คดีหมูเถื่อนใกล้ความจริงในการจับกุมต้นตอผู้กระทำผิดกฎหมายและเครือข่าย หลังกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI รับคดีหมูเถื่อน เป็นคดีพิเศษ พร้อมเปิดตู้ตรวจรับของกลาง “หมูเถื่อน” ทันที
วันนี้ (30 มิ.ย.) นายนิพัฒน์ เนื้อนิ่ม อุปนายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ และคณะทำงานประสานงานแก้ไขปัญหาการนำเข้าสินค้าประเภทเนื้อสุกรหรือชิ้นส่วนสุกรที่ผิดกฎหมายและการบริหารจัดการของกลาง เปิดเผยว่า คดีหมูเถื่อนใกล้ความจริงในการจับกุมต้นตอผู้กระทำผิดกฎหมายและเครือข่าย เมื่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI รับคดีหมูเถื่อนเป็นคดีพิเศษแล้ว ด้วยคดีนี้สร้างความเสียหายต่อรัฐมูลค่าสูงถึง 460 ล้านบาท
อีกทั้งยังมีการปฏิบัติงานที่รวดเร็ว โดยลงพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี ทำการเปิดตู้ตรวจรับของกลางหมูเถื่อน 5 ล้านกิโลกรัมใน 161 ตู้คอนเทนเนอร์ทันที ย้ำจะทำให้ขั้นตอนการทำลายของกลางเป็นไปได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ช่วยสร้างความปลอดภัยให้ผู้บริโภคชาวไทย โดยเกษตรกรจะร่วมตรวจสอบของกลางในวันที่ 5 กรกฎาคมนี้ด้วย
โดยที่ผ่านมา กรมศุลกากรมีการตั้ง “คณะทำงานประสานงานแก้ไขปัญหาการนำเข้าสินค้าประเภทเนื้อสุกรหรือชิ้นส่วนสุกรที่ผิดกฎหมายและการบริหารจัดการของกลาง” ขึ้นเมื่อ 15 พฤษภาคม 2566 แต่เพิ่งจะมีการประชุมหารือเรื่องการทำลายหมูเถื่อน เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2566 อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้การทำลายหมูเถื่อนเป็นไปอย่างล่าช้า และเมื่อ DSI เข้ามารับเป็นเจ้าของคดี พร้อมเปิดทั้ง 161 ตู้คอนเทนเนอร์ เพื่อตรวจสอบรับของกลางในคดีนี้อย่างรวดเร็ว นอกจากจะทำให้แนวโน้มที่จะจับกุมต้นตอผู้นำเข้าและผู้เกี่ยวข้องในการลักลอบนำเข้าใกล้ความจริงมากขึ้นแล้ว จะทำให้การนำของกลางทั้งหมดออกมาทำลายเกิดได้เร็วขึ้นด้วย
“นับเป็นข่าวดีของเกษตรกรและคนไทยที่ภาครัฐจะได้เร่งทำลายของเสีย ปิดโอกาสเล็ดลอดออกมากระจายขาย ทำร้ายสุขภาพคนไทยด้วย ลำพังแค่ 161 ตู้นี้มีความเสียหายเกิดขึ้นแล้วถึง 460 ล้านบาท ยังไม่นับหมูเถื่อนที่กระจายออกไปแล้วทั่วประเทศ และในขณะที่กฎหมายกำลังดำเนินไปอย่างเข้มข้น อีกด้านหนึ่งในตลาดพบการระบาดของหมูเถื่อนหนักข้อขึ้น ซึ่งน่าจะเป็นเพราะผู้ที่เก็บหมูเถื่อนไว้พยายามระบายหมูออกจากห้องเย็น เพื่อลดความเสี่ยงในการถูกจับ หลายครั้งพบเป็นหมูขึ้นราและเสื่อมสภาพ หากทำลายได้เร็วจะเป็นผลดีต่อหลายภาคส่วน” นายนิพัฒน์ กล่าว
ทั้งนี้ “หมูเถื่อน” สร้างความเสียหายให้เศรษฐกิจไทยและอุตสาหกรรมสุกรของไทยมาอย่างต่อเนื่อง เป็นความเดือดร้อนที่กระทบทั้งเกษตรกรผู้ผลิตและผู้บริโภค ประเด็นการไม่ฝังทำลายหมูเถื่อนที่จับกุมได้ ทั้งๆ ที่ระยะเวลาผ่านไปแล้วถึง 2 เดือน ส่งผลให้เกิดภาระค่าใช้จ่ายด้านการเก็บรักษา ทั้งค่าไฟฟ้าและค่าเช่าพื้นที่เกือบ 100 ล้านบาท ยิ่งปล่อยไว้นานยิ่งเกิดความเสียหายเชิงเศรษฐกิจตามมาอีกหลายล้าน จึงเป็นเหตุให้นักการเมืองชื่อดังตั้งข้อสงสัยถึง “ส่วยหมูเถื่อน” ส่งผลสะเทือนไปถึงวงราชการ และในที่สุด DSI ก็รับเป็นคดีพิเศษดังกล่าว
อนึ่ง ก่อนหน้านี้ ร.ต.อ.ชาญณรงค์ ทับสาร รองผู้อำนวยการกองคดีปฏิบัติการคดีพิเศษภาค ในฐานะเลขานุการคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 59/2566 ระบุว่า การลักลอบนำเข้าเนื้อหมูและชิ้นส่วนหมูทำเป็นขบวนการ และทำกันมาหลายครั้ง ซึ่งต้องเป็นผู้ที่มีอิทธิพลสูง เนื่องจากต้องใช้เงินลงทุนที่สูง แต่เชื่อว่าจะสามารถสืบสวนสอบสวนนำตัวการจริงๆ มาลงโทษได้ ตามกระบวนการสืบสวนสอบสวนคดีพิเศษ