“ตำรวจชลบุรี” ขยายผลแก๊งลักลอบ-สวมสิทธิ์ส่งออกไก่ไปจีน บุก รง.ย่านกระทุ่มแบนพบของกลางอีกเพียบ เชื่อสาวถึงผู้อยู่เบื้องหลัง คนในวงการระบุเป็นขบวนการระดับชาติ ฉุดตัวเลขส่งออกไปจีนพุ่งผิดปกติ แถมไม่สอดคล้องกับความจริง ที่จำนวนลูกไก่ในประเทศลดลงมาก พร้อมชี้เป้า “บิ๊ก ขรก.” เปิดไฟเขียวผ่านตลอด
จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธร จ.ชลบุรี จับกุมรถบรรทุกพ่วงขนตู้คอนเทนเนอร์บรรจุชิ้นส่วนไก่แช่แข็ง 1 คัน ได้บริเวณถนนสายบายพาสขาเข้าท่าเรือแหลมฉบัง โดยมีเหตุต้องสงสัยว่า เป็นขบวนการลักลอบส่งออกขาไก่แช่แข็ง ด้วยการสวมสิทธิ์ของบริษัทอื่นโดยไม่ถูกกฎหมาย เมื่อวันที่ 24 มิ.ย.66 นั้น
วันนี้ (30 มิ.ย.66) รายงานความคืบหน้าจากชุดสืบสวนสอบสวนแจ้งว่า ขณะนี้ได้มีการขยายผล การจับกุมขบวนการสวมสิทธิ์โควตาชิ้นส่วนไก่ส่งออก โดยมีข้อมูลว่า ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในขบวนการนี้ มีทั้งเอกชนไทย และเอกชนจีน นวมไปถึงข้าราชการระดับสูงในหน่วยงานที่มีอำนาจในการอนุมัติการผลิต และขนย้ายสินค้า ซึ่งมีการสั่งการให้อำนวยความสะดวกขบวนการนี้ในทุกขั้นตอน ก่อนจะมาถูกจับกุมโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธร จ.ชลบุรี และภายหลังจับกุมก็ได้มีการประสานขอเคลียร์คดี แต่ชุดจับกุมและชุดสืบสวนสอบสวนยืนยันว่า จะดำเนินคดี และขยายผลตามหลักฐาน
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า จากการขยายผลทางคดี ทางตำรวจได้มีเข้าตรวจค้นแหล่งผลิตแห่งหนึ่ง ที่ อ.กระทุ่นแบน จ.สมุทรสาคร ตามคำให้การของคนขับรถที่เป็นผู้ต้องหาร่วมกับกรมปศุสัตว์ ได้พบของกลางเพิ่มเติมมากกว่า 30 ตัน มีทั้งที่แปะสติ๊กเกอร์ระบุชื่อลริษัทที่เป็นผู้ส่งออก และอยู่ในขั้นตอนการผลิตจำนวนมาก ทั้งนี้ยังได้เอกสารหลักฐานอีกจำนวนหนึ่ง ที่สามารถขยายผลต่อไปยังผู้อยู่เบื้องหลังของขบวนการนี้ได้ด้วย
ส่วนกรณีตู้คอนเทนเนอร์บรรจุชิ้นส่วนไก่แช่แข็งอีก 1 ตู้ ที่มีข้อมูลว่าอยู่ในขบวนการเดียวกันและสามารถลักลอบนำเข้าไปที่ท่าเรือแหลมฉบังได้นั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้เข้าตรวจค้นและตรวจสอบข้อมูลที่ด่านกรมศุลกากรแหลมฉบัง เพื่อเตรียมการอายัดตู้คอนเทนเนอร์ดังกล่าวแล้ว โดยมีความเชื่อมโยงกับชิปปิ้งรายหนึ่ง ที่มีชื่อจองระวางขนวางสินค้า อย่างไรก็ตามพบว่า ทางชิปปิ้งที่ร่วมขบวนการด้วยนั้นไหวตัวทัน และได้มีการดึงตู้ออกจากศุลกากร เพื่อไม่ให้ชุดสืบสวนสอบสวนหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ แต่ทางตำรวจก็สืบทราบจากเอกสารหลักฐาน จนได้ชื่อ 2 บริษัทที่เข้าข่ายผู้ร่วมขบวนการแล้ว
