ลำพูน - เผยคลิปภาพ..หนุ่มกร่างในกลุ่มคนอ้างเป็น ตร.ระดับสารวัตร ตบหน้าการ์ดผับดังลำพูน ถาม..มึงรู้ไหมกูเป็นใคร แจ้งความคดีไม่คืบ ล่าสุดเรื่องดัง จนท.เรียกพบทั้งสองฝ่ายตกลงกันได้
หลังปรากฏคลิปภาพการ์ดของผับแห่งหนึ่งในจังหวัดลำพูนเห็นชายเมากร่างในร้าน จึงเชิญตัวออกจากร้าน ก่อนการ์ดจะถูกตบหน้าไป 2 ครั้งที่หน้าร้านดังกล่าว หลังเกิดเหตุผู้เสียหายไปแจ้งความที่สภ.นิคมอุตสาหกรรม อ.เมือง จ.ลำพูน แล้วกว่า 10 วันเรื่องยังเงียบ ทำให้เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากกลุ่มบุคคลดังกล่าวอ้างว่าเป็นถึงระดับสารวัตร
ในคลิปจะเห็นกลุ่มบุคคล 4-5 คน และหนึ่งในนั้นได้กอดคอผู้เสียหายออกมาหน้าร้าน ต่อมาชายคนก่อเหตุดูเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างกับผู้เสียหาย ก่อนที่จะกระชากคอเสื้อและใช้มือบีบไปที่ใบหน้าของผู้เสียหาย เคลื่อนไหวมือคล้ายกับตบไปที่ใบหน้าของผู้เสียหายสองครั้ง โดยมีชายคนที่สวมหมวกสีขาวที่มากับกลุ่มชายดังกล่าวคอยจับผู้เสียหายไว้ กระทั่งคนในกลุ่มที่มาด้วยกันจะเข้ามาแยกทั้งคู่ออกจากกัน
ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้สอบถามนายต้นไผ่ (นามสมมติ) อายุ 30 ปี ผู้เสียหาย ซึ่งได้เดินทางไปพบพนักงานสอบสวน สภ.นิคมอุตสาหกรรมลำพูน ช่วงบ่ายวันที่ 16 ต.ค. 66 ที่ผ่านมา เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติมและเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ย
นายต้นไผ่เปิดเผยว่า ตนรับงานเป็นการ์ดของสถานบันเทิงแห่งหนึ่งใน ต.บ้านกลาง อ.เมือง จ.ลำพูน ซึ่งเหตุการณ์ตามในคลิปดังกล่าวเกิดขึ้นช่วงร้านปิดแล้วประมาณตีหนึ่งกว่าๆ ของวันที่ 2 ต.ค. 66 ที่ผ่านมา ตอนนั้นพนักงานของร้านมาบอกว่ามีคนถอดเสื้อเต้นในร้าน
จากนั้นตนจึงไปเชิญเขาออกจากร้าน ทำให้กลุ่มคนที่มาด้วยกันไม่พอใจและถูกกระชากคอเสื้อ แถมยังถามตนเองว่า “มึงรู้ไหมว่ากูเป็นใคร” จึงตอบกลับไปว่า..ผมไม่รู้ว่าคุณเป็นใครแต่จะถอดเสื้อเต้นในร้านแบบนี้ไม่ได้ ทำให้กลุ่มคนที่มาด้วยกันไม่พอใจและพยายามจะกระชากคอเสื้อตนก็บอกเขาว่า..มีอะไรให้ไปเคลียร์กันข้างนอก และเขาก็กอดคอเดินออกมาข้างนอกร้าน แล้วถูกกระชากคอเสื้อและถูกตบสองทีตามภาพจากกล้องวงจรปิด
“กลุ่มชายที่ก่อเหตุเขาอ้างเป็นตำรวจระดับสารวัตร ซึ่งขณะเกิดเหตุผมก็พูดจากับเขาดีๆ และสุภาพที่สุด แม้ตอนที่ถูกตบผมยังยกมือไหว้เขาอยู่ ถ้าเป็นการ์ดคนอื่นๆ คงมีเรื่องหนักกว่านี้”
หลังเกิดเหตุตนได้ไปแจ้งความตอนเช้าวันที่ 2 ต.ค. 66 เนื่องจากกลัวว่าจะไม่ปลอดภัยเพราะเขาอ้างเป็นตำรวจ เขามีปืนตนไม่มีปืนและก็ยังเป็นชาวบ้านธรรมดาหาเช้ากินค่ำทั่วไป แต่แจ้งความไปแล้วก็ไม่มีความคืบหน้า จนกระทั่งเป็นข่าวจนท.เรียกตนเองมาพบพนักงานสอบสวน เบื้องต้นกำลังอยู่ระหว่างการเจรจากันและคนก่อเหตุก็ได้ขอโทษ ตนก็ไม่ว่าอะไร ส่วนการเยียวยานั้นก็อยู่ระหว่างการตกลงกัน
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหากผู้เสียหายและผู้ก่อเหตุตกลงกันได้ก็คงไม่ได้เป็นคดีความและเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ย ส่วนจะมีโทษทางด้านวินัยหรือไม่นั้น ต้องอยู่ที่กระบวนการและผู้บังคับบัญชาของตำรวจนายดังกล่าวต่อไป
