“ข่าวลึกปมลับ” ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมือง และกระบวนการยุติธรรม วันอังคารที่ 29 มิถุนายน 2564 ตอน 3 ปมหลัก ม็อบไล่บิ๊กตู่ จุดไม่ติด
ม็อบไล่ บิ๊กตู่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ชุมนุมกันไปสองวัน ทั้งวันพฤหัสบดีที่ 24 มิถุนายน และวันเสาร์ที่ผ่านมา 26 มิถุนายน ว่ากันตามสภาพ ถือว่าม็อบแป๊ก จุดไม่ติดจริวๆสำ
การเคลื่อนไหวม็อบมีสองกลุ่มหลัก โดยไม่นับรวมกลุ่มม็อบคณะราษฎร 63 หรือม็อบสามนิ้ว
คือม็อบกลุ่มไทยไม่ทน สามัคคีประชาชน โดยการนำของ จตุพร พรหมพันธุ์ ประธานนปช. และกลุ่มประชาชนคนไทย ของทนายนกเขา นิติธร ล้ำเหลือ
แม้ ทั้งสองกลุ่ม จะมีประเด็นข้อเรียกร้องแตกต่างกัน แต่เป้าหมายหลักเดียวกันคือ กดดัน ขับไล่พลเอกประยุทธ์ เลยทำให้ ทั้งจตุพร และทนายนกเขา ที่เคยมีเส้นทางการเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ต่างกันสุดขั้ว แต่มาช่วงนี้ต้องมาร่วมกดดันไล่ บิ๊กตู่ ในจังหวะแบบสอดประสานกัน
ดูท่าที กลุ่มประชาชนคนไทย ของทนายนกเขา เริ่มจะขอพักรบแล้ว หลังเคลื่อนไหวไปสองวันไร้กระแสตอบรับจากประชาชน คนมาร่วมเคลื่อนไหวแค่หลักหลายสิบคน พีคสุดบางช่วง ก็แค่หลักร้อยต้น ๆ เลยทำให้ กลุ่มทนายนกเขา คงถึงเวลา ต้องกลับไปทบทวนแนวทางของตัวเอง
ส่วน กลุ่มไทยไม่ทน ของจตุพร ที่ล่าสุด ประกาศนัดขับไล่ พลเอกประยุทธ์ ทุกวันเสาร์ โดยนัดรอบหน้า คือเสาร์ที่ 3 กรกฎาคมนี้ หากไม่เลื่อนออกไปเสียก่อน
กลุ่มจตุพร ก็เช่นกัน พูดกันแบบตรงไปตรงมาการเคลื่อนไหวสองครั้งที่ผ่านมาของกลุ่มจตุพร ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ในแง่กระแสตอบรับ จากประชาชน มีคนมาร่วมชุมนุมน้อยกว่าที่ควรจะเป็น เต็มที่ก็แค่หลายร้อยเท่านั้น ที่เห็นในช่วงค่ำวันเสาร์ที่ผ่านมา สวนทางกับที่ มีคนจำนวนมากไม่พอใจ รัฐบาลและต้องการให้ พลเอกประยุทธ์ ลาออก
แต่อย่างไรก็ตาม ฝ่ายจตุพร ก็ไม่ยอมเลิกรา เพราะรอบนี้ถือว่าเทหมดหน้าตักแล้ว ยังไง คงไม่ยอมเลิกราง่ายๆ ไม่เช่นนั้นเสียหน้า ประธานนปช.
สำหรับตอนนี้ อาจพอมีทางลงให้ กลุ่มไทยไม่ทนของจตุพร ได้บ้าง เพราะมีการประกาศ ข้อกำหนดที่ออกตาม พรก.สถานการณ์ฉุกเฉิน เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยมีการ ออกข้อกำหนด การห้ามจัดกิจกรรมรวมกลุ่มที่มีบุคคลจำนวนรวมกันเกินกว่า 20 คน
ซึ่งการเคลื่อนไหวนัดชุมนุมทางการเมือง ถึงต่อให้ม็อบฝ่อ ยังไง มันก็ต้องมีมาร่วม มากกว่ายี่สิบคนอยู่แล้ว มองอีกมุมหนึ่ง ประกาศดังกล่าว อาจเป็นทางลงแบบสวยๆ ให้กลุ่มไทยไม่ทน ประกาศหยุดการเคลื่อนไหวชั่วคราว ให้ผ่านช่วงนี้ไปก่อน
เพราะกลุ่มจตุพร ก็รู้ตัวดีว่า หากไม่ยอมถอย เพื่อไปทบทวนยุทธวิธีการเคลื่อนไหว และรอจังหวะที่เหมาะสมกว่าปัจจุบัน ที่สถานการณ์โควิด-19 กำลังลุกลามหนัก หากนัดชุมนุมกันต่อไป แล้วคนมาร่วมด้วยเหลือน้อยลงเรื่อยๆ คนที่จะเสียเครดิตมากที่สุด ก็คือ จตุพร นั่นเอง
