รายการ “ถอนหมุดข่าว” เผยแพร่ทางแอปพลิเคชั่น SONDHI APP สถานีโทรทัศน์ NEWS1 ช่องยูทูป NEWS1 และเฟซบุ๊กแฟนเพจ NEWS1 วันอังคารที่ 27 มีนาคม 2566 นำเสนอรายงานพิเศษ เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ เพื่อนก๊วนโจรชูวิทย์ตายน้ำตื้น งับเหยื่อภาพลับ
พล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รองเลขาธิการคณะกรรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. ปฏิเสธทันควัน เขาไม่เกี่ยวข้องกับถุงเงินปริศนาของ “สารวัตรซัว” ที่ส่งถึงนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์
หลังจากชื่อจริงโผล่ออกมาจากปากของ “โคนันเมืองไทย” นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ที่บุกแจ้งความกองปราบฯ และ สน.ทองหล่อ ให้ตำรวจ มาเป็นคนกลางสอบสวนไปเลย ดีกว่าแค่สงครามน้ำลาย “ชูวิทย์-ทนายตั้ม”
ไล่หลังกันไม่กี่นาที ทนายตั้ม นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ก็ระบุชื่อชัดๆ บ้าง หลังจากแพลมๆ แค่ว่ามีข้าราชการในหน่วยงานปราบปรามการฟอกเงิน เข้าไปเกี่ยวข้อง
และตั้งเป้าเอา พล.ต.ต.เอกรัตน์ ลิ้มสังกาศ ออกจากราชการให้ได้
พล.ต.ต.เอกรักษ์ หรือรองเอก จึงขยับจะฟ้องร้องเพื่อปกป้องศักดิ์ศรี โดยเฉพาะ ถูกนายอัจฉริยะดันไปตีถึง “กล่องดวงใจ” ไปพาดพิงว่าภรรยาของพล.ต.ต.เอกรักษ์ มีเงินสีเทาไหลเข้าบัญชี จนตัวเขาอดขึ้นเลขาธิการ ป.ป.ง.
ตามประวัติ พล.ต.ต.เอกรักษ์ เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน รุ่น 41 เคยเป็นตำรวจนครบาล ในพื้นที่เกรดเอ อย่างเป็น ผกก.สน.มักกะสัน รวมถึงตำแหน่งสำคัญอย่าง ผกก.สส.บก.น.6 ผกก.สส.บก.น.9 และรอง ผบก.จร.
เพราะรับผิดชอบงานจราจร จึงตั้งเพจชื่อว่า “คุยเรื่องจราจรกับเอกรักษ์” เพื่อให้ความรู้ในการใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัย
จากนั้น หลุดจากนครบาล ไปเป็น ผบก.อ่างทอง แล้วขึ้นเหนือไปเป็น รองผบช.ภาค 6 ช่วงนี้เอง ที่ พล.ต.ต.เอกรักษ์ มีข่าวไปเกี่ยวกับ “ผู้กำกับโจ้” พ.ต.อ. ธิติสรรค์ อุทธนผล ผู้ต้องหาคดีถุงดำ
โดย พล.ต.ต.เอกรักษ์ เล่าว่า ผกก.โจ้ ติดต่อขอมอบตัวกับเขา โดยโทรมาบอกว่า “พี่ครับ ผมโจ้ ผมทนไม่ไหวแล้ว”
จากนั้น ผกก.โจ้ ก็เข้ามอบตัวในพื้นที่แสนสุข จ.ชลบุรี โดยรายงานข่าวระบุว่า มีนายตำรวจคนหนึ่ง ทำหน้าที่ขับรถพา ผกก.โจ้ มาส่ง แล้วก็หลบฉากไป
โดยพนักงานสอบสวนก็ไม่ได้ตามสืบต่อว่า นายตำรวจปริศนาคนนั้น เป็นใคร จะเป็น พล.ต.ต.เอกรักษ์ หรือไม่?
เดือน ส.ค. 2565 เขาได้รับคำสั่งตัดย้ายโอนมาเป็นรองเลขาธิการ ปปง. ด้วยการผลักดันของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. เวลานั้น เหมือนเป็นวางตัวคนของตัวเองไว้ ก่อนเกษียณ
ในเรื่องถุงเงินปริศนาแห่งโรงแรมเดวิส มีประเด็นน่าสงสัยในส่วนที่ พล.ต.ต.เอกรักษ์ มามีชื่อพัวพัน
เขาปฏิเสธว่า เขาไม่ได้ร่วมขบวนการขนถุงเงินของสารวัตรซัวแต่อย่างใด แต่ยอมรับแบบ “ภาคเสธ” ว่า รู้จักคนทั้งสองในภาพ เพราะเป็นคนแนะนำเองให้รู้จักกัน เพื่อไปร่วมกัน “ทำบุญ”
ซึ่งคำว่า “ทำบุญ” ก็ตรงกับรหัสลับที่ทนายตั้มระบุไว้ การไถเงินจากแก๊งสีเทา จะมีการใช้คำเป็นนัย เป็นที่รู้กันว่า ให้มาร่วม “ทำบุญ”
สิ่งที่น่าคิดคือ พล.ต.ต.เอกรักษ์ รู้ชื่อคนทั้งสองได้อย่างไร ทั้งที่ทนายตั้มยังไม่เคยเปิดหน้าตาให้เห็นเลย ว่าคนในรูปเป็นใคร
อีกประเด็นคือ คนมีหน้าที่ปราบปรามการฟอกเงิน ดันไปรู้จักเจ้าของบ่อนอย่าง “ศักดิ์ พระรามสาม” ไปแนะนำต่อสายคอนเนกชั่นให้ระดับนายพลตำรวจ อีกต่างหาก
แต่ที่ส่อเค้าจะมีความยุ่งยาก ตรงที่คำชี้แจงของ พล.ต.ต.เอกรักษ์ เกิดไปขัดแย้งกับคำพูดจากปากนายชูวิทย์เอง โดย พล.ต.ต.เอกรักษ์อ้างว่า เขาไม่ได้ไปโรงแรมเดวิสด้วย
แต่นายชูวิทย์ พูดออกมาก่อนหน้านี้ว่า มี พล.ต.ต. “อ” ที่ยังรับราชการอยู่ หิ้วถุงเงินมายัดเยียดไว้ให้ พร้อมกับ พล.ต.ท. “ป” ซึ่งเกษียณแล้ว
“บุคคลนี้ผมรู้จักมากว่า 30 ปี ตั้งแต่ทำอาบอบนวด โดยทั้ง 2 คนได้มาพบกับผม พร้อมมอบเงินดังกล่าวให้” เจ้าของฉายา “มหาโจร” ให้สัมภาษณ์ไว้แบบนี้
ในเมื่อคำให้การย้อนแย้งไปคนละทาง แล้ว “ความจริงมีหนึ่งเดียว” มันอยู่ตรงไหนกัน?
งานนี้ จึงไม่ใช่แค่นายชูวิทย์ที่งับเหยื่อ แต่ พล.ต.ต.เอกรักษ์ ก็พลอยงับด้วย การโต้เรื่องเดียวกัน แต่ไม่สอดคล้องกันแบบนี้ เขาเรียกว่า “ไม่อ่านไลน์กลุ่มกัน”
--------------------------------
**หมายเหตุ
ดาวโหลดแอป Sondhi App ได้แล้ว
ระบบ iOS ไปที่ AppStore : https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647
ระบบ android ไปที่ Google Play : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android
สมัครสมาชิกได้แล้ววันนี้
รายเดือนเพียง เดือนละ 99 บาท
รายปี 990 บาท (10 เดือน แถม 2 เดือน )
ถ้ามีปัญหาการใช้งาน app หรือการสมัครสมาชิกใน app ติดต่อสอบถามได้ที่ Line id : @sondhitalk หรือ https://lin.ee/Skns1k1