รายงานข่าวจากวงการผลิตและส่งออกชิ้นส่วนไก่ไปต่าฃประเทศให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า จากการเชื่อมโยงข้อมูลเอกสารหลักฐานต่างๆ พบว่า ขบวนการนี้เป็นขบวนการใหญ่ระดับประเทศ ทำให้ยอดการส่งออกชิ้นส่วนไก่ไปยังประเทศจีนช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้สูงขึ้นกว่าเท่าตัวเมื่อเทียบยอดส่งออกของปี 2565 ทั้งปี ซึ่งไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง เนื่องจากปริมาณลูกไก่ในประเทศไทยลดลงสวนทางกับยอดการส่งออกที่เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว เพราะขั้นตอนการส่งออกไปยังประเทศจีน ต้องผ่านพิธีการศุลกากร และการตรวจสอบหลายขั้นตอน ตั้งแต่สินค้าออกจากโรงงาน โดยมีหมอประจำโรงงานตรวจสอบการผลิตรวมถึงเป็นผู้อนุมัติในการออกเอกสารการขนย้ายต่างๆ และเอกสารทั้งหมดนี้ยังต้องนำไปยื่นผ่านด่านกักสัตว์ชลบุรี เพื่อออกใบอนุญาตนำออกนอกราชอาณาจักรซึ่งสัตว์หรือซากสัตว์ (ใบ ร.9) ด้วย แต่ในการจับกุมจับกุมรถบรรทุกพ่วงขนตู้คอนเทนเนอร์บรรจุชิ้นส่วนไก่แช่แข็ง เมื่อวันที่ 24 มิ.ย.66 กลับพบเพียงใบอนุญาตใหทำการค้าสัตว์หรือซากสัตว์ (ใบ ร.10) เท่านั้น
รายงานข่าวระบุด้วยว่า จากการไล่เลียงพฤติกรรมของขบวนการลักลอบ และสวมสิทธิ์ส่งออกชิ้นส่วนไก่ไปยังประเทศจีนนี้ บ้งชี้ว่ามีข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐมีส่วนเกี่ยวข้องในการอำนวยความสะดวกและออกเอกสารใบอนุญาตต่างๆจลอดกระบวนการ ซึ่งเชื่อว่าต้องมีการเปิดไฟเขียว และออกตั๋ว VVIP ให้กับขบวนการที่มีกลุ่มทุนจีนอยู่เบื้องหลัง และเชื่อมโยงกับ “เสี่ย ส.” ที่มีชื่อเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีกระทรวงหนึ่งด้วย
“กามปศุสัตว์ ต้องชี้แจงให้ได้ว่า ยอดการส่งออกชิ้นส่วนไก่ไปยังผระเทศจีนที่สูงขึ้นจากปีก่อนเป็นเท่าตัวนั้น มีผู้ประกอบการรายใดที่มียอดส่งออกสูงขึ้นบ้าง หรือเป็นยอดส่งออกที่โตเฉพาะกลุ่มในขบวนการสวมสิทธิ์ ที่มี “เสี่ย ส.” เป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กให้” แหล่งข่าวจากวงการส่งออกชิ้นส่วนไก่ ตั้งคำถาม
แหล่งข่าวจากวงการส่งออกชิ้นส่วนไก่ ตั้งข้อสังเกตด้วยว่า หากมีการปลอมแปลงเอกสารที่เกี่ยวกับการขนย้ายและส่งออกจริง ตั้งแต่ต้นกระบวนการ จนถึงการออกเอกสาร Health Certificate (HC) แต่การอนุมัติ Electronic Health Certificate (E-HC) ก็จำเป็นต้องส่งออกมาจากกรมปศุสัตว์ จึงจะสามารถส่งไปถึงประเทศจีนได้ ดังนั้นต้องไปดูว่า ผู้ที่สั่งการได้ทั้ง 2 ส่วนคือใคร.