รายการ “ถอนหมุดข่าว” ทาง NEWS1 โดย นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม เครือผู้จัดการ วันที่ 5 ต.ค.64 นำเสนอรายงานพิเศษ จบเกม "โกลัก นาตารี" ขาลงอาบอบนวด "ส.นักการเมือง" เจ็บ
ทั้งที่หนีหายเข้ากลีบเมฆไปนานกว่า 5 ปีแล้ว แต่เมื่อชะล่าใจ ย้อนรอยกลับเข้ามาในกรุงเทพฯ นายประเสริฐ สุขขี หรือโกลัก เจ้าพ่ออาบอบนวดคนดัง ในวัย 63 ปี ก็ถึงคราวสิ้นอิสรภาพ
ตำรวจสอบสวนกลาง บุกจับได้จากย่านบางกอกน้อย มีข้อหาค้างเก่าติดตัวยืดยาวเป็นหางว่าว 14 คดี ล้วนแต่ข้อหาฉกรรจ์ เกี่ยวกับการค้าจัดค้าประเวณีเด็ก ค้ามนุษย์ ฟอกเงิน
โกลัก เป็นเจ้าพ่ออ่างที่เป็นข่าวอื้อฉาวหลายครั้ง เป็นที่จดจำกันในฐานะคู่ปรับของ “เสี่ยชู” ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เจ้าพ่ออ่างที่ผันตัวไปเป็นนักการเมือง และสื่อมวลชน
โดนลากมาเปิดตัวครึกโครมครั้งแรก เมื่อปี 2548 เมื่อเสี่ยชูร้องเรียนว่า สถานอาบอบนวดเอไลน่า ของโกลัก ตั้งอยู่หน้าโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ถนนรัชดาภิเษก
ฝ่ายโกลักก็ตอบโต้ว่า เสี่ยชูยังไม่ได้ล้างมือจากอ่างทองคำอย่างที่ประกาศจริงๆ แล้วแค้นที่เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในการแย่งซื้อสถานที่ อีกทั้งเกรงว่าจะโดนตนเองดูดลูกค้ามาหมด เพราะมีทำเลดีกว่า
อย่างไรก็ตาม สุดท้ายโกลักแถไม่รอด กระแสสังคมบีบหนัก หนจนทางการสั่งปิดอาบอบนวดเอไลน่า เป็นเวลา 5 ปี
เอไลน่ากลับมาเปิดอีกในปี 2554 เสี่ยชูก็ตามจองเวรโกลักอีก ไปยืนแถลงต่อสื่อที่หน้าโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ถนนรัชดาภิเษก แต่คราวนี้ ทำอะไรเอไลน่าไม่ได้
เพราะมีข้อกฎหมายชัดเจนแล้ว เอไลน่าอยู่ห่างจากโรงเรียนเตรียมฯ เกิน 150 เมตร มีสิทธิ์เปิดได้
แต่ว่า โกลักถูกน็อกร่วงจริงๆ เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. 2559 เมื่อกำลังผสมของกรมการปกครอง ร่วมกับทหาร กอ.รมน. เปิดปฏิบัติการสังขร บุกจับ นาตารี อาบอบนวด ถนนรัชดาฯ ซึ่งเป็นของโกลักเช่นเดียวกัน
พบหมอนวดขายบริการในนาตารี 121 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวไทยใหญ่ สัญชาติเมียนม่า จำนวนนี้มีเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ถึง 8 ราย
บรรดาลูกน้องโกลักพาเหรดไปรับโทษในคุก โดยศาลลงโทษสถานหนักกราวรูด จำคุก 12 ปี จนถึง 8 ปี และดำเนินการยึดทรัพย์โกลักหลายร้อยล้านบาท
แต่โกลักหนีการจับกุมไปได้ มีข่าวลือว่า เผ่นออกนอกประเทศตามช่องทางธรรมชาติ พอข่าวจางก็แอบกลับมาหลบๆ ซ่อนๆ อยู่แถว จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นถิ่นเดิม โกลักเคยเปิดนวดแผนโบราณขนาดใหญ่อยู่ย่านซอยปิ่นประภาคม ก่อนจะมาผงาดบนถนนรัชดา
ระหว่างนั้น ก็มีข่าวดีเอสไอบุกทลายอาบอบนวดอีกแห่ง เมื่อปี 2561 คือ วิคตอเรีย ซีเครท ของ “เสี่ยกำพล” นายกำพล วิระเทพสุภรณ์ ซึ่งมีพฤติการณ์คล้ายคลึงกัน คือนำเด็กสาวต่างด้าวมาค้าประเวณี
มีบริการพิเศษ เปิดบริสุทธิ์ ซึ่งได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวชาวจีน ถึงกับบินตรงมาเพื่อการนี้ แบบเช้ามาเย็นกลับเลยทีเดียว
หมอนวดบางรายแฉความลับของวิคตอเรีย ซีเครทว่า มาทำงานที่นี่ ตั้งแต่อายุได้แค่ 12 ปี
เสี่ยกำพลก็เช่นเดียวกับโกลัก เขาหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย แต่ที่ต่างกัน คือจนบัดนี้ ยังตามจับตัวไม่ได้
ทั้งอาณาจักรน้ำกาม และตัวโกลักเอง ถึงคราวอวสานจริงๆ เสียที จากเดิมที่เคยมีรายได้อู้ฟู่ เฉพาะนาตารีแห่งเดียว ก็ทำเงินได้สูงสุดถึง 19 ล้านบาทต่อเดือน
ด้วยความมั่นใจในพลังเงินพลังส่วย โกลัก ผู้มากบารมีในหมู่ตำรวจ จึงตกในความประมาท ดำเนินธุรกิจเข้าข่ายค้ามนุษย์แบบไม่แยแส
แม้ตำรวจจะเอาหูไปนา เอาตาไปไร่ แต่กลับมีกรมการปกครอง บุกมาเผด็จศึกอย่างที่เจ้าตัวคาดไม่ถึง
ดูเหมือนยุคแห่งความรุ่งเรืองอู้ฟู่ของธุรกิจอาบอบนวด ได้ผ่านพ้นไปไม่มีวันกลับ เสี่ยอ่างทั้งโกลัก เสี่ยชู เสี่ยกำพล ต่างเคยโดนคำสั่งยึดทรัพย์กันมาทั้งสิ้น
ยิ่งมาเจอการจัดระเบียบโลกใหม่ด้วยไวรัสโควิด-19 อาบอบนวดจำต้องปิดยาว เนื่องจากเป็นแหล่งที่เอื้อต่อการระบาดของโควิดอย่างที่สุด
อาบอบนวดจึงถึงคราว “ขาลง” วังเวงกันไปแบบไม่รู้อนาคต
ส่วนคนที่เป็นเจ้าพ่ออ่างตัวจริงในยุคหลังนี้ คือ “ส.นักการเมือง” ที่เทคโอเวอร์อาบอบนวดชั้นนำจากเครือชูวิทย์ กำพล ไปเกือบหมด และโกลักก็มีข่าวว่าเป็นมือทำงาน หรือม้าใช้ของ ส.นักการเมือง เมื่อขุนทรัพย์น้ำกามไม่ทำเงินให้ก็คงจะเจ็บหนัก และจำต้องล้างมือในอ่างจากูชซี่ไปอีกราย