ศาลอาญาไม่อนุญาตให้ประกัน “อานนท์ นำภา” แกนนำม็อบปลดแอก จนท.จึงส่งตัวเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ หลังตำรวจชนะสงครามคุมตัวฝากขัง คดีปลุกม็อบก่อความวุ่นวาย 19 กันยา
วันที่ 27 ต.ค. 2563 ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พ.ต.ท.โชคอำนวย วงษ์บุญฤทธิ์ พนักงานสอบสวน สน.ชนะสงคราม นำตัว นายอานนท์ นำภา อายุ 37 ปี แกนนำคณะราษฎร 2563 ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1588/2563 ลงวันที่ 15 ต.ค. 2563 ในความผิดฐานยุยงปลุกปั่นฯ, มั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 (3), 215 วรรคแรก, 385, 83, พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ, พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน, พ.ร.บ.จราจรทางบก และ พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียง มาฝากขังครั้งแรก เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 27 ต.ค. - 7 พ.ย. 2563 เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น รอผลตรวจสอบประวัติอาชญากร และผลการตรวจสอบประวัติการต้องโทษของผู้ต้องหา
คำร้องฝากขังระบุพฤติการณ์ กรณีวันที่ 19-20 ก.ย. 2563 มีการชุมนุม “19 กันยา ทวงอำนาจคืนราษฎร” ของกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม นำโดยนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ กับพวก ที่ ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ และท้องสนามหลวง มีกลุ่มผู้ชุมนุมทยอยเดินทางเข้ามารวมตัวกันอยู่ที่บริเวณฟุตบาท ด้านหน้า ม.ธรรมศาสตร์ รอบพื้นที่สนามหลวง เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ชนะสงคราม จึงประชาสัมพันธ์และแจ้งข้อกฎหมายผ่านรถติดเครื่องขยายเสียงให้กลุ่มผู้ชุมนุมยุติกิจกรรม ต่อมา น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล กดดันเจ้าหน้าที่ของ ม.ธรรมศาสตร์ ให้เปิดประตู ต่อมาเวลา 12.05 น. นายภาณุพงศ์ จาดนอก พร้อมกับกลุ่มผู้ชุมนุมได้ร่วมกันผลักดันประตูรั้ว ม.ธรรมศาสตร์ จนแม่กุญแจที่ล็อกประตูรั้วได้รับความเสียหาย ต่อมาได้เคลื่อนกลุ่มผู้ชุมนุมออกจากบริเวณ ม.ธรรมศาสตร์ เพื่อไปยังพื้นที่ท้องสนามหลวง โดยมีกิจกรรมสลับกับการปราศรัยบนเวทีของแกนนำเรื่อยมา
เวลาประมาณ 22.53 น. วันเดียวกัน นายอานนท์ ผู้ต้องหาในคดีนี้ได้ขึ้นไปปราศรัยบนเวทีใหญ่สนามหลวงโดยใช้เครื่องขยายเสียงต่อหน้ากลุ่มผู้มาร่วมชุมนุม โดยเนื้อหาในการปราศรัยได้กล่าวพาดพิงและโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์ หรือเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ต่อมาเมื่อวันที่ 20 ก.ย. 2563 เวลาประมาณ 06.44 น. นายอานนท์ ผู้ต้องหาพร้อมกับกลุ่มผู้ชุมนุม ได้มีการทำพิธีปักหมุดคณะราษฎร โดยนำหมุดมาฝังลงบนพื้นที่ท้องสนามหลวงบริเวณหน้าเวทีการปราศรัย ซึ่งกลุ่มผู้ชุมนุมได้มีการเจาะทำลายพื้นบริเวณดังกล่าวเพื่อใช้ในการประกอบพิธี เหตุเกิดบริเวณ ม.ธรรมศาสตร์ และท้องสนามหลวง แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร ในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวน ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
ท้ายคำร้อง พนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกัน เนื่องจากผู้ต้องหามีพฤติการณ์จะไปชุมนุมก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองในลักษณะเดิมเหมือนที่ผ่านมา และผู้ต้องหาอยู่ระหว่างถูกดำเนินคดีอยู่หลายคดีและหลายท้องที่ ซึ่งล้วนเป็นคดีที่มีอัตราโทษสูง หากผู้ต้องหาได้รับการประกันตัวไปเกรงว่าผู้ต้องหาน่าจะหลบหนี
ต่อมาเวลา 15.30 น. ทนายความของนายอานนท์ นำภา ผู้ต้องหาได้ยื่นคัดค้านการฝากขังและญาติได้ยื่นคำร้องพร้อมเงินสด 2 แสนบาท เป็นหลักทรัพย์ขอประกันตัว
ล่าสุดเวลา 16.50 น. ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหาครั้งแรกเป็นเวลา 7 วัน ส่วนคำร้องยื่นขอประกันตัว นั้นศาลพิเคราะห์แล้วไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหา เนื่องจากพฤติการณ์แห่งข้อหาแล้วเห็นว่าหากผู้ต้องหาได้รับการปล่อยตัวอาจไปก่อให้เกิดเหตุวุ่นวายต่อบ้านเมืองขึ้นอีก ตลอดจนพนักงานสอบสวนคัดค้าน ในชั้นนี้จึงให้ยกคำร้อง ดังนั้น เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จะได้ควบคุมตัวนายอานนท์ไปคุมขังยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีชุมนุม 19-20 ก.ย. 2563 ส่วนของนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน และ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง แกนนำผู้ชุมนุมคณะราษฎร 2563 วันนี้พนักงานสอบสวน สน.ชนะสงคราม ได้ยื่นฝากขังครั้งที่ 2 เนื่องจากการสอบสวนไม่เสร็จสิ้น โดยศาลอนุญาตให้ฝากขังครั้งที่ 2 นี้ เพียง 5 วันตั้งแต่วันที่ 28 ต.ค. - 1 พ.ย. 2563 โดยก่อนหน้านี้ศาลอนุญาตเพียง 7 วัน จากที่พนักงานสอบสวนส่งคำร้องขอ 12 วัน
ด้านนายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความกล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้จะยื่นอุทธรณ์คำสั่งของศาลอาญาอีกครั้ง เนื่องจากมองว่า ศาลอุทธรณ์ภาค 5 เคยอนุญาตให้ประกันตัวนายอานนท์ในข้อหาเดียวกันกับที่สน. ชนะสงครามโดยให้เหตุผลว่า นายอานนท์เป็นทนายความ มีอาชีพแน่นอน มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง เเละโทษซึ่งเป็นมาตราเดียวกันกับคดีนี้ไม่สูง ปล่อยตัวไปจะไม่เป็นอุปสรรคต่อการสอบสวน เราจะเทียบให้เห็นว่าข้อวินิจฉัยของศาลอุทรณ์ภาค 5 นั้นมีความเหมาะสม สมเหตุสมผล เพื่อให้ได้มีโอกาสได้รับการปล่อยชั่วคราว
จากนั้นนายกฤษฎางค์ก็ได้อ่านจดหมายที่นายอานนท์เขียนถึงเพื่อนที่ร่วมสู้อยู่ข้างนอกว่า "อย่าหยุดฝัน ผมอยู่ในคุก จะยินดีมาก ถ้าเห็นคนที่อยู่ข้างนอกยังต่อสู้ เชื่อมั่นเเละศรัทธา ลงชื่อ อานนท์ นำภา 27 ต.ค.63"
นายกฤษฎางค์ กล่าวถึงคดีที่ศาลนัดไต่สวนคดีละเมิดอำนาจศาลหมายเลขดำ ลศ. 9/2563 ที่ผอ.สำนักอำนวยการประจำศาลอาญา กล่าวหานายพริษฐ์ หรือเพนกวิน ชิวารักษ์ แกนนำม็อบปลดแอก ผู้ถูกกล่าวหาเรื่องละเมิดอำนาจศาล กรณีเมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 8 ส.ค.2563 บริเวณด้านหน้าศาลอาญา ซึ่งระหว่างนั้น นายพริษฐ์ หรือเพนกวิน ผู้ถูกกล่าวหาได้ยืนตะโกนส่งเสียงดัง และใช้กล้องถ่ายภาพลงโฆษณาเพื่อชักชวนให้บุคลอื่นๆเดินทางมาชุมนุมในบริเวณศาล เพื่อขัดขวางการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาล รวมทั้งการถ่ายทอดสด(ไลฟ์สด)ภาพและเสียงเหตุการณ์การชุมนุมในบริเวณศาลผ่านสื่อโซเชียลมีเดียว่าพรุ่งนี้จะมีการนัดไต่สวนพยานฝ่ายผู้กล่าวหาเเละจะมีการเบิกตัวเพนกวินมาทางโดยทางเราได้เตรียมพยานหลักฐานไว้เเล้วโดยดูจากคลิปวีดีโอ ซึ่งคดีละเมิดอำนาจศาลจะเป็นการดำเนินคดีที่เกี่ยวกับการก่อความไม่สงบในกระบวนการพิจารณาคดี แต่ในวันนั้นเพนกวินได้แสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรมโดยวิพากษ์วิจารณ์กรณีเกี่ยวข้องกับอัยการในคดีทายาทเครื่องดื่มชูกำลังที่หนีไปต่างประเทศ ซึ่งเป็นคนละเรื่องกันเพนกวินไม่ได้มีเจตนามาก่อกวนกระบวนการพิจารณาในศาลซึ่งวันดังกล่าวเป็นวันฝากขังนายอานนท์ ถ้าถามว่ามั่นใจในเรื่องคดีละเมิดอำนาจศาลหรือไม่ ตนมั่นใจ ในส่วนคดีของนายพริษฐ์ หรือเพนกวิน กับรุ้งที่ศาลอุทธรณ์ยังไม่ให้ประกันเราก็จะหาโอกาสยื่นประกันใหม่อีกครั้งโดยดูถ้าเหตุการณ์เปลี่ยนเเปลงไปเราพร้อมจะยื่นอีกครั้งต้องรอปรึกษาเพนกวินกับรุ้งยืนยันทั้งสองยังกำลังใจดี ตอนนี้ก็มีการยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เเล้วส่วนของนายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ ขณะนี้อุทธรณ์เรื่องขอประกันตัวยังไม่มีคำสั่งลงมา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในวันพรุ่งนี้ที่จะมีการไต่สวน
นายพริษฐ์ หรือเพนกวิน ละเมิดอำนาจศาล จะมีการออกหมายเรียกนายอานนท์จากเรือนจำในฐานะทนายความนายพริษฐ์ มาว่าความด้วยเนื่องจากตัวนานอานนท์ยังไม่ถูกเพิกถอนใบอนุญาตว่าความยังสามารถว่าความตามกฎหมายได้