ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ไม่ให้ประกัน “เพนกวิน” กับพวก 5 คน ชี้ เคยทำผิดเงื่อนไขของศาล ปล่อยไปเกรงหลบหนี กระทำผิดซ้ำ-โดนอีกข้อหาไลฟ์สด ละเมิดอำนาจศาล
วันนี้ (26 ส.ค.) ศาลจังหวัดธัญบุรี อ่านคำสั่งศาลอุทธรณ์ ภาค 1 ขอปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาคดีหมายเลขดำที่ ฝ 382-390/2564
ที่พนักงานสอบสวนยื่นคำร้องฝากขัง 1. นายพรหมศร วีระธรรมจารี 2. นายแซม สาแมท 3. นายพริษฐ์ หรือ เพนกวิน ชิวารักษ์ 4. นายณัฐชนน ไพโรจน์ 5. นายสิริชัย นาถึง 6. นายชาติชาย แกดำ 7. นายภาณุพงศ์ จาดนอก และ 8. น.ส.ปนัดดา ศิริมาศกุล ในความผิดฐานมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง โดยผู้กระทำความผิดเป็นหัวหน้าหรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการในการกระทำความผิดนั้น (ผู้ต้องหาลำดับที่ 2 ไม่ถูกกล่าวหาว่าเป็นหัวหน้าหรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการฯ), ร่วมกันจัดกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรคในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดที่มีจำนวนรวมกลุ่มกันของบุคคลที่มีจำนวนรวมกันมากกว่า 5 คน, ร่วมกันทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจและร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ (ยกเว้นผู้ต้องหาลำดับที่ 1, 3, 6 และ 9 ) และข้อหาอื่น
ซึ่งก่อนหน้านี้ ศาลจังหวัดธัญบุรีและศาลอุทธรณ์ภาค 1 มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหาทั้ง 8 คน
โดยสำนวนของ นายเเซม ศาลอุทธรณ์ ภาค1 พิเคราะห์แล้วผู้ต้องหาอายุเพียง 19 ปี แม้เป็นคนต่างด้าว แต่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ทั้งข้อกล่าวหามีอัตราโทษไม่สูงนัก และผู้ต้องหาให้การปฏิเสธต่อสู้คดี ส่วนที่พนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัวก็ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าผู้ต้องหามีพฤติการณ์หลบหนี หรือจะยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานจึงเห็นควรอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวในระหว่างสอบสวนตีราคาหลักประกัน1เเสนบาท โดยวางเงื่อนไขไม่ให้ผู้ต้องหาเข้าร่วมกิจกรรมชุมนุมอันมีลักษณะที่จะก่อให้ความเสียหายและความรุนแรงเกิดแก่บ้านเมืองตามที่ถูกกล่าวหาอีกให้ศาลชั้นต้นพิจารณาหลักประกันแล้วดำเนินการต่อไป
ส่วนสำนวนที่ 2 ของ น.ส.ปนัดดา พิเคราะห์แล้วข้อหาความผิดที่ผู้ต้องหาถูกกล่าวหามีอัตราโทษไม่สูง แม้ผู้ต้องหาอยู่ระหว่างถูกดำเนินคดีอื่นก็ไม่ปรากฏว่าศาลได้มีคำพิพากษาแล้วว่าผู้ต้องหากระทำความผิดในคดีดังกล่าวเมื่อไม่ปรากฎเหตุแน่ชัดว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี หากได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวประกอบกับผู้ต้องหาอายุยังน้อยและเป็นนักศึกษาอยู่ หลักทรัพย์ที่เสนอน่าเชื่อถือเห็นควรอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหาในระหว่างสอบสวนได้ ทั้งนี้ กำหนดเงื่อนไขห้ามผู้ต้องหาร่วมชุมนุมในลักษณะที่จะก่อให้เกิดความรุนแรงหรือความเสียหายแก่ผู้อื่นในลักษณะเดียวกันอีกตีราคาหลักประกัน 1 แสนบาทถ้วน ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาหลักประกันแล้วดำเนินการต่อไป