จึงเป็นโอกาสเหมาะเจาะหากทั้งตู่ จตุพร และทนายนกเขา จะใช้เวลาช่วงนี้ ไปทบทวนแนวทางการเคลื่อนไหว หากคิดจะออกมาขับไล่ บิ๊กตู่อีกรอบ แล้วเมื่อจังหวะดีกว่านี้ ค่อยออกมาเคลื่อนไหวแบบเบิ้มๆ มากกว่านี้
ในรอบนี้ ถ้าประเมินแล้วจะพบว่า สาเหตุที่ม็อบไล่ บิ๊กตู่ ฟืนเปียก จุดไม่ติด เกิดจากสามปัจจัยหลัก คือหนึ่ง สถานการณ์ไม่เอื้อ เพราะการเคลื่อนไหวทางการเมือง โดยเฉพาะการก่อม็อบการเมือง สถานการณ์หรือไทม์มิ่ง ในการชุมนุมต้องเอื้ออำนวย ที่จะทำให้ม็อบจุดติด
เพราะถ้าสถานการณ์เอื้อ ผสมกับประเด็นการเคลื่อนไหว ถ้าตรงใจคนจำนวนมาก ยังไง ก็ต้องมีคนออกมาร่วมด้วยจำนวนหนึ่ง
แต่อย่างที่เห็น สถานการณ์โควิดเวลานี้ ตัวเลขคนติดเชื้อในประเทศไทย แตะระดับสามพันกว่าคน บางวันทะลุไปสี่พัน ประชาชนก็กลัวติดโควิด ไม่มีใครอยากเสี่ยงไปชุมนุมการเมือง
ผสมกับปัญหาเศรษฐกิจกระทบหนักทุกอาชีพ คนไม่มีอารมณ์จะมาม็อบ แม้อยากไล่บิ๊กตู่ใจจะขาด เมื่อสถานการณ์ไม่เอื้อ เลยส่งผลให้ ม็อบกร่อย แกนนำปลุกยังไง ก็ไม่ขึ้น คนไม่ออกมา
เหตุข้อที่สองคือ การทำม็อบให้คนมาร่วมจำนวนหนึ่ง ตัวแกนนำ แนวร่วม ในการนัดเคลื่อนไหว ต้องมีศักยภาพ มีบารมี ในการจะนำมวลชนได้ในสถานการณ์นั้นๆ แต่ก็อย่างที่เห็น ชั่วโมงนี้ จตุพร แม้จะเป็นประธานนปช. แต่แนวร่วมเสื้อแดงที่เคยพีคๆ ช่วงปี 2552-2553 หายไปเยอะ
อีกทั้งสมัยเสื้อแดงบูม ก็ได้ส.ส.เพื่อไทย คอยสนับสนุน ช่วยขนคนมาร่วมชุมนุมจากหลายจังหวัดทั่วประเทศ แต่ตอนนี้ จตุพร ไม่มีกองหนุนเหมือนในอดีต
เช่นเดียวกับ กลุ่มประชาชนคนไทย ของทนายนกเขา ที่สมัยทำม็อบคปท. ช่วงปี 2553-2554 แนวร่วมที่คอยสนับสนุนกลุ่มหลัก ก็คือ พวกไม่เอารัฐบาลเพื่อไทย และเชียร์รัฐบาลพลเอกประยุทธ์
แต่เมื่อตอนนี้ ทนายนกเขา จะมาไล่ บิ๊กตู่ เลยทำให้ แนวร่วมเดิมตั้งแต่ยุคคปท.-กปปส. ไม่เอาด้วย ผลก็เลยอย่างที่เห็น ทนายนกเขา สู้อย่างโดดเดี่ยว ไม่มีกองหนุน ทำให้ ม็อบกลุ่มประชาชนคนไทยมีแค่หลักสิบหรือร้อยต้นๆ
และปัจจัยข้อสุดท้าย ข้อที่สามคือ ม็อบกลุ่มจตุพร และทนายนกเขา สู้แบบ ไร้แนวร่วม ขาดม็อบที่จะมาเป็นเครือข่าย เพื่อขยายมวลชน ซึ่งเรื่องนี้สำคัญมาก ตัวอย่างจากยุคพันธมิตรเสื้อเหลือง พีคๆ ก็เกิดจากมีการรวมหลายกลุ่มมาช่วยเคลื่อนไหวเช่น กลุ่มสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ กลุ่มเอ็นจีโอ
หรือสมัยกปปส. ก็มีการดึงกลุ่มต่างๆ มาเป็นแนวร่วมเช่น กลุ่มพุทธะอิสระ กลุ่มคปท. กลุ่มศิลปินนักแสดง กลุ่มสหภาพแรงงาน กลุ่มนักวิชาการ
เลยทำให้ พันธมิตรฯ เสื้อเหลือง และกปปส. มีแนวร่วมหมุนเวียนมาร่วมเคลื่อนไหวตลอดเวลา ทำให้ยืนระยะได้ยาวหลายเดือน นัดแต่ละครั้ง คนมาร่วมจำนวนมาก เพราะในแต่ละกลุ่มเครือข่าย ก็มีแนวร่วมของตัวเองอยู่
แต่จะพบว่า ทั้งกลุ่มจตุพร และกลุ่มทนายนกเขา ขาดแนวร่วม ในการเคลื่อนไหว แม้จะพยายามยื่นมือออกไป แต่ไม่มีใครจับมือด้วย เลยทำให้ ทั้งสองกลุ่มเคลื่อนไหวได้แค่ไม่กี่ชั่วโมง ก็ต้องยุติการชุมนุม เพราะมวลชนไม่มี ยืนระยะไม่ได้