xs
xsm
sm
md
lg

"ชูวิทย์" กลิ้งกะล่อน แถไถเงิน "สารวัตรซัว" สับปลับส่วยอุดปาก เปลี่ยนเป็นเงินทำบุญ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



รายการ “ถอนหมุดข่าว” เผยแพร่ทางแอปพลิเคชั่น SONDHI APP สถานีโทรทัศน์ NEWS1 ช่องยูทูป NEWS1 และเฟซบุ๊กแฟนเพจ NEWS1 วันเสาร์ที่ 1 เมษายน 2566 นำเสนอรายงานพิเศษ "ชูวิทย์" กลิ้งกะล่อน แถไถเงิน "สารวัตรซัว" สับปลับส่วยอุดปาก เปลี่ยนเป็นเงินทำบุญ



พิธีกรรมเยอะ ลีลาแยะ ยิ่งกว่าพระเอกลิเก ก็เห็นจะเป็น “มหาโจร” ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ จะมอบเงินสกปรกให้เป็นของกลางกับกองปราบปราม ต้องทำโน่นนี่นั่นตามสูตร

มอบเสร็จก็เข้าให้การกับพนักงานสอบสวน โดนสอบซักนานถึง 4 ชั่วโมง นำสตอรี่ที่เพิ่งเขียนใหม่ ไปบอกตำรวจ คนเชื่อก็คงมีแต่พวกติ่ง ซอมบี้ไร้สมอง

นายชูวิทย์จำต้องเขียนเรื่องราวของถุงเงิน 6 ล้าน ขึ้นมาใหม่ เพื่อหวังดึงขาที่แหย่คุกไปข้างนึง ให้กลับมานอกกำแพง ในคดีฟอกเงินที่จ่อคอหอย

จากที่เคยพูดเป็นคุ้งเป็นแคว เต็มไปด้วยรายละเอียด อ้างว่าถูก “ยัดเยียด” เงินของ “สารวัตรซัว” จากผู้ใหญ่ที่นับถือ 2 คน คือ พล.ต.ท. “ป” และ พล.ต.ต. “อ” เพื่อเคลียร์เปิดอาบอบนวดลาลิซ่า เมื่อวันที่ 3 ก.พ. 2566 จนต้องรีบเอาไปบริจาคให้โรงพยาบาล ในอีกไม่กี่วันถัดมา

ตอนนี้ กลายเป็นว่า ผมจำผิด ผมเข้าใจผิด จริงๆ ถุงเงินนี้มาตั้งแต่ 2565 ซึ่งเป็นแค่เงินส่งมาทำบุญเท่านั้น ไม่ใช่ค่าเคลียร์ ค่าขู่เข็ญ และไม่ใช่เงินสารวัตรซัว แถมมีแต่ พล.ต.ท. “ป” คนเดียว ไม่มี พล.ต.ต. “อ” ด้วย

สตอรี่เขียนใหม่ดังกล่าว เห็นเจตนาชัดเจนว่า จะเคลียร์ พล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รองเลขาธิการ ปปง. ให้หลุดไปจากเรื่องนี้ เพราะ พล.ต.ต.เอกรักษ์ ออกมายืนยันกับสื่อว่า เขาไม่ได้ไปโรงแรมเดวิสด้วย และเหตุการณ์ถุงเงินนี้ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 30 มี.ค. 2565 โน่น นายชูวิทย์จำต้องเขียนเรื่องให้สอดคล้องกัน

ไหนๆ ก็ไหนๆ ต้องกำจัดคำว่า เงินสกปรกเงินบาปของสารวัตรซัว ให้กลายเป็นเรื่องเงินจากไหนไม่รู้ ของคนใจบุญสุนทาน เพื่อไม่ให้เข้าข่ายฟอกเงิน

แต่ใครฟังอย่างมีสติ ก็เกิดคำถามหลายอย่าง ทำไมเจ้าของเงินต้องมาฝากทำบุญกับนายชูวิทย์ ในเมื่อการทำบุญปกติ ใครก็ทำเองได้ง่ายๆ

แถมยังได้อานิสงส์จากบุญเอาไปลดหย่อนภาษีได้ถึงสองเท่า ทำเองดีกว่าจะให้มหาโจรไปเอาหน้าสร้างภาพกลบเกลื่อนความชั่วร้ายทำไม

ความใจบุญสุดเว่อขอเหล่าคนสีเทากลุ่มนี้ จึงเหมือนทำบุญแบบ “ฝนตกขี้หมูไหล” ไม่มีเหตุผล ไม่มีที่มาที่ไป

อีกคำถาม นายชูวิทย์ตอนงับเหยื่อล่อของทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด จากโพสต์ “แฉไป ไถไป” อะไรความจำจะคลาดเคลื่อนรุนแรง เดิมอ้างว่าถุงเงินมาถึงปุ๊บ บริจาคปั๊บ คือรับไว้ 3 ก.พ. 2566 บริจาคครั้งแรก 14 ก.พ. และอีกที 13 มี.ค.

ตอนนี้ กลายเป็นว่าดองเงินทำบุญไว้เป็นปีๆ ตั้งแต่ 30 มี.ค. 65 กลายเป็นคนหลงๆ ลืมๆ อัลไซเมอร์ผิดฟอร์มจอมแฉ อะไรจะขนาดนั้น

กรณี “แทนไท” ที่นายชูวิทย์หยิบมาบิดเบือนโจมตีนายสนธิ ลิ้มทองกุล หาว่าเรียกมาพบเพื่อรีดเงินนั้น ก็เป็นนายชูวิทย์เอง ที่อ้างตอนแรกว่า นายสนธิไม่ยอมรับเงินจาก “แทนไท” แถมด่าไม่เลิก เพราะไม่เชื่อว่าแปลงกายมาหากินอย่างสุจริตแล้ว
พูดเองซะขนาดนี้ ตอนนี้ดันมากล่าวหาว่า นายสนธิเป็นสื่อสีเทา เรียก “แทนไท” ไปรีด พอไม่ได้ดังใจ ก็เลยโจมตีแหลก โยนสตอรี่ “แฉไป ไถไป” ของตัวไปให้คนอื่นดื้อๆ ซะอย่างนั้น

รวมความก็คือ ความปลิ้นปล้อน กลิ้งกะล่อน เพื่อหวังเอาชนะแบบไม่แยแสความจริง ประสาแมงดาเก่า ทำสิ่งไร้ศักดิ์ศรีอย่างไรก็ได้ทั้งนั้น

เรื่องสวนชูวิทย์ ก็เหมือนเขียนสตอรี่ใหม่ ทำราวกับว่าไม่เคยไปเขียนคำสารภาพอะไรไว้กับศาลฎีกา

แต่ความลับนั้นไม่ใช่ความลับแล้ว เพราะศาลอนุญาตให้นายสนธิคัดสำเนาคำรับสารภาพของจำเลย คดีรื้อบาร์เบียร์ มาไว้ในมือ
คำสารภาพของนายชูวิทย์ชัดเจน ดันนำเอาที่ดิน ไปเป็นเงื่อนไขให้ศาลฎีกา พิจารณาลดหย่อนผ่อนโทษจำคุก อาจเพราะความป๊อด กลัวจะต้องไปอยู่คุก 5 ปี ยืนตามคำพิพากษาชั้นศาลอุทธรณ์

ในคำสารภาพ ก็ระบุว่า สำนึกผิดแล้ว ขอสร้างสวนสาธารณะให้ประชาชน โดยไม่ได้กำหนดเวลาสักนิดว่า จะขอคืน ภายในเวลากี่ปี ทำให้ที่ดินสวนชูวิทยเป็นที่สาธารณะโดยให้แล้วให้เลย และเป็นไปโดยปริยาย ตามคำพิพากษาศาลฎีกา

ไหนชูวิทย์ยังพูดเรื่องนี้ออกสื่อ ต่างกรรมต่างวาระ มีหลักฐานบันทึกไว้หมด เรื่องนี้ จึงต้องให้ศาลตัดสินในท้ายที่สุด ที่ดินยังเป็นของนายชูวิทย์ หรือตกเป็นสาธารณสมบัติของชาติไปแล้ว

สตอรี่ฉบับเขียนใหม่สดๆ ของนายชูวิทย์ ที่อ้างว่า ไม่เคยรู้จักกับ พล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ ทั้งที่การข่าวของตำรวจพบว่า พล.ต.ต.เอกรักษ์ เหมือนเป็นเด็กปั้นของนายชูวิทย์เลยด้วยซ้ำ พยายามดันให้ขึ้น เลขาธิการ ปปง.

เชื่อว่า สักพักก็คงมีหลักฐานยืนยันความสัมพันธ์ลับของ 2 คนนี้ออกมา โดยเฉพาะ “โคนันเมืองไทย” นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ออกมาอาสาจัดการปัญหาหมักหมมใน ปปง. เป็นหลัก

การเขียนผิด-เขียนใหม่ เป็นการดิ้นเอาตัวรอดแบบสุนัขจนตรอก แต่สิ่งที่นายชูวิทย์อาจลืมคิดไป การพูด 2 หน ในเรื่องเดียวกัน แต่เนื้อหาถูกแก้ไขใหม่หมดแบบนี้ มันก็เป็นการทำลายน้ำหนักคำพูดของเขาเอง ไปโดยปริยาย

“ความจริงมีหนึ่งเดียว” แล้วเรื่องของถุงเงินบาป เรื่องไหนคือเรื่องจริง เรื่องไหนคือเรื่องเท็จ หรือจริงๆ แล้ว เป็นเรื่องเท็จทั้ง 2 เรื่อง พนักงานสอบสวนกองปราบปราม คงจะมีวิธีการตรวจพิสูจน์ ไม่ใช่เรื่องยาก

--------------------------------
**หมายเหตุ
ดาวโหลดแอป Sondhi App ได้แล้ว
ระบบ iOS ไปที่ AppStore : https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647
ระบบ android ไปที่ Google Play : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android

สมัครสมาชิกได้แล้ววันนี้
รายเดือนเพียง เดือนละ 99 บาท
รายปี 990 บาท (10 เดือน แถม 2 เดือน )

ถ้ามีปัญหาการใช้งาน app หรือการสมัครสมาชิกใน app ติดต่อสอบถามได้ที่ Line id : @sondhitalk หรือ https://lin.ee/Skns1k1


กำลังโหลดความคิดเห็น