ศาลพิพากษาจำคุก 4 ปี 6 เดือน "สิรภพ" หรือ “รุ่งศิลา” นักเขียนเสื้อแดงผิดมาตรา 112 แต่เคยถูกขังเกินแล้วจึงไม่ต้องนอนคุกอีก เจ้าตัวยืนยันจะอุทธรณ์ต่อสู้คดี
วันนี้ (18 ม.ค.) ที่ห้องพิจารณา 914 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.3032/2562 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 3 เป็นโจทก์ฟ้องนายสิรภพ กรณ์อรุษ หรือนามปากกา “รุ่งศิลา” นักเขียนแนวร่วมคนเสื้อแดง เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ พ.ศ.2550 มาตรา 14 (3)
คำฟ้องโจทก์ระบุกรณีเมื่อวันที่ 7 พ.ย. 2552 นายสิรภพได้เขียนและโพสต์บทกลอนในเว็บบอร์ดของเว็บไซต์ "ประชาไท" โดยใช้นามแฝงว่า "รุ่งศิลา" ทำให้เข้าใจว่าถ้อยคำบางคำในบทกลอน หมายถึงรัชกาลที่ 9 กับวันที่ 15 ธ.ค. 2556 นายสิรภพได้โพสต์ข้อความและภาพการ์ตูนล้อเลียนในเฟซบุ๊กชื่อบัญชี "Sira Rungsira" รูปผู้ชายใส่แว่นตาสวมชฎาและกล่าวถึงเทวดา และวันที่ 22 ม.ค. 2557 นายสิรภพได้โพสต์ข้อความและภาพการ์ตูนล้อเลียนในบล็อก หัวข้อ "เชื้อไขรากเหง้า "กบฏบวรเดช" ที่ยังไม่ตาย ของเหล่าทาสที่ปล่อยไม่ไป"
คดีนี้จำเลยให้การปฏิเสธ ขอต่อสู้คดี เดิมคดีถูกพิจารณาในศาลทหารตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ให้คดีความมั่นคงในส่วนพลเรือนถูกพิจารณาในศาลทหาร ก่อนมีการยกเลิกคำสั่งภายหลัง โอนย้ายคดีส่วนพลเรือนมาพิจารณายังศาลอาญาตามปกติ โดยก่อนหน้านี้ นายสิรภพเคยถูกคุมขังคดีนี้ไม่ได้รับการประกันตัวเป็นเวลา 4 ปี 11 เดือน และได้รับการประกันตัวในเดือน มิ.ย. 2562 สำหรับวันนี้ นายสิรภพเดินทางมาศาลฟังคำพิพากษา โดยมีทีมทนาย ผู้แทนสถานทูต และผู้ติดตามให้กำลังใจเดินทางมาร่วมฟังคำพิพากษา
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานที่โจทก์และจำเลยนำสืบแล้ว จำเลยกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ โจทก์มีพยานตำรวจ ปอท. เบิกความเกี่ยวกับการที่ คสช. สั่งให้ ปอท. ส่งข้อมูลการกระทำผิดเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ให้ คสช. โดยจำเลยฝ่าฝืนคำสั่งเรียกไปรายงานตัว จึงขอศาลออกหมายจับ เมื่อจับจำเลยได้ควบคุมตัวและสอบถาม จำเลยยอมรับว่าเป็นผู้ลงข้อความ ประกอบกับพยานบุคคลฝ่ายโจทก์เบิกความเกี่ยวกับภาพที่ดูแล้วสื่อให้เข้าใจว่าเป็นในหลวง รัชกาลที่ 9 ประกอบกับข้อความที่จำเลยพูดคุยกับคู่สนทนามีการพาดพิงสถาบันจริง จึงถือเป็นความผิดตามฟ้องในส่วนของภาพการ์ตูน 2 ภาพ ส่วนบทกลอนในเว็บไซต์ประชาไท มีการใช้คำเปรียบเปรยอุปมาอุปไมย การตีความของแต่ละคนต่างกัน ฟ้องโจทก์ในส่วนนี้ยังมีความสงสัยตามสมควร จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยในส่วนนี้ให้แก่จำเลย
พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) ให้ลงโทษบทหนักสุดฐานหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ จำคุก 3 ปี 2 กระทง รวมจำคุก 6 ปี จำเลยให้การเป็นประโยชน์ลดโทษให้กระทงละ 1 ใน 4 คงจำคุก 4 ปี 6 เดือน
อย่างไรก็ตาม นายสิรภพ จำเลย ถูกคุมขังในเรือนจำมาก่อนหน้านี้แล้วเป็นเวลา 4 ปี 11 เดือน 18 วัน ตั้งแต่วันที่ 2 ก.ค. 2557 - 11 มิ.ย. 2562
ด้านนายสิรภพ จำเลย กล่าวว่า จะอุทธรณ์คดีนี้ต่อไป ตนยืนยันเจตนารมณ์ว่าจะต่อสู้เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงและต้องการเผยแพร่ต่อสาธารณะ ในวันนี้บางอย่างอาจจะพูดไม่ได้ เพราะอยู่ระหว่างต่อสู้คดีแต่เชื่อว่าวันข้างหน้าคำฟ้องทุกหน้า ข้อกล่าวหาทุกบรรทัดจะได้เผยแพร่เป็นสาธารณะเพื่อเป็นกรณีตัวอย่างกับการฟ้องร้องเอาผิดมาตรา 112 ที่เกี่ยวเนื่องกับการหมิ่นประมาทสถาบันเบื้องสูง
นายสิรภพ กล่าวต่อว่า ตนเป็นคนหนึ่งที่ถูกขังในระหว่างพิจารณาคดีและไม่ได้รับการประกันตัวนานที่สุด ในคดีนี้ เป็นระยะเวลา 4 ปี 11 เดือน แล้วก็มาได้รับการประกันตัวในช่วงใกล้จะมีการเลือกตั้งปี 2562 ประกอบกับมีเอกสารแถลงการณ์ของยูเอ็นกับการคุมขัง ก็อาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ได้รับการปล่อยชั่วคราว ส่วนจุดยืนของตนเองนั้น เพื่อต้องการให้เห็นว่า มีการใช้กฎหมายมาตรา 112 เป็นเครื่องมือกับฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองที่ต่อต้านการรัฐประหาร ส่วนประเด็นการถูกกล่าวหาพาดพิงสถาบันเบื้องสูงนั้น ขอไม่ตอบ เนื่องจากอยู่ระหว่างถูกกล่าวหาด้วยมาตรานี้ แต่เรื่องการต่อสู้ยังยืนยันว่าจะไม่หยุด ยังเดินหน้าต่อไป