xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวลึกปมลับ : รู้ทันเพื่อไทย ตีกินแก้ ม.112

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



“ข่าวลึกปมลับ” ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมือง และกระบวนการยุติธรรม วันอังคารที่ 2 พฤศจิกายน 2564 ตอน รู้ทันเพื่อไทย ตีกินแก้ ม.112



การประกาศอย่างเป็นทางการของ พรรคเพื่อไทย ในเรื่องแก้กฎหมายอาญา มาตรา 112 ที่ออกมาหลังการชุมนุมของม็อบเรียกร้องยกเลิกมาตรา 112 ที่สี่แยกราชประสงค์ สิ้นสุดลงเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 31 ตุลาคม ที่ผ่านมา

เห็นชัดว่า รอบนี้ เพื่อไทย เล่นบทซื้อใจม็อบเด็กสามนิ้ว เพื่อหวังสร้างคะแนนนิยม จากแนวร่วมและกองเชียร์ของกลุ่มผู้ร่วมเคลื่อนไหวทางการเมืองที่อยู่ตรงข้ามฝ่ายรัฐบาล ที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่มม็อบดังกล่าวทั้งบนท้องถนนและในโซเชียลมีเดีย มีกลุ่มกองเชียร์จำนวนหนึ่ง

การประกาศของเพื่อไทยกับการที่บอกว่าจะใช้ระบบรัฐสภา เข้ามาขับเคลื่อนเรื่องข้อเสนอของม็อบสามนิ้ว ที่เสนอให้ยกเลิกมาตรา 112 เป็นการผูกมัดตัวเอง

เพราะหากพูดแล้วทำไม่ได้ หรือทำไม่เต็มที่ เพื่อไทย ก็จะยิ่งเสียหายในสายตากองเชียร์พรรคตัวเอง รวมถึงจะเสียคะแนนในกลุ่มที่หนุนม็อบสามนิ้วด้วย

ในยามนี้ ใครก็อ่านออกว่า คู่แข่งทางการเมืองของ เพื่อไทย นอกจากพรรคพลังประชารัฐ ที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามแล้ว ก็ยังมี คู่แข่งที่อยู่ฝ่ายเดียวกันอีก อย่าง พรรคก้าวไกล ที่เดินเป็นคู่ขนานกับ คณะก้าวหน้าของ ปิยบุตร แสงกนกกุล ที่ชูธง ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์และแก้ 112 มาร่วมสิบปีกว่าแล้วตั้งแต่ยังเป็นกลุ่มนิติราษฏร์ ธรรมศาสตร์

การที่ เพื่อไทย โดยชัยเกษม นิติศิริ อดีตรมว.ยุติธรรมและอดีตอัยการสูงสุด ในฐานะประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางพรรคเพื่อไทย
ชิงประกาศรับข้อเสนอเรื่อง 112

โดยอ้างว่า เพื่อให้นักโทษทางความคิดได้รับการปล่อยตัว คำพูดชัยเกษมแบไต๋ว่า เพื่อไทย ต้องการคะแนนนิยม ฐานคะแนน ในกลุ่มแนวร่วมม็อบสามนิ้ว ที่เป็นกลุ่มนักศึกษา คนรุ่นใหม่ จำนวนหนึ่ง

ปัจจุบัน กลุ่มนักศึกษา คนรุ่นใหม่ ก็คือ ฐานเสียงสำคัญ ของพรรคก้าวไกล ที่ล่าสุดคะแนนนิยม ของสวนดุสิตโพล เพิ่งเปิดเผยเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
พบว่า เรตติ้งของ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล มาแรง ขึ้นเป็นอันดับหนึ่ง คนที่ประชาชนหนุนให้เป็นนายกฯ แซง บิ๊กตู่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ไปแล้ว

มาในตอนนี้ เมื่อแกนนำพรรคเพื่อไทย รู้ตัวว่า ที่ผ่านมา เสียฐานคะแนนเดิมของฝ่ายตัวเอง ไปอยู่กับพรรคก้าวไกล ของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แทบหมดสิ้น ซึ่งปรากฏว่ากลุ่มผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งรุ่นใหม่ๆส่วนใหญ่ก็เชียร์พรรคก้าวไกลจำนวนมาก

ดังนั้น หากเพื่อไทย ยังไม่คิดเจาะฐานเสียงกลุ่มดังกล่าว เป้าหมายแลนด์สไลด์ ทั้งส.ส.เขตและปาร์ตี้ลิสต์ ของทักษิณ อาจทำแต้มหล่นหาย ไปตกอยู่กับพรรคก้าวไกล อย่างน่าเจ็บใจ

จึงเป็นที่มาของการที่ เพื่อไทย ต้องแก้เกม เร่งดึงคะแนนจากแฟนคลับกลุ่มเดิมและสร้างฐานเสียงกลุ่มใหม่ ด้วยการ ร่วมกระโดดขึ้นขบวนรถ เอาด้วยกับการ ยกเลิกม. 112 และ 116

ทั้งที่ตลอดเวลาที่ผ่านมา เรื่อง 112 และข้อเสนอปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ แกนนำ-ส.ส. เพื่อไทย รวมถึงโทนี่ ทักษิณ ไม่เคยแม้แต่จะกล้าพูดถึงเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย

อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ก็ต้องรู้ทัน เพื่อไทยด้วย เพราะสิ่งที่ เพื่อไทย เล่นบทซื้อใจวัยรุ่น ในความเป็นจริงแล้ว ไม่สามารถทำได้จริง เพราะในสภาฯชุดปัจจุบัน ฝ่ายค้าน มีส.ส.รวมกัน ทุกพรรค ก็ยังแค่สองร้อยกว่าเสียงต้นๆ ขณะที่ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล มีเสียงเกินกึ่งหนึ่งจำนวนมาก

ดังนั้น ต่อให้ เพื่อไทย ใช้วิธี ขอเป็นเจ้าภาพมีการสั่งให้ ส.ส.เพื่อไทย ทุกคน ลงชื่อ ในญัตติเสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เข้าสภาฯ
แต่สุดท้าย ก็ทำได้แค่เสนอเท่านั้น

เพราะเสนอไป ก็โดนคว่ำตั้งแต่วาระแรกแล้ว เพราะ พรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรค ผนึกแน่น ไม่มีแตกแถวไปร่วมสังฆกรรมกับเพื่อไทยด้วยแน่นอน แล้วยังจะมีด่าน สว. 250 คนที่ส่วนใหญ่ก็เป็นสายอนุรักษ์นิยม อดีตข้าราชการ อดีตบิ๊กทหาร ดังนั้น ก็ไม่มีทางผ่านด่านสว.อีกเช่นกัน

การที่จะยกเลิกหรือแก้ 112ในกระบวนการรัฐสภาฯ จึงปิดประตูตาย ไม่มีทางสำเร็จแน่นอน

เรื่องนี้ เพื่อไทย ก็รู้ว่าทำไม่ได้ แต่ที่ชิงออกหน้าอย่างรวดเร็วเป็นเรื่องของกลยุทธ์การเมือง หวังตัดหน้า ชิงคะแนน พรรคก้าวไกล -คณะก้าวหน้า เท่านั้น

เรื่องเสนอแก้มาตรา 112 พรรคก้าวไกล เคยทำมาแล้ว โดยการให้ส.ส.ร่วมกันลงชื่อเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา แต่ปรากฏว่า สำนักการประชุม สภาผู้แทนราษฎร ได้ทำหนังสือถึงพรรคก้าวไกล ระบุชัดๆ ว่า การเสนอแก้ 112 ขัดรัฐธรรมนูญ ทำไม่ได้ เลยเงิบกันหมด

หนังสือดังกล่าว ฯมีความ ระบุว่า
" การแก้ไขมาตรา 112 เพื่อให้มีการยกเว้นความผิดและการยกเว้นโทษต่อความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์นั้น “เป็นการขัดหรือแย้งรัฐธรรมนูญมาตรา 6” ซึ่งบัญญัติว่า “องค์พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ ผู้ใดจะกล่าวหาหรือฟ้องร้องพระมหากษัตริย์ในทางใดๆ มิได้”

ส่วนจะใช้วิธี ให้ส.ส.เพื่อไทย เอาเรื่อง เข้าคณะกรรมาธิการของสภาฯ เพื่อให้พิจารณาเรื่อง112 หรือเสนอให้สภาฯ ตั้งกรรมาธิการวิสามัญ มาศึกษาเรื่องมาตรา 112 และ 116

ถ้าเป็นยุคก่อน ๆมันก็พอ หลอกเด็ก ซื้อเวลา สร้างภาพ กันไปได้ แต่มายุคนี้ คนมันรู้ทัน วิธีการยืมมือสภาฯ เพื่อ ซื้อเวลา ตีกิน แบบนี้ มันตกยุคไปแล้ว


กำลังโหลดความคิดเห็น