สำนวนที่ 3 นายสิริชัย พิเคราะห์แล้วผู้ต้องหาอายุเพียง 21 ปี และยังเป็นนักศึกษา แม้ผู้ต้องหาอยู่ในระหว่างถูกพิจารณาคดีในศาลในลักษณะเดียวกันกับคดีนี้ แต่ข้อหาอัตราโทษไม่สูงนัก ส่วนที่พนักงานสอบสวนคัดค้านก็ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าผู้ต้องหามีพฤติการณ์หลบหนีหรือยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ทั้งผู้ต้องหาปฏิเสธต่อสู้คดีจึงเห็นควรอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวในระหว่างสอบสวนตีราคาหลักประกันหนึ่งแสนบาท โดยวางเงื่อนไขไม่ให้ผู้ต้องหาเข้าร่วมกิจกรรมชุมนุมอันมีลักษณะที่จะก่อให้เกิดความเสียหายแก่บ้านเมืองตามที่ถูกกล่าวหาอีกให้ศาล ชั้นต้นพิจารณาหลักประกันแล้วดำเนินการต่อไป
ในส่วนผู้ต้องหาอีก 5 คน ศาลไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว โดยให้เหตุผลในทำนองเดียวกันว่า ตามคำร้องของพนักงานสอบสวนผู้ต้องหา ถูกดำเนินคดีในคดีอื่นและเคยได้รับอนุญาตปล่อยชั่วคราวจากศาลนี้ ไปศาลกำหนดเงื่อนไขไม่ให้ผู้ต้องหาไปกระทำการ อันมีพฤติการณ์ที่จะก่อไปในให้เกิดความเสียหายดั่งเช่นที่ต้องหามา แต่ผู้ต้องหากลับไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ให้ไว้กับศาล
หากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวมีเหตุอันเชื่อว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี หรือก่อภยันตรายประการอื่นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 108/1(1)(3)
พนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหา ทั้งผู้ต้องหาบางรายศาลอุทธรณ์ภาค 1 เคยไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวในคดีนี้เเล้ว ในชั้นนี้จึงเห็นรอฟังผลการสอบสวนก่อนในชั้นนี้ จึงไม่มีเหตุปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาในระหว่างสอบสวน ให้ยกคำร้อง
นอกจากนี้แล้ว กรณีเหตุการณ์เมื่อวันที่ 9 ส.ค.ที่ผ่านมา ที่ศาลจังหวัดธัญบุรี ซึ่งพนักงานสอบสวน สภ.คลองห้า ได้ยื่นคำร้องขอฝากขังผู้ต้องหาจำนวน 9 สำนวน ฝ382-390 /2564 ประกอบด้วย 1. นายพรหมศร วีระธรรมจารี 2. นายแซม สาแมท 3. นายพริษฐ์ หรือ เพนกวิน ชิวารักษ์ 4. นายณัฐชนน ไพโรจน์ 5. นายสิริชัย นาถึง 6. นายชาติชาย แกดำ 7. นายภาณุพงศ์ จาดนอก 8. น.ส.ปนัดดา ศิริมาศกุล และ 9.นายธนพัฒน์ กาเพ็ง
ปรากฏว่า ในช่วงเวลา 22.00 น. ผู้ต้องหาได้มีการแพร่ภาพสดภายในห้องผู้ต้องหาหรือจำเลยที่ไม่เคยถูกควบคุมตัวลงบนเฟซบุ๊กผ่านกลุ่มสาธารณะที่ใช้ชื่อว่า ทะลุฟ้าและขีดเขียนข้อความลงบนฝาผนังห้องดังกล่าว มีขนาดตัวอักษรเล็กและใหญ่ ข้อความบางส่วน แสดงออกถึงการดูหมิ่นเหยียดหยามหรือทำให้ศาลถูกเกลียดชัง รายละเอียดปรากฏตามสำเนาบันทึกรายงาน กรณีผู้ต้องหาประพฤติตนไม่เรียบร้อยแล้วภายในศาลและไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดของศาล
ศาลจึงมีคำสั่งตั้งสำนวนเป็นคดีละเมิดอำนาจศาลคดีอาญาหมายเลขดำที่ ลศ 1/2564 กำหนดนัดไต่สวนคำร้องในวันที่ 21 ก.ย.นี้ เวลา 09.00 น.
