MGR Online - ผบ.ตร.ห่วงเยาวชน ไม่อยากให้ใช้อารมณ์ หวั่นถูกชักจูง เชื่อม็อบมีคนอยู่เบื้องหลังคอยชักใย ยกสุภาษิต "เชือกจูงควาย น้ำลายจูงคน" ย้ำต้องทำตามกฎหมาย รวบรวมพยานหลักฐานเอาผิด
วันนี้ (25 ก.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงสถานการณ์การชุมนุมที่เกิดขึ้นในขณะนี้ว่า ตำรวจเราเคยเจอมาทุกรูปแบบ เราก็ปรับตัวตาม แต่อยากเตือนเรื่องการไปทำอะไรที่สุ่มเสี่ยงข้อกฎหมายต่างๆ อยากให้คนที่มาชุมนุมไปย้อนดูเรื่องเก่าๆ อย่าทำด้วยอารมณ์ ซึ่งตนไม่ต้องฝากอะไรถึงผู้ชุมนุม เขารู้อยู่แล้วว่าควรทำตัวอย่างไร บางครั้งเราไม่อนุญาตให้ชุมนุม เขาบอกว่าชุมนุมโดยสงบ แต่เมื่อวานตนไม่เห็นภาพว่าชุมนุมโดยสงบ พูดไปเดี๋ยวจะเป็นประเด็นอีก ตนเชื่อว่าผู้ชุมนุมทราบว่ามาชุมนุมโดยสงบหรือไม่สงบ ส่วนกรณีที่ผู้ชุมนุมมีการพูดจาจาบจ้วงไม่เหมาะสมกระทบความรู้สึก ตำรวจก็เก็บรวบรวมพยานหลักฐานทุกครั้ง ตั้งแต่เริ่มจนจบ
“ม็อบใหม่ๆ มีเกี่ยวกับเรื่องการเมือง สักระยะหนึ่งก็แปลงร่างเป็นเรื่องสถาบัน ให้ผมมองและตอบเร็วