xs
xsm
sm
md
lg

กอร.ฉ.ห่วงม็อบเผชิญหน้า เตือนคนดังโพสต์ปลุกระดมไม่ว่าฝ่ายไหนก็มีความผิด

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



MGR Online - กอร.ฉ.สรุปภาพรวมการชุมนุม ยอมรับห่วงม็อบสองกลุ่มเผชิญหน้า วางมาตรการเข้มรับมือ โต้เฟกนิวส์ปล่อยข่าวรัฐไฟเขียวใช้กระสุนจริง เตือนคนดังโพสต์ปลุกระดม ไม่ว่าฝ่ายไหนก็มีความผิด ต้องถูกดำเนินคดี

วันนี้ (21 ต.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่กองอำนวยการร่วมแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง (กอร.ฉ.) พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (โฆษก ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษก ตร. และ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. ร่วมกันแถลงสรุปภาพรวมสถานการณ์การชุมนุมและการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่

พล.ต.ต.ยิ่งยศ กล่าวว่า ตำรวจมีการดำเนินการให้เกิดความสมดุลในการบังคับใช้กฎหมาย การรักษาความสงบของสังคม และความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน ไม่ว่ามวลชนจะฝ่ายใดก็ตาม เรามีหน้าที่ในการควบคุมให้เกิดความสมดุลทั้งสามด้าน ส่วนกรณีที่จะมีเหตุความรุนแรงเกิดขึ้นในอนาคต ทางเจ้าหน้าที่ก็จะมีการปรับไปตามสถานการณ์ โดยเรื่องนี้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.ได้มีการทบทวนวิธีการปฏิบัติให้มีการสอดคล้องกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นตลอดเวลา ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการดูความเคลื่อนไหวของมวลชนอยู่แล้ว เนื่องจากมีการประชุมตลอดเวลา ไม่ว่าสถานการณ์ไปในทิศทางใด ตร.ก็พร้อมปฏิบัติ

พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า วานนี้ (21 ต.ค.) ได้มีการชุมนุมในพื้นที่ต่างๆ จุดสำคัญ บริเวณเดอะมอลล์บางแค และหน้าห้างเซ็นทรัลปิ่นเกล้า นอกจากนี้ ยังมีจุดอื่นๆ ที่มีการชุมนุมแต่จำนวนไม่มากนัก อาทิ เดอะมอลล์บางกะปิ ห้างน้อมจิต บีทีเอสห้าแยกลาดพร้าว แยกสาธุประดิษฐ์ สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสบางนา แยกอุดมสุข และสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสรัชโยธิน ซึ่งการดำเนินการได้ให้ ผกก.หัวหน้าสถานี และผู้บังคับการพื้นที่เป็นผู้บริหารจัดการสถานการณ์ ทั้งนี้ บช.น.ได้จัดกำลังพลเสริมไว้สำหรับสนับสนุนการปฏิบัติของ สน.และ บก.พื้นที่ไว้เรียบร้อย

พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวต่อไปว่า ส่วนการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดเกี่ยวกับการชุมนุม ได้มีการพยายามกระทำโดยการแจ้งข้อมูลข่าวสารอันเป็นเท็จหรือเฟกนิวส์ ให้ประชาชนหลงเชื่อว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือ ตำรวจตระเวนชายแดนเข้าไปอยู่ในม็อบและก่อความไม่สงบ วุ่นวาย ในส่วนนี้ทาง บช.น.ได้มีการแจ้งความร้องทุกข์ โดย สน.บางนา ได้ควบคุมตัว นายประวิทย์ สมรัตน์ ผู้ต้องหาที่ปรากฏในภาพมาดำเนินคดี ส่งฟ้องศาลอาญาพระโขนง ซึ่งศาลได้มีคำพิพากษาให้รอการกำหนดโทษไว้ 2 ปี คุมประพฤติ 4 ครั้ง ภายในเวลา 2 เดือน บริการสังคม 30 ชั่วโมง หลังจากนั้น ให้มารายงานตัว 3 เดือนต่อครั้ง จนครบเวลากำหนดโทษ

“ขณะที่อีกกรณี พ.ต.อ.สมยศ อุดมรักษาทรัพย์ ผกก.สน.หลักสอง ได้แจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับ นางญาศิภัสมณี เรืองศิริสกุล ในข้อหาฝ่าฝืนประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ฉบับที่ 4 เรื่องการห้ามมิให้มีการชุมนุมหรือมั่วสุม และบุคคลตามที่ปรากฎตามภาพไว้เรียยบร้อยแล้ว อยู่ระหว่างการสอบสวนดำเนินคดี นอกจากนี้ การดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดตั้งแต่วันที่ 13 ต.ค. 63 ทาง บช.น.ได้จับกุมแล้วทั้งหมด 77 ราย เป็นการจับกุมตามหมายจับ 22 ราย ตาม พ.ร.ก. 54 ราย และขัดคำสั่งเจ้าพนักงานอีก 1 รายรอง ผบช.น.ระบุ

พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวถึงกรณีการตรวจสอบโรงงานผลิตหมวกนิรภัย จากการตรวจสอบในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลยังไม่มีการจับกุม คาดว่า จะเป็นเฟกนิวส์ ซึ่งจะส่งเรื่องให้ บก.ปอท.ตรวจสอบดำเนินการตามกระบวนการต่อไป หากมีการตรวจสอบหรือจับกุมจะเป็นการจับกุมหมวกกันน็อกที่ไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งเป็นไปตามหน้าที่ปกติของตำรวจที่ต้องดำเนินการอยู่แล้ว

ด้าน พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ กล่าวว่า ช่วงนี้สถานการณ์สื่อสังคมออนไลน์มีการพยายามสร้างสถานการณ์ให้ประชาชนและผู้ชุมนุมเกิดความหวาดกลัว มีการบิดเบือน นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ เช่น บอกว่า หากมีการเผชิญหน้าระหว่างเจ้าหน้าที่ของรัฐ และผู้ชุมนุม เจ้าหน้าที่รัฐจะมีการใช้อาวุธปืนใช้กระสุนจริงยิงเข้าใส่กลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งในความเป็นจริง กอร.ฉ.ไม่มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ใช้กระสุนจริงกับผู้ชุมนุมอย่างแน่นอน

“ขอยืนยันว่า การปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่จะดำเนินการภายใต้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ซึ่งมีอยู่ 2 โพสต์ โพสต์แรกในทวิตเตอร์ ระบุว่า ทหารจะสั่งให้ตำรวจหมอบลงจากนั้นทหารจะยิงเข้าไปหาประชาชน อีกโพสต์เป็นเฟซบุ๊ก โดยคนโพสต์ข้อความที่อยู่ต่างประเทศได้เคลื่อนไหวเกี่ยวกับเรื่องความมั่นคงอยู่ตลอด และมีหมายจับ ระบุข้อความว่า ช่วยกันกระจายข่าวด้วยครับ ตอนนี้มีคำสั่งรับมาแล้วว่าจะให้สังหารหมู่ประชาชนและนักศึกษา ทั้งนี้ ขอยืนยันว่า เป็นข่าวปลอมหรือเฟกนิวส์ ที่มีเนื้อหารุนแรง ก่อความสับสน สร้างความตื่นตระหนกในสังคม การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 มาตรา 14 และฝ่าฝืนประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ฉบับที่ 4 อย่างไรก็ตาม ขอความร่วมมือประชาชนหากพบเห็นโพสต์ลักษณะนี้อย่าส่งต่อ เพราะอาจสร้างความสับสนและความตื่นตระหนกในสังคม” รองโฆษก ตร.ระบุ

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีคนดังต่างๆ ออกมาโพสต์ข้อความที่มีความเห็นต่าง อย่างกรณี น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ออกมาเชิญชวน ถือว่าเป็นการปลุกระดมในการชุมนุมขัดต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หรือไม่ พล.ต.ต.ยิ่งยศ กล่าวว่า รายละเอียดเนื้อหาในแต่ละกลุ่มที่เชิญชวนสุ่มเสี่ยงว่าเป็นความผิด ยืนยันว่า ทาง กอร.ฉ.จะต้องดำเนินการตามกฎหมายอยู่แล้ว เพราะทางเจ้าหน้าที่มีความเป็นห่วงในทุกเรื่องแม้ว่าจะชนม็อบหรือไม่ชนม็อบ ถ้าสถานการณ์พัฒนาไปในทิศทางไหน ซึ่งตำรวจมีหน่วยร่วมปฏิบัติที่พร้อมที่จะเข้าแก้ไขในทุกเรื่องอยู่แล้ว

เมื่อถามว่า ทาง กอร.ฉ.ได้มีการหารือกันหรือไม่ว่าสถานการณ์ปัจจุบันนี้จำเป็นต้องมี พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พล.ต.ต.ยิ่งยศ กล่าวว่า การพิจารณาเรื่อง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เป็นเรื่องของทางรัฐบาล การพิจารณาในภาพรวมมีหลายมิติ ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ สังคม กอร.ฉ เป็นเพียงหน่วยปฏิบัติ ถ้าจะมีการยกเลิกหรือปรับเปลี่ยนต้องได้รับคำสั่งจากทางรัฐบาล


กำลังโหลดความคิดเห็น