xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวลึกปมลับ : ม็อบจะจบอย่างไร ผู้ใหญ่ไม่มีวันชนะเด็ก!

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



“ข่าวลึกปมลับ” ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมือง และกระบวนการยุติธรรม วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม 2563 ตอน ม็อบจะจบอย่างไร ผู้ใหญ่ไม่มีวันชนะเด็ก!



สถานการณ์การชุมนุมของมวลชนคนรุ่นใหม่ยังตึงเครียด หลังจากวันที่14 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันเริ่มนัดรวมพลชุมนุมใหญ่ขับไล่รัฐบาลพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าแกนนำคณะราษฎร 2563 ถูกเจ้าหน้าที่รัฐจับกุมตัวไปแล้ว ในช่วงเช้าวันรุ่งขึ้น

แต่การชุมนุมกลับไม่ได้ยุติไป ได้เปลี่ยนรูปไปเป็น Open Mob แทน คือเปลี่ยนขบวนจัดทัพจากมีแกนนำเป็นไร้แกนนำ แต่ไม่ขาดการนำ เพราะทุกคนที่เข้าร่วมชุมนุมขึ้นบนเวทีปราศรัยได้ ซึ่งในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็ไม่มีปัญหาการจัดการใดๆ มิหนำซ้ำแต่ละวันยังจัดการชุมนุมเป็นดาวกระจาย ไปในหลายจุดในพื้นที่กรุงเทพ

ม็อบในกรุงเทพ ยิ่งรวมตัวยิ่งมีคนมาร่วมมาก ส่วนที่ลามไปเป็นดาวกระจายยังต่างจังหวัด ซึ่งมีการชุมนุมในมหาวิทยาลัยต่างๆ ได้เปิดพื้นที่ให้แฟลชม็อบเกิดขึ้นมาอีกครั้ง ควบคู่ไปกับการชุมนุมของประชาชนในหลายจังหวัด ในพื้นที่ชุมชนของเมือง จำนวนม็อบก็เนืองแน่น

ปรากฎการณ์ม็อบที่เกิดขึ้น แสดงให้เห็นว่า ม็อบไม่ฝ่อลงแม้แต่น้อย ตามที่มีการใช้กำลังตำรวจสลายม็อบให้เห็นเป็นตัวอย่างที่สยาม และสี่แยกปทุมวัน และการประกาศใช้กฎหมายพรก. ฉุกเฉิน ที่มีความร้ายแรง ในเขตท้องที่กรุงเทพ เป็นเครื่องมือ ซึ่งเปิดทางให้ จับกุมคนฝ่าฝืนคำสั่งวันละหลายคน แต่ม็อบกลับโตขึ้นทุกวัน เรียกได้ว่ายิ่งถูกจับ ก็ยิ่งแตก

ความไม่สนใจของมวลชน ว่าอะไรจะเกิดก็ไม่กลัว เป็นพลังที่ท้าทาย และเดินสวนทางกับการบังคับใช้กฎหมายพรก. ฉุกเฉินฯ แต่ขณะเดียวกันก็ยังจัดได้ว่าลักษณะการชุมนุมเดือนตุลาฯ63 ยังสามารถควบคุมกันเองได้ ยังนับว่าเป็นการชุมนุมเรียกร้องที่ใช้สิทธิเสรีภาพตามระบบประชาธิปไตย ที่สงบ สันติ และปราศจากอาวุธ

เด็กรุ่นใหม่ จัดการชุมนุมแบบไม่ปักหลักค้างคืน เพื่อกดดันฝ่ายรัฐบาล ซึ่งเป็นรูปแบบเก่าของการชุมนุมประท้วง แต่รูปแบบใหม่ในยุคสมัยดิจิตอลนี้ เรียกกันมารวมตัว และแจ้งเลิกม็อบผ่านช่องทางสื่อออนไลน์

เมื่อย้อนดูการชุมนุมในอดีต การปักหลักค้างคืนยึดพื้นที่สาธารณะหรือที่ทำการรัฐ เป็นหัวใจสำคัญ ที่จะกดดันฝ่ายรัฐบาล เมื่อเข้ายึดพื้นที่สถานที่ได้ก็ประกาศชัยชนะกันเป็นครั้งๆไป แต่ทว่ากว่าจะได้ผลสำเร็จจริงๆต้องใช้เวลาเป็นเดือนเป็นปี

และตลอดทาง ก็มีการบาดเจ็บล้มตาย และหลายคนพิการ เพราะถูกลอบทำร้าย ถูกปราบปราม กว่าจะบรรลุข้อเรียกร้องก็ต้องสังเวยด้วยชีวิตและเลือดเนื้อ ซ้ำยังลงทุนกำลังกันมหาศาล ฝ่ายรัฐบาลก็ลงทุนกับการปราบปรามสลายม็อบด้วยภาษีประชาชน และกำลังพล คราวละไม่ร้อยเช่นกัน

แต่สำหรับม็อบยุคดิจิตอล ในรูปแบบการชุมนุมมารวมตัวกันช่วงคำ่ไม่เกินสี่ทุ่มสลายตัว วันใหม่ก็นัดกันมาอีก ย่อมอันตรายต่อชีวิตและร่างกายน้อยกว่า ถ้าเจ้าหน้าที่ไม่คิดใช้ความรุนแรงเข้าปราบปราม แต่ความสำเร็จจะมาถึงอย่างไร จะเป็นจริงหรือเสมือนจริง รออีกไม่นานคงได้รู้

ในเวลานี้ ถ้าจะวิเคราะห์สถานการณ์ทั้งสองฝ่าย เห็นว่าทั้งฝ่ายม็อบและรัฐบาล เตรียมทำศึกยืดเยื้อเหมือนกัน เรียกว่า การศึกครั้งนี้ ชี้ขาดที่ใครอึดกว่า และเยือกเย็น มีโอกาสชนะ แต่ถ้ามีการใช้ความรุนแรง ฝ่ายนั้นแพ้เลย ซึ่งรัฐบาลต้องคุมอารมณ์ให้ได้

ฝั่งม็อบดูเหมือนจะเดินแผนลึกล้ำเตรียมการสู้มาราธอนแน่ ดูได้จากการชุมนุมทุกวันกำหนดปิดจ็อบเร็วไม่ให้ดึก เพื่อไม่ไปกินเวลามวลชนมากจนเกินไป ให้มวลชนมาหลังเลิกงานอยู่แสดงพลังกันสามสี่ชั่วโมงก็ประกาศสลาย แยกย้ายกันกลับบ้าน ทำให้ไม่เปลืองพลัง วันถัดไปยังมีแรงมาได้

ส่วนฝั่งรัฐบาล แสดงออกว่า จะรับมือกับม็อบในระยะยาว เนื่องจากได้ประกาศกำหนดใช้พรก. ฉุนเฉินในพื้นที่กรุงเทพไปจนถึงวันที่13 พฤศจิกายน และมีการจับแกนนำม็อบ รวมทั้งหัวโจกไปกว่า80 คนแล้ว ซึ่งคาดได้ว่าถ้ายังมีการชุมนุมคงจะมีการจับกุมคนไปเรื่อยๆ

ทั้งนี้ เป็นเพราะฝ่ายความมั่นคงเชื่อว่า การจับคนนำม็อบจะทำให้พลังมวลชนฝ่อลง จึงมีการประกาศคำสั่ง พรก. ฉุกเฉิน ฉบับที่6/2563 ออกมาเพิ่มที่สอบสวนและคุมกักที่ค่ายทหาร พนัสบดีศรีอุทัย ซึ่งตามเนื้อความบอกว่าจะเอาไว้แยกควบคุมคนผิดในระดับต้องสงสัย

เป็นสัญญาณบอกว่า รัฐบาลใช้แผนการใช้กำลังและกฎหมายเข้าสกัดม็อบแน่ แต่ทว่า เมื่อได้เห็นม็อบยิ่งปราบยิ่งขยายตัว มีเด็กมาเป็นม็อบมากขึ้น จะมีการทบทวนกันหรือไม่ ซึ่งรัฐบาลต้องคิดให้ดี

เพราะยิ่งปราบยิ่งโต ใช้กำลังใช้ความรุนแรง แม้ชนะไปประเทศไทยก็ไม่เหมือนเดิม และในความเป็นจริงการทะเลาะกับเด็ก ผู้ใหญ่ไม่มีวันชนะ มีแต่แพ้ อย่างเดียว เพราะถ้าชนะก็จะถูกว่า เป็นผู้ใหญ่รังแกเด็ก ผลลัพธ์มีแต่เสียกับเสีย

ปัญหานี้ทางที่ควร เปิดพื้นที่พูดคุยกับม็อบดีกว่า เป็นทางออกที่ไม่ให้ความสูญเสียเกิดขึ้น ถ้าขืนปล่อยไปแบบเผชิญหน้าท้าทายกันเช่นนี้ ไม่ช้าก็เร็วต้องเกิดเหตุการณ์เลวร้ายแน่

ขณะนี้ทางฝ่ายม็อบ ก็ได้ลดท่าทีลงพร้อมจะเจรจา จากการชุมนุมล่าสุด เปิดทางออกมาแล้ว ม็อบประกาศข้อเรียกร้อง ข้อแรก ให้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลาออก ทางบิ๊กตู่จะเสียสละได้ไหม ถ้าไม่ยอมจะอยู่ต่อ จะทำอะไรบ้าง

ข้อที่สอง ม็อบยอมรับให้เปิดสภาฯสมัยวิสามัญ เพื่อนำปัญหาไปแก้ไขกันในรัฐสภา ในประเด็นตั้งรัฐบาลชุดใหม่ และการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นี่คือสัญญาณที่ดี ที่จะยุติการชุมนุมได้

สองข้อแรกเป็นปัญหาทางการเมือง ที่ต้องการเปลี่ยนรัฐบาล และให้แก้กติกาการปกครองประเทศ ส่วนข้อสามเป็นเรื่องปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ เรื่องนี้ก็ควรมีพื้นที่พูดคุยกันต่างหาก เพราะเป็นปัญหาแนวคิดที่คนรุ่นใหม่หลงผิดไป ซึ่งต้องสร้างความเข้าใจกันใหม่ และต้องใช้เวลา แต่มีโอกาสแก้ปัญหาได้

รีบเปลี่ยนใจ ชักฟืนออกจากกองไฟในเวลานี้ ยังไม่สาย ถ้าทั้งสองฝ่าย หันหน้ามาเจรจากัน วิกฤติที่เกิดขึ้นในวันนี้ รัฐบาลต้องมองเห็นโอกาสในวิกฤติ เข้ามาแก้ปัญหาเพื่อบ้านเมือง


กำลังโหลดความคิดเห็น