน้าไม่สามารถกลับไปทำงานอิสราเอลได้ ก็อยากให้รัฐบาลหาแนวทางช่วยเหลือส่งไปทำงานประเทศอื่น ที่มีค่าแรงสูงกว่าไทย เพราะมันคือหนทางเดียวที่จะช่วยให้แรงงานไทยหลุดพ้นจากความยากจนได้ง่ายและเร็วที่สุด....ความจนมันน่ากลัว!