xs
xsm
sm
md
lg

เหยื่อ “ปริญญ์” ให้ปากคำเพิ่มเติม-พฐ.เก็บดีเอ็นเอเทียบหลักฐานที่เกิดเหตุ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



สาวผู้เสียหาย 3 ราย เข้าให้ปากคำเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี กรณีถูกนายปริญญ์ อดีตรองหัวหน้าพรรค ปชป.ข่มขืน ด้านเจ้าหน้าที่ พฐ.ตรวจเก็บดีเอ็นเอเหยื่อเปรียบเทียบหลักฐานที่เกิดเหตุนำไปประกอบสำนวนคดี

วันนี้ (29 เม.ย.) เวลา 11.00 น. ที่ สน.ลุมพินี ภรรยานักเคลื่อนไหวทางการเมือง ผู้เสียหายรายที่ 3 น.ส.จี (นามสมมติ) อายุ 26 ปี ผู้เสียหายเจ้าของคลิปเสียงที่ถูกเผยแพร่ก่อนหน้านี้ รายที่ 6 และ น.ส.เอ ผู้เสียหายถูกข่มขืนปี 2557 รายที่ 11 รวม 3 ราย ที่ถูก นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ข่มขืนกระทำชำเราเดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติม และตรวจดีเอ็นเอ เพื่อนำไปประกอบสำนวนดำเนินคดี

น.ส.เอ กล่าวว่า วันนี้พนักงานสอบสวนนัดหมายให้มาเก็บดีเอ็นเอ เพื่อนำไปเปรียบเทียบกับสิ่งที่ตรวจพบในห้องที่เกิดเหตุ และตนยังได้นำหลักฐานมามอบให้ตำรวจเพิ่มเติมด้วย โดยเป็นหลักฐานการพูดคุยทางโทรศัพท์ ที่จะยืนยันได้ว่า ตนมีการพูดคุยกันกับอดีตรองหัวหน้าพรรคจริง โดยกรณีของตนไม่ต่างจากผู้หญิงคนอื่น คือ มีการพูดคุยติดต่อกันเรื่องงานก่อนถูกล่อลวงให้ไปพบที่สำนักงาน เมื่อไปถึงกลับถูกลวนลามและล่วงละเมิดทางเพศ หลังเกิดเหตุ ตนรู้สึกเสียใจ แต่ตกใจยิ่งกว่าเมื่อทราบข่าวว่าไม่ใช่ตนเพียงคนเดียวที่ถูกกระทำเช่นนี้ ตอนแรกต้องการออกมาให้ปากคำในฐานะพยาน แต่เมื่อตำรวจแจ้งว่าต้องดำเนินคดี เพราะเป็นความผิดที่ยอมความไม่ได้ ตนก็พร้อมให้ความร่วมมือเจ้าหน้าที่ และหากคดีไปถึงชั้นศาล ยืนยันว่าจะยังคงให้การเหมือนเดิม ขณะนี้ที่ผู้ต้องหายังไม่ถูกสั่งฟ้องก็มีความกังวลบ้าง แต่เชื่อว่าความจริงก็คือความจริง

น.ส.เอ กล่าวอีกว่า หลังเกิดเหตุ อดีตรองหัวหน้าพรรคก็ไม่ได้ติดต่อมาหาตนแต่อย่างใด และจนถึงขณะนี้ยังไม่มีใครติดต่อมาให้ยอมความหรือข่มขู่ ยังใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่ยอมรับว่า ส่วนตัวมีความกังวลใจอยู่บ้าง เพราะไม่ทราบว่าคดีจะจบเมื่อไร ซึ่งกังวลว่าจะมีผลในระยะยาว แต่เชื่อว่าความจริงก็คือความจริง นอกจากนี้ ยังขอเป็นกำลังใจให้กับผู้เสียหายรายอื่นๆ ซึ่งไม่สามารถจะไปบอกใครได้ว่าต้องทำอย่างไร เพราะแต่ละคนเจอเหตุการณ์มาไม่เหมือนกัน แต่ก็อยากให้ผู้เสียหายออกมาเรียกร้องเพื่อตนเอง

ต่อมาเวลา 13.46 น. ภายหลังเข้าพบพนักงานสอบสวน ภรรยานักเคลื่อนไหวทางการเมือง เปิดเผยว่า วันนี้ตนมาให้รายละเอียดเพิ่มเติม และตรวจดีเอ็นเอ คาดว่า เพื่อนำไปตรวจกับหลักฐานที่ตำรวจเก็บมาจากสถานที่เกิดเหตุ เข้าใจว่าตำรวจได้ทำตามกระบวนการแล้ว ส่วนกระแสของคดีที่เงียบไปนั้น ไม่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรมแต่อย่างใด ขณะนี้ตนกำลังทำโครงการที่จะสื่อว่า การกระทำลักษณะเกี่ยวกับนายปริญญ์เป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้น และผู้เสียหายไม่จำเป็นต้องอาย นับตั้งแต่เปิดเผยเรื่องราว ตนก็ไม่เคยรู้สึกอับอาย เพราะไม่ได้ทำอะไรผิด ส่วนผู้เสียหายรายอื่นๆ ตนรู้ว่าชีวิตของแต่ละคนไม่เหมือนกัน การออกมาพูดและเปิดเผยว่าเป็นผู้เสียหายนั้นดีมากๆ ซึ่งการลบเหตุการณ์เช่นนี้ออกจากชีวิตของผู้เสียหายแต่ละคนก็มีวิธีแตกต่างกัน ตนก็ขอฝากกำลังใจ ให้มีความสุขในทุกๆ วัน ส่วนกระบวนการยุติธรรม ตนก็อยากเป็นตัวแทนในการสู้เพื่อผู้เสียหาย จากนี้จะเดินหน้ารณรงค์เกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศ และการใช้ความรุนแรงในครอบครัว อยากเปลี่ยนสังคมให้รู้ว่าคนที่อายต้องเป็นนายปริญญ์ ตอนที่ตนเปิดเผยตัวตนไม่ได้ต้องการแค่เพื่อให้ชนะคดี แต่ต้องการเปลี่ยนสังคม เพราะตนคิดว่าเรื่องลักษณะนี้ยังมีอยู่ โดยเฉพาะในองค์กรที่แตะต้องไม่ได้ ตนจึงต้องการเปลี่ยนสังคมให้มองว่าการล่วงละเมิดทางเพศ และการคุกคามเป็นเรื่องที่ไม่ดี

ขณะที่หนุ่มนักเคลื่อนไหวทางการเมือง กล่าวว่า ขณะนี้ภรรยาสภาพจิตใจดีกว่าตนเอง เหตุผลที่ภรรยาเลือกเปิดเผยตัวตนนั้น เป็นการต่อสู้เพื่อผู้อื่น เพื่อให้ผู้เสียหายรายอื่นสามารถสู้ในกระบวนการยุติธรรมได้อย่างสบายใจ และตนพร้อมจะสนับสนุน ไม่ต้องการแค่ออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับตนเองหรือเอาชนะคดี แต่ตั้งใจว่าจะไม่หยุดจนกว่าสังคมจะมีท่าทีต่อการล่วงละเมิดทางเพศเปลี่ยนไป โครงการเหล่านี้พวกตนตั้งใจจะให้ออกห่างจากการเมือง โดยการเลือกตั้งรอบหน้านั้น พวกตนอาจจะไม่ลงสมัคร แต่จะดำเนินการโครงการดังกล่าวก่อน อยากให้ติดตามประเด็นการล่วงละเมิดทางทางเพศทุกกรณี ถึงเวลาที่ผู้เสียหายต้องไม่เป็นเหยื่อของสังคมและรู้สึกอับอาย ส่วนเรื่องคดีความที่ด่าทอตำรวจ ตนไม่มีความกังวลอะไร และตั้งใจที่จะขอโทษ ทั้งนี้ ยังไม่มีโอกาสได้พูดคุยกับ ผกก.สน.ลุมพินี แต่หากมีอะไรที่จะรับผิดชอบได้ ก็ยืนยันที่จะรับผิดชอบ

ด้าน พล.ต.ต.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รอง ผบช.น.กล่าวว่า ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ตำรวจได้ทยอยเชิญผู้เสียหายมาให้ปากคำเพิ่มเติมในประเด็นที่คณะพนักงานสอบสวนมอบหมายให้ไปดำเนินการ อย่างผู้เสียหาย 3 รายนี้ ก็เป็นการเชิญมาให้ปากคำเพิ่มเติมในบางประเด็น และเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอ ซึ่งในคดีกระทำอนาจารจะเป็นการเก็บเพื่อนำไปเปรียบเทียบกับวัตถุพยานต่างๆ อาจจะทราบผลได้เร็วกว่า แต่ในส่วนคดีข่มขืนกระทำชำเรานั้น ต้องใช้เวลาอีกระยะในการส่งตรวจหาผลทางนิติวิทยาศาสตร์ แต่ยืนยันว่า ทุกกระบวนการจะเสร็จสิ้นทันกำหนดผัดฝากขังไม่เกินผัดที่ 7 แน่นอน

ส่วนคดีที่เกิดขึ้นกับผู้เสียหายที่ตอนเกิดเหตุมีอายุแค่ 17 ปี ในพื้นที่ สน.ห้วยขวาง คดีดังกล่าวพนักงานสอบสวนได้นัดหมายให้ผู้ต้องหา มารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 5 พ.ค. เวลา 09.00 น.วันดังกล่าว ตนจะไปดูการเข้ามอบตัวด้วย


กำลังโหลดความคิดเห็น