ระยอง - แม่เลี้ยงเดี่ยวเมืองระยองร้องสื่อ ลูกชายถูกกระบะชนแล้วหนีจนได้รับบาดเจ็บสาหัสเลือดไหลในสมอง เสียค่ารักษากว่า 300,000 บาท แต่คดีไม่คืบ เหตุตำรวจ สภ.นิคมพัฒนา ไล่ให้ไปหาหลักฐานเอง วันนี้ลูกชายยังมีอาการผิดปกติซ้ำต้องกลายเป็นคนตกงาน ส่วนคู่กรณีอ้างขอไปตั้งหลักยังไม่รับผิดชอบ
วันนี้ (14 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจาก นางปติมา เย็นสบาย อายุ 37 ปี ชาว อ.ปลวกแดง จ.ระยอง ว่ากำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักหลังลูกชายถูกกระบะชนพุ่งชนแล้วหนีจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ต้องเสียค่ารักษาพยาบาลกว่า 300,000 บาท แต่ที่ทำให้ต้องช้ำใจมากที่สุดคือ เข้าแจ้งความตำรวจนาน 1 เดือนแต่คดีไม่คืบ และยังถูกไล่ให้ไปหาหลักฐานจากกล้องวงจรปิดเอง
โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 01.30 น.วันที่ 3 ก.ย.ที่ผ่านมา นายศิลาชัย ปรานทอง อายุ 20 ปี ลูกชายได้ถูกรถยนต์กระบะ หมายเลขทะเบียน ขข 49 อุดรธานี ทราบชื่อคนขับคือ นายศักดา สิทธิแสง อายุ 37 ปี พุ่งเข้าชนขณะจอดรถจักรยานยนต์อยู่ริมถนนสาย 13 หน้าร้านไพจิตรการค้า ระหว่างซอย 12 กับซอย 13 ต.พนานิคม อ.นิคมพัฒนา และหลังเกิดเหตุหมดสติในทันที
กระทั่งถูกนำตัวส่งรักษาที่โรงพยาบาลนิคมพัฒนา ซึ่งหลังทราบเรื่องตนเองได้รีบเดินทางไปโรงพยาบาลดังกล่าว และได้รับแจ้งจากแพทย์ว่ามีเลือดออกในสมอง จนต้องส่งตัวไปรักษาต่อที่ห้องไอซียู รพ.กรุงเทพ-ระยอง
“น้องนอนหมดสติอยู่นานถึง 2 วันเพราะมีเลือดออกในสมอง และจากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดที่เราไปหามาเองพบว่า คนขับกระบะไม่ได้จอดรถลงมาดูลูกเราเลยทั้งๆ ที่หลังถูกชนเขาหมดสติในทันที วันนี้จึงอยากเรียกร้องให้คนขับกระบะออกมาแสดงความรับผิดชอบเพราะยอดค่ารักษาสูงประมาณ 300,000 บาทแล้ว เพราะต้องผ่าตัดกะโหลก และยังต้องไปหากู้เงินมาจ่ายเป็นค่ารักษาพยาบาล”
ส่วนในเรื่องของคดีความนั้น นางปติมา บอกว่า หลังเข้าแจ้งความต่อร้อยเวรเจ้าของคดี สภ.นิคมพัฒนา ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าตนต้องไปรวบรวมเอกสาร หลักฐาน และข้อมูลต่างๆ มาเอง และปัจจุบันแม้ลูกชายจะได้กลับมาพักรักษาตัวที่บ้านแล้ว แต่ในบางวันมีอาการผิดปกติทางสมองซึ่งแพทย์ต้องให้กินยาตลอดเวลา เพราะมีอาการชักเกร็ง
“ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 7 ก.ย.ที่ผ่านมา ได้รับแจ้งจากภรรยาของคู่กรณีผ่านการแชตเฟซบุ๊กว่า ตอนนี้สามีของเขาตกใจมากและขอไปตั้งหลักที่ต่างจังหวัดก่อน อยากจะฝากบอกถึงคู่กรณีว่าขอให้ออกมารับผิดชอบเรื่องค่ารักษาพยาบาลของลูกชายตามความเป็นจริงด้วย เพราะเราเองเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวหาเช้ากินค่ำ และลูกชายเพิ่งจบการศึกษาในระดับ ปวช.และเพิ่งทำงานได้เพียง 2 เดือน ซึ่งหลังเกิดเหตุต้องกลายเป็นคนตกงานในทันที” นางปติมา กล่าว