MGR Online - โฆษกดีเอสไอ เผย มีขบวนการลักลอบนำเข้าหมูแช่แข็งเข้ามาในประเทศ พบเห็นสามารถแจ้งได้ทันที พร้อมเรียกผู้เกี่ยวข้องให้ข้อมูลขยายผลนายทุนเบื้องหลัง
วันนี้ (21 ก.ค.) เวลา 14.00 น. ณ ห้องรับรองกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ชั้น 2 อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ อาคารเอ ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ นางพิชญา ธารากรสันติ โฆษกดีเอสไอ และ น.ส.พิทยาภรณ์ ชูรัตน์ รองโฆษกดีเอสไอ แถลงความคืบหน้าการตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์ 161 ตู้ ที่มีการนำเข้าซากสัตว์และสุกรเถื่อนแช่แข็งผิดกฎหมาย ในคดีพิเศษ 59/2566
นางพิชญา กล่าวว่า ขณะนี้ได้ทำการตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์ทั้งหมด 161 ตู้ เสร็จสิ้นแล้ว โดยอยู่ระหว่างขั้นตอนที่กรมปศุสัตว์จะนำเนื้อสุกรแช่แข็งดังกล่าวไปทำลายตามขั้นตอนของกฎหมาย ในส่วนของดีเอสไอ เร่งสืบสวนสอบสวนพบพฤติการณ์ว่าขบวนการลักลอบนำเข้าสินค้าประเภทซากสัตว์ (สุกร) ดังกล่าว มีรูปแบบการกระทำความผิด เริ่มจากบริษัทผู้นำเข้าจะสั่งของจากต่างประเทศ โดยมีเรือรับขนจากต่างประเทศเข้ามาที่ท่าเรือแหลมฉบัง และมีการหลบเลี่ยงการสำแดงเท็จ อ้างว่าเป็นสินค้าแช่แข็งชนิดอื่นๆ จากนั้นจะมีห้องเย็นมารับสินค้าแล้วกระจายไปยังกลุ่มผู้ค้าคนกลาง นำไปจำหน่ายให้กับรายย่อย ผ่านช่องทางโชเซียล เช่น เฟซบุ๊ก เป็นต้น ส่วนการตรวจสอบโรคระบาดเป็นหน้าที่กรมปศุสัตว์ดำเนินการคาดใช้เวลา 1 เดือนจะทราบผล
“ทั้งนี้ อธิบดีดีเอสไอ สั่งการให้คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ทำการสอบสวนขยายผลไปถึงการจับกุมห้องเย็นที่ตรวจพบซากสุกรลักลอบนำเข้ามาจากต่างประเทศ ทั้งในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร จ.นครปฐม และ จ.สมุทรปราการ เพื่อหาความเชื่อมโยงของเครือข่ายขบวนการดังกล่าว หากเป็นกลุ่มคนเดียวกันจะรวมสำนวนแต่ถ้าเป็นคนละเครือข่ายจะแยกสำนวนคดี โดยได้แต่งตั้ง พล.ต.ท.วัลลภ ประทุมเมือง ซึ่งเป็นผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญทางด้านการสืบสวนสอบสวนและการแสวงหาพยานหลักฐานในคดีอาญา เพื่อขยายผลดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องที่อยู่เบื้องหลังขบวนการนำเข้าหมูแช่แข็งจากต่างประเทศที่แท้จริง”
นางพิชญา กล่าวอีกว่า หลังจากวานนี้ (20 ก.ค.) เจ้าหน้าที่กรมศุลกากรแหลมฉบังในฐานะผู้กล่าวหา เข้าให้ปากคำกับ ดีเอสไอ ถือว่าเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ทั้งเกี่ยวกับบริษัทนำเข้าใดบ้างหรือเลขตู้คอนเทนเนอร์ และพยานหลักฐานต่างๆ จากนั้นจะเรียกผู้เกี่ยวข้อง อาทิ บริษัทชิปปิ้งเอกชน 11 บริษัท บริษัทสายเรือ 17 บริษัท และพยานอื่นๆ ให้ข้อมูลที่ขาดในบางประเด็นในฐานะพยาน ส่วนการทำลายซากสุกร จำนวน 4.5 ล้านกิโลกรัมนั้น คาดว่าประมาณ 12 ล้านบาท ล่าสุดบริษัทสายเรือส่วนใหญ่ร่วมสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการทำลายซากเนื้อหมูของกลาง ทั้งนี้ ยืนยันของกลางไม่สูญหาย
นางพิชญา กล่าวต่อว่า จากข้อมูลทางการข่าวพบข้อมูลกลุ่มขบวนการดังกล่าว ยังคงมีความพยายามลักลอบนำเข้าเนื้อหมูแช่แข็งจากต่างประเทศเข้ามาในประเทศ ผ่านช่องทางต่างๆ ซึ่งหากประชาชน มีข้อมูลหรือเบาะแสการลักลอบนำเข้าสินค้าผิดกฎหมาย หรือพบเห็นสถานที่เก็บสินค้าที่มีการลักลอบนำเข้า สามารถแจ้งเบาะแส ร้องเรียนร้องทุกข์ มายังกรมสอบสวนคดีพิเศษได้ทุกช่องทาง อย่างไรก็ตาม ในชั้นการสืบสวนพบว่ามีนายทุนประมาณ 2-3 ราย ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการแสวงหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม ส่วนนายทุนเหล่านี้จะมีพฤติการณ์เกี่ยวข้องอย่างไร ขอสงวนในรายละเอียดไว้ก่อน เนื่องจากอาจกระทบกับสำนวนคดีได้