MGR Online - โฆษกนครบาล เผย วันนี้มีชุมนุม 1 กลุ่ม ที่แยกดินแดง ดำเนินคดีเยาวชน 5 ราย หมายเรียกผู้ปกครองเพิ่ม 8 ราย จับกุมชาวเขมรร่วมม็อบ แจ้ง 3 ข้อหา เตรียมส่งกลับประเทศ เตือนติดแบล็กลิสต์ ห้ามเข้าไทย ผบ.ตร.กำชับเว้นระยะห่าง หลังเหตุการณ์ทวีความรุนแรง เร่งสืบสวนแท็กซี่ขนยางมาเผา ชี้ ผิดฐานเป็นตัวการร่วม
วันนี้ (8 ก.ย.) เวลา 11.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น.ในฐานะโฆษก บช.น.กล่าวว่า ในวันนี้มีการนัดหมายรวมตัวของกลุ่มทะลุแก๊ส เวลา 18.00 น. ที่แยกสามเหลี่ยมดินแดง บช.น.ขอเตือนว่า การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, พ.ร.บ.โรคติดต่อ กรณีกลุ่มทะลุแก๊สมีการรวมตัวเมื่อวานนี้ (7 ก.ย.) ที่แยกสามเหลี่ยมดินแดง ได้ขว้างปาสิ่งของ ใช้ระเบิดแสวงเครื่อง ไปป์บอมบ์ พลุเพลิง พลุไฟ รวมทั้งจุดไฟเผาทรัพย์สินของทางราชการ ประชาชน และสาธารณประโยชน์ ตำรวจสามารถจับกุมผู้กระทำผิดทั้งหมด 15 ราย ยึดระเบิดปิงปอง ระเบิดแสวงเครื่อง และอาวุธต่างๆ ที่ใช้ก่อเหตุมาดำเนินคดีข้อหา “พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, พ.ร.บ.โรคติดต่อ, ร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป กระทำให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง, เมื่อเจ้าพนักงานสั่งผู้ที่มั่วสุมให้เลิกไปแล้วไม่เลิก”
สำหรับเด็กและเยาวชนที่ร่วมกระทำผิด ขณะนี้พนักงานสอบสวนได้รับตัวมาดำเนินคดี 5 ราย ในส่วนผู้ปกครองที่ปล่อยปละละเลย ส่งเสริม หรือยินยอมให้เด็กและเยาวชนกระทำผิด อาจถูกดำเนินคดีตามความผิด “พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก” ในการชุมนุมตั้งแต่เดือน ส.ค.ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกผู้กระทำผิดเพิ่มอีก 195 หมาย แกนนำ 31 หมาย ผู้ชุมนุม 164 หมาย และออกหมายเรียกผู้ปกครองเพิ่ม 8 ราย เพื่อสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย
กรณีเผยแพร่ข้อความอันเป็นเท็จ (เฟกนิวส์) ว่ามีเด็กอายุ 14 ปี มีปอดข้างเดียว ถูกรถตำรวจควบคุมฝูงชน (คฝ.) ชนได้รับบาดเจ็บ บช.น.ขอชี้แจงว่า เป็นข้อมูลอันเป็นเท็จ จากการตรวจสอบทราบว่า ตำรวจใช้รถยนต์ปิดล้อมตรวจค้นบนถนนตามปกติ จากนั้นเข้าจับกุมตัวผู้กระทำผิด มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากการจับกุมของตำรวจ 1 ราย คือ นายวิสิทธิ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 45 ปี ได้รับบาดเจ็บจากรถจักรยานยนต์ล้ม เป็นเหตุให้ไหปลาร้าหลุด ก่อนนำตัวส่งรักษาที่ รพ.ตำรวจ อาการปลอดภัยแล้ว จากนี้ตำรวจจะร้องทุกข์ดำเนินคดีกับผู้ที่โพสต์ นำเข้า หรือผู้ส่งต่อข้อความอันเป็นเท็จ ตามความผิด “พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์”
นอกจากนี้ เมื่อวานนี้ ตำรวจได้จับกุมผู้ต้องหาสัญชาติกัมพูชา 1 ราย ดำเนินคดีตามความผิด “พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, ร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป กระทำให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง, เมื่อเจ้าพนักงานสั่งผู้ที่มั่วสุมให้เลิกไปแล้วไม่เลิก” บช.น.ขอเตือนพี่น้องประเทศเพื่อนบ้าน หรือต่างด้าวที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย กรณีเข้าร่วมชุมนุมอาจถูกจับกุมตัว และอาจถูกส่งตัวกลับประเทศตามหลักเกณฑ์ของ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) หรืออาจมีคำสั่งให้เนรเทศออกนอกประเทศโดย กระทรวงมหาดไทย (มท.) และกรณีกระทำผิดอาจเป็นเหตุให้ตำรวจขึ้นแบล็กลิสต์ หรือเพิ่มรายชื่อเป็นบุคลลต้องห้ามเข้ามาในราชอาณาจักร หมายความว่าจะไม่มีสิทธิ์กลับเข้ามาทำงานในประเทศไทยได้อีก
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวต่อว่า เหตุการณ์เมื่อวานนี้ตำรวจยังคงใช้แผนเดิมในการเข้าควบคุมพื้นที่หรือไม่ หลังพบว่ากลุ่มมวลชนได้ตอบโต้ด้วยความรุนแรง บช.น.ได้ปรับแผนทุกวันเพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจมีประสิทธิภาพ และเหมาะสมกับสถานการณ์การข่าว ส่วนการที่ตำรวจเข้าจับกุมเป็นช่วงที่กลุ่มมวลชนเริ่มรวมตัวหรือไม่ เมื่อมีการรวมตัวจะเป็นความผิด "พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, พ.ร.บ.โรคติดต่อ" นอกจากนี้ การสบคบวางแผนก่อเหตุจะเป็นความผิด “อั้งยี่, ซ่องโจร” เป็นความผิดซึ่งหน้าตำรวจสามารถจับกุมได้ทันที รวมถึงถ้ามีการเดินทางหลังเวลา 21.00 น. อยู่ในช่วงเคอร์ฟิวห้ามออกนอกเคหสถานก็จะเป็นความผิด ตำรวจสามารถจับกุมได้ทันทีเช่นกัน
ถ้ามีพยานหลักฐานยืนยัน หรือมีสถานการณ์การข่าวว่า จะมีการก่อเหตุ โดยเฉพาะการวางเพลิงในสถานที่ต่างๆ และก่อให้เกิดอันตราย บางครั้งตำรวจจำเป็นที่จะต้องเข้ารักษาความสงบเรียบร้อย การใช้วิธีเข้าจับกุมก่อนที่จะปล่อยให้มีการรวมตัว ได้ผลกว่าปล่อยให้รวมตัวก่อนแล้วจับกุมหรือไม่ ตำรวจทำทุกวิถีทางบางครั้งจับก่อน บางครั้งจับทีหลัง บางครั้งจับระหว่างก่อเหตุ ตามสถานการณ์การข่าว และพฤติกรรมของผู้ก่อเหตุ ในส่วนของกลุ่มมวลชนที่เริ่มทวีความรุนแรง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.เน้นการปฏิบัติหน้าที่เว้นระยะห่าง โดยใช้อุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ ที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด และเป็นไปตามหลักสากล เห็นได้ว่าตำรวจมีการใช้มาร์คเกอร์ หรือสี เพื่อระบุตัวตนผู้ก่อเหตุแล้วติดตามจับกุมผู้ที่มีสีติดตัว เป็นหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ในการยืนยันการกระทำผิดชัดเจน
สำหรับเหตุการณ์เมื่อวานนี้กลุ่มมวลชนได้ก่อความเสียหายจำนวนมาก อาทิ เผาทำลายรถจักรยานยนต์ของตำรวจ ทุบทำลายสถานที่ราชการ และสถานที่เอกชนในบริเวณนั้น อยู่ระหว่างการตรวจสอบแล้วแจ้งความร้องทุกข์ กรณีออกมาโต้แย้งว่ารถที่ถูกเผาไม่ใช่รถตำรวจ ยืนยันว่ารถดังกล่าวยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซีบีอาร์ ของตำรวจจราจรที่ปฏิบัติหน้าที่ตั้งจุดตรวจ โดยรอบแยกสามเหลี่ยมดินแดง เสียหาย 1 คัน โดยเฉพาะทรัพย์สินของ สำนักการระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร ที่อุโมงค์ดินแดง จากการพูดคุยกับ ผอ.สำนักการระบายน้ำ ทราบว่า ระบบการสูบน้ำเสียหาย ระบบไฟส่องสว่างเสียหาย ถ้าในช่วง 1-2 วันนี้ ซ่อมไม่ทันแล้วเกิดฝนตกจำนวนมาก อาจทำให้น้ำท่วมอุโมงค์ดินแดงได้ บช.น.ขอเตือนประชาชนให้ระมัดระวังการเดินทางช่วงนี้ และฝากเตือนผู้ก่อเหตุทรัพย์สินบางอย่างมีใช้เพื่อสาธารณประโยชน์ สิ่งที่ทำให้เกิดความเสียหายอาจก่อให้เกิดอันตรายกับประชาชนอื่นๆ ถ้าฝนตกรถติดค้างอยู่ในอุโมงค์ไม่สามารถระบายน้ำออกได้ จะก่อให้เกิดอันตราย หรือเสียชีวิตจากการจมน้ำ
กรณีมีผู้ส่วมรอยเป็นสื่อมวชน และบุคลากรทางการแพทย์ บช.น.ร่วมกับ พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษก ตร.และสมาพันธ์สื่อมวลชนได้ประชุมหาแนวทางป้องกัน และให้เกิดความปลอดภัยสำหรับสื่อมวลชนที่มาทำหน้าที่ เข้าใจว่า อยากได้ภาพสวย ข้อเท็จจริง และเหตุการณ์ แต่ในบางที่ บางจุด หรือบางเวลาการเข้าไปในสถานที่เกิดเหตุก่อให้เกิดอันตราย จากการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ หรือผู้ชุมนุม โดยหาแนวทางว่าวิธีปฏิบัติที่มีอยู่สมบูรณ์แบบหรือยัง การตั้งผู้ประสานงานในแต่ละวันของตำรวจ และสื่อมวลชน รวมถึงการทำเครื่องหมายบอกฝ่ายสำหรับผู้สื่อข่าวที่เป็นหลักสากล และที่เข้าใจกันทั้งหมดทั้งตัวตำรวจ และสื่อมวลชน
ในระยะเวลา 1 เดือนนี้ เป็นช่วงที่ทางสมาพันธ์ฯจะร่วมหารือ แต่ในระหว่างที่ยังไม่เรียบร้อยได้มีการเตือน และตั้งตำรวจทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานชั่วคราวอยู่แล้ว ก็อยากฝากถึงสื่อมวลชน และบุคลากรทางการแพทย์ เนื่องจากกลุ่มมวลชนพยายามใช้สัญลักษณ์ ก่อให้เกิดปัญหาในระยะยาว เช่น ปลอมตัวเป็นสื่อมวลชน และบุคลากรทางการแพทย์แล้วมาก่อเหตุ ตำรวจขอความร่วมมือช่วยกันสอดส่องดูแล ถ้าบันทึกภาพได้ก็จะเป็นผลดีเพื่อดำเนินคดี ที่ผ่านมาตำรวจสามารถจับรถที่ปลอมเป็นรถพยาบาล พร้อมนำอุปกรณ์ในการก่อเหตุ อาทิ ลูกแก้ว ลูกหิน และระเบิดต่างๆ มาใช้ในการชุมนุม บางส่วนได้ข้อมูลจากสื่อมวลชน และบุคลากรทางการแพทย์
ส่วนที่ปรากฏภาพรถแท็กซี่ขนยางรถยนต์มาให้กลุ่มมวลชน ที่แยกสามเหลี่ยมดินแดง ตำรวจได้ข้อมูลจากสื่อมวลชนในพื้นที่ จากการตรวจสอบเบื้องต้นเป็นบุคคลที่น่าเชื่อว่า นำยางรถยนต์ หรือสิ่งต่างๆ มาใช้ในการเผา หรือเป็นเชื้อเพลิงในการเผาในหลายสถานที่ ตำรวจอยู่ระหว่างสืบสวนถ้าพบว่าได้กระทำดังกล่าวจริง จะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ถ้านำยางรถยนต์มาเผาเอง หรือนำไปให้คนอื่นเผา มีความผิดฐานเป็นตัวการร่วม