ข่าวปนคน คนปนข่าว
**“โกลัก” นาตารี คู่ปรับ “เฮียชู” เมีย 4 กับ ทรัพย์สินค้ามนุษย์อู้ฟู่กว่าพันล้าน!
กลายเป็นเรื่องที่สอดแทรกเข้ามายึดพื้นที่สื่อ และได้รับความสนใจจากสังคม เมื่อ “ประเสริฐ สุขขี” หรือ “โกลัก” เจ้าของสถานบริการอาบอบนวด นาตารี ผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีร่วมกันค้ามนุษย์ และร่วมกันฟอกเงิน เมื่อปี 2559 ถูกตำรวจกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ และกองปราบปราม ควบคุมตัวมาสอบสวน หลังถูกจับได้เมื่อช่วงเช้า วันจันทร์ (4 ต.ต.) ที่ผ่านมา ในบ้านพักย่านบางกอกน้อย หลังจากหลบหนีหมายจับมานานกว่า 5 ปี
งานนี้ “พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช” ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ประเดิมตำแหน่งใหม่ได้สวย แม้ว่า “โกลัก” จะยังไม่ได้ให้การในชั้นสอบสวนและขอให้การในชั้นศาลเท่านั้น แต่ตำรวจได้สืบสวนเส้นทางการเงินร่วมกับสำนักงาน ปปง. สามารถยึดอายัดทรัพย์สินจากผู้ต้องหาได้ประมาณ 1,000 ล้านบาท ทั้งบ้านพัก ที่ดิน และเงินสด
เรียกว่า “โกลัก” ที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อค้ามนุษย์รายนี้ทำมาหากินกับธุรกิจอาบอบนวด จนรวยอู้ฟู้ติดอันดับเลยทีเดียว
“ประเสริฐ สุขขี” หรือ ที่รู้จักกันในวงการว่า “โกลัก” ปีนี้อายุ 63 เป็นใคร? ก็ต้องบอกว่า เขาเปิดกิจการทำธุรกิจเอนเตอร์เทนเมนต์มาหลายต่อหลายบริษัทมาช้านาน
ว่ากันว่า “โกลัก” นั้นเป็นคู่ปรับของ “เฮียชู” ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ อดีตเจ้าพ่ออ่าง ซึ่งในยุครัฐบาลทักษิณ ชินวัตร “โกลัก” ที่อยู่ในช่วงรุ่งเรือง มีทรัพย์สิน และบริวารจำนวนมาก บางกระแสว่ากันว่า “โกลัก” มีภรรยาอยู่ถึง 4 คน ถูก “ชูวิทย์” ที่ขณะนั้นล้างมือในอ่างทองคำ เข้าสู่อาชีพนักการเมือง เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคชาติไทย เปิดประเด็นถึงความไม่ชอบมาพากลของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ออกใบอนุญาตเปิดสถานบริการ อาบอบนวด ในชื่อ “เอไลน่า” ย่านรัชดาฯให้แก่ บริษัท พี.พี.ที.เอส. คอนสตรัคชั่น จำกัด ของ “โกลัก” ซึ่งทำเลเป็นสถานบริการที่อยูใกล้โรงเรียนแค่ 500 เมตร แถมอนุญาตให้เปิดได้มากถึง 160 ห้อง
ตอนนั้นเรื่องนี้กลายเป็นประเด็นร้อนทางสังคม “เฮียชู” ไปแถลงข่าวที่ไหน “โกลัก” ก็ตามไปแถลงค้านที่นั่น เรียกว่า ยอมกันไม่ได้ และก็ได้กลายเป็นเรื่องที่ สะท้านสะเทือน สตช. ที่เชื่อกันว่า มีเจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ให้การสนับสนุน “โกลัก”
เมื่อเปลี่ยนยุคเปลี่ยนสมัย จาก “เอไลน่า” จนมาถึง “นาตารี” ธุรกิจของโกลัก ก็มาถึงจุดล่มสลาย วันที่ 7 มิถุนายน 2559 ธุรกิจสถานบริการอาบอบนวดของโกลัก ก็ถูกทลายลงโดยเจ้าหน้าที่กว่า 100 นาย เปิดปฏิบัติการ “สิงขร” บุกเข้าตรวจสอบ “นาตารี” เอ็นเตอร์เทนเมนท์ อาบอาบนวด จับกุมหมอนวดได้ กว่า 100 คน ในจำนวนดังกล่าว มีเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 18 ปี และหญิงต่างด้าว ค้าบริการทางเพศ พร้อมยึดบัญชี “ส่วย” ยาวเป็นหางว่าว
“นาตารี” ถือเป็นอาบอบอวดชื่อดังย่านรัชดาฯ มีหญิงสาวหมุนเวียนมาให้บริการมากกว่า 400 คน จนทำให้มีรายได้สูงสุดต่อเดือน กว่า 19 ล้านบาท
วันที่ 19 เมษายน 2560 ศาลอาญาสั่งจำคุก 11 ปี 24 เดือน ผู้จัดการอาบอบนวด นาตารี เอ็นเตอร์เทนเมนท์ ฐานร่วมกันค้ามนุษย์ ส่วนพวกอีก 5 คน ถูกสั่งจำคุกตั้งแต่ 8 ปี 6 เดือน ถึง 12 ปี 6 เดือน โดยสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. ได้ยึดอายัดทรัพย์สินมูลค่ากว่า 500 ล้านบาท
ส่วนเจ้าของกิจการนาตารีอาบอบนวด คือ “ประเสริฐ สุขขี” หรือ “โกลัก” หลบหนี โดยปล่อยข่าวว่าหนีออกจากประเทศไทยไปเรียบร้อย แต่ไปๆ มาๆ เวลาผ่านไป 5 ปี “โกลัก” ถูกตะครุบตัวได้ใน กทม.ใกล้จมูกตำรวจนี่เอง
บทสรุปของ “โกลัก นาตารี” จะเป็นอย่างไรต้องติดตามกันต่อไป
** “ลุงตู่-ลุงป้อม” สยบคลื่นลม ประสานเสียง ไม่ปรับ ครม. ไม่ยุบสภา ไม่ย้ายไปไหน ยังเป็นแคนดิเดตนายกฯของพรรค พปชร.
สัปดาห์ที่ผ่านมา มีประเด็นทางการเมือง ที่ทำให้เกิดแรงกระเพื่อม ถึงขั้นเกิดรอยร้าว ระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล และภายในพรรคพลังประชารัฐเอง
เรื่องระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล ก็มาจากกรณีที่ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไปยึดเอา 4 กรม ในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งอยู่ในความดูแลของ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” เมื่อครั้งเป็น รมช.เกษตรฯ มาก่อน ให้มาอยู่ในการกำกับดูแลของ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ
ทั้งที่ 4 กรมนี้ เมื่อไม่มี ร.อ.ธรรมนัส ก็ควรให้ “เฉลิมชัย ศรีอ่อน” รมว.เกษตรฯ ดูแลรักษาการไปก่อน และให้อยู่ในการกำกับดูแลของ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ เหมือนเดิม ไม่ใช่ไปดึงเอามาให้ “ลุงป้อม” ดูแล
การทำเช่นนี้จึงถูกมองว่า เป็นการเคลียร์ใจระหว่าง “ลุงตู่กับลุงป้อม” เพราะตอนที่ลุงตู่ ปลด “ผู้กองธรรมนัส” พ้น รมช.เกษตรฯ และ “นฤมล ภิญโญสินวัฒน์” พ้น รมช.แรงงาน นั้น ไม่ได้มาปรึกษาหารือกับลุงป้อมก่อน ทำให้เกิดความกินแหนงแคลงใจกัน ...“ลุงตู่” คงรู้สึกผิด จึงไปยึดเอา 4 กรม ที่ว่ามาให้ลุงป้อมดูแล ซึ่งก็ไม่ต่างไปจากการเอามาคืนให้ “ผู้กองธรรมนัส” ดูแลนั่นเอง
เรื่องนี้ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” รองนายกฯ และ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ถึงกับออกปากว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ “ไม่สวย” เท่าไรนัก เพราะแก้ของตัวเองจบ แต่ไปเพิ่มปัญหาให้เพื่อน... ส.ส.ประชาธิปัตย์ หลายคน ก็ออกมาแสดงความไม่พอใจในเรื่องนี้...
พูดง่ายๆ ว่า นายกฯทำผิดมารยาททางการเมือง !!
ส่วนแรงกระเพื่อมที่เกิดขึ้นภายในพรรคพลังประชารัฐเอง ก็มีทั้งกระแสข่าวการปรับ ครม. ปรับทีมเศรษฐกิจ โดยจะดึงเอา “ศุภชัย พานิชภักดิ์” อดีตผู้อำนวยการใหญ่องค์การการค้าโลก (WTO) ซึ่งเสมือนเป็นคนของประชาธิปัตย์ มาเป็นรองนายกฯ ควบ รมว.พลังงาน แทน “สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์” จะมีการยึดโควตา “2 รมช.” ที่เป็นของพรรคพลังประชารัฐ ไปเป็นโควตาของนายกฯ เพื่อเอา “ปลัดฉิ่ง” ฉัตรชัย พรหมเลิศ อดีตปลัดมหาดไทย มาเป็น รมช.มหาดไทย แลกกับการสลับ “ลุงป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ไปเป็นรองนายกฯ แล้วให้ “ลุงป้อม” มาเป็น มท.1 แทน... เรียกว่าสูตรปรับ ครม.มีให้มโนกันหลายสูตร ...
ยังมีเรื่องที่ “พ.อ.สุชาติ จันทรโชติกุล” เพื่อนรักของ “บิ๊กตู่” ประกาศว่า จะลาออกจากสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ พร้อมกับ 13 ส.ส.ภาคใต้ ไปร่วมสร้างพรรคใหม่กับ “ปลัดฉิ่ง” เพื่อชู “ลุงตู่” เป็นนายกรัฐมนตรี … เพราะเชื่อกันว่าตราบใดที่ ”ผู้กองธรรมนัส” ยังเป็นเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ โอกาสที่พรรคนี้ จะเสนอชื่อลุงตู่ เป็นแคนดิเดตนายกฯนั้นยาก...หรือไม่ชัวร์
ยังมีเรื่องของตัว “ลุงตู่” เองที่รัฐธรรมนูญระบุไม่ให้ดำรงตำแหน่งนายกฯเกิน 8 ปี ซึ่งอาจจะต้องมีการตีความตามมา
ปัญหาต่างๆ ทั้งการกระทบกระทั่งกันแล้วหากไม่เคลียร์ ปล่อยให้อึมครึมเช่นนี้ย่อมไม่เป็นผลดี ...ยิ่งถูกสื่อนำไปเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ ยิ่งไม่เป็นเรื่องดีแน่ … เรื่องที่ว่าไม่จริง ไม่ใช่ อาจจะจริง จะใช่ขึ้นมาก็ได้ หากถูกตอกย้ำอยู่ทุกวัน … ถึงขั้นมองกันว่าหาก “ลุงตู่” อึดอัด เข้าตาจนขึ้นมา อาจจะยุบสภาก่อนเวลาอันควรได้ ทั้งๆ ที่ใจอยากจะอยู่ครบเทอม หรืออยู่ให้นานที่สุด
ประกอบกับ “พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา” เลขาธิการ กกต. ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง เพิ่งส่งหนังสือถึงหัวหน้าพรรคการเมือง ให้เตรียมความพร้อมในการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ทำให้ไปเพิ่มน้ำหนักในเรื่องยุบสภา เลือกตั้งใหม่ มากขึ้น เพราะคิดว่า ทาง กกต. คงได้สัญญาณอะไรมาแน่
ดังนั้น ทั้ง “ลุงป้อม” และ “ลุงตู่” จึงออกมาประสานเสียงในคีย์เดียวกันว่า... ไม่มีการปรับ ครม. ใดๆ ทั้งสิ้น ไม่มีการยุบสภา พรรคพลังประชารัฐจะยังคงเสนอชื่อ “ลุงตู่” เป็นแคนดิเดตนายกฯ ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ส.ส.ภาคใต้จะไม่มีการย้ายไปอยู่พรรคไหนทั้งสิ้น
“ลุงป้อม” ยังแสดงท่าทีเรื่องการกำกับดูแล 4 กรม ในกระทรวงเกษตรฯ ว่า ก็เป็นเพียงการดูกว้างๆ ให้เป็นไปตามนโยบายของพรรคเท่านั้น...เหมือนเป็นการแสดงเจตนารมย์ว่าจะไม่เข้าไปก้าวก่าย ขอให้ประชาธิปัตย์สบายใจได้
ขณะที่ “เฉลิมชัย ศรีอ่อน” ก็บอกว่า นายกฯแจ้งแล้วว่า ตามระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน รัฐมนตรีว่าการ มีหน้าที่กำกับดูแลทั้งหมดอยู่แล้ว ยืนยันการกำกับทั้งหมดตนเองดูแลอยู่ ทุกอย่างจะออกจากกระทรวงได้ตนเองต้องเป็นผู้อนุมัติ ...ย้ำว่า เรื่องบริหารภายในกระทรวงเกษตรฯ ตนเองยังกำกับดูแล 100% และเชื่อว่า ถ้าตนทำในสิ่งที่ถูกต้อง คงไม่มีใครมาก้าวก่าย !!
ก็เป็นอันว่าทั้ง “ลุงตู่-ลุงป้อม” ต้องออกมาสยบแรงกระเพื่อมด้วยตัวเอง เพื่อหวังประคองรัฐนาวา ฝ่าคลื่นลมให้ได้นานที่สุด … แต่เชื่อเถอะ การเมืองไม่มีวันหยุดนิ่ง หมดเรื่องนี้เดี๋ยวก็มีเรื่องใหม่ ยิ่งช่วงท้ายๆรัฐบาลอย่างนี้ ยิ่งต้องจับตา