จากกรณีที่สังคมกำลังให้ความสนใจเรื่องสถานะของที่ดิน ในโครงการ “เทนธ์ อเวนิว” สุขุมวิทซอย 10 ของกลุ่ม “DAVIS CORPORATION” และบริษัท เอเทนธ์ อเวนิว จำกัด ของตระกูลกมลวิศิษฎ์ ว่า เป็นที่เอกชน หรือที่สาธารณะ หลังจากนายชูวิทย์ เคยมอบที่ดินแปลงดังกล่าวสร้างสวนสาธารณะ เพื่อใช้ลดโทษตัวเอง จากคดีรื้อบาร์เบียร์ ก่อนจะมีการนำมาหาประโยชน์อีกครั้ง ซึ่งในทางกฎหมาย มีการตั้งข้อสังเกต ว่า การให้ที่ดินสาธารณะของนายชูวิทย์ หากมีการกำหนดระยะเวลาที่จะให้ที่ดินเป็นสาธารณะ เมื่อครบกำหนด ฝ่ายเอกชน อาจนำมาใช้ประโยชน์ได้ แต่หากไม่มีการกำหนดไว้ หรือไม่มีเงื่อนไขไว้ ที่ดินดังกล่าวสมควรเป็นสาธารณสมบัติ เนื่องจากที่ผ่านมา มีคำพิพากษาที่เกี่ยวข้อง ซึ่งที่ดินเอกชน ตกเป็นของหลวง เพราะการยินยอมด้วยคำพูด หรือการยินยอมให้ใช้เป็นสาธารณะ
ล่าสุด 4 มีนาคม 2566 ได้มีการเปิดเผยเอกสารคำให้การต่อศาลฎีกาของนายชูวิทย์ เพื่อให้ศาลฏีกาลดโทษ เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2558 ใจความสำคัญระบุว่า
“ภายหลังเกิดเหตุจำเลยที่ 129 (คือ คุณชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์) ก็ได้สำนึกผิดอย่างมาก จึงได้ล้มเลิกโครงการสุขุมวิท 10 ตามเจตนาเดิม ซึ่งโครงการดังกล่าวนั้น หากสามารถทำได้สำเร็จก็จะทำให้จำเลยที่ 129 ได้รับรายได้ไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท แต่จำเลยที่ 129 รู้สำนึกอย่างแท้จริง ทั้งที่บาร์เบียร์ตามแผนเดิมทั้งหลายถูกหรือถอนเป็นพื้นที่ว่างเปล่าแล้ว และสามารถก่อสร้างโครงการสุขุมวิท 10 ได้โดยทันที
แต่จำเลยที่ 129 ก็ไม่ทำโครงการต่อ โดยยอมทิ้งผลประโยชน์มูลค่ากว่า 1,000 ล้าน และยังได้นำเงินส่วนตัวมาลงทุนก่อสร้างสวนสาธารณะชื่อสวนชูวิทย์ด้วยเงินลงทุนกว่า 100 ล้านบาท โดยมีวัตถุประสงค์ให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์ดังเช่นสวนสาธารณะทั่วไปและเป็นปอดใจกลางกรุงเทพมหานคร
ซึ่งประชาชนก็ได้ใช้ประโยชน์เรื่อยมาตั้งแต่สร้างเสร็จ จนถึงปัจจุบันแล้วการดูแลรักษาสวนชูวิทย์ดังกล่าวแต่ละเดือนโดยรวมประมาณปีละ 828,000 บาท ตั้งแต่ปี 2548 ถึงปัจจุบันปี 2558 รวมระยะเวลา 10 ปี เป็นเงินประมาณ 8,280,000 บาทโดยไม่มีรายได้แม้แต่น้อยเป็นการชดเชยและแสดงถึงความสำนึกในการกระทำความผิดบนที่ดินแปลงดังกล่าวอย่างแท้จริง ซึ่งปัจจุบันจำเลยที่ 129 ก็ยังให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์สาธารณะจากสวนชูวิทย์ และจะทำต่อไปเพื่อแสดงความสำนึกผิดในการกระทำของตนเองที่กระทำต่อผู้อื่นและละเมิดกฎหมายของรัฐ ... ”
ทั้งนี้ ในโลกออนไลน์ มีข้อสังเกตว่า เอกสารฉบับนี้ ยืนยันว่า นายชูวิทย์ พร้อมให้ใช้พื้นที่เพื่อเป็นประโยชน์สาธารณะ โดยไม่ได้กำหนดเงื่อนไขเวลาการใช้ จึงอาจเข้าหลักเกณฑ์ การมอบพื้นที่เป็นสาธารณะ ตามหลายคดี ที่มีการพิพากษามาก่อนหน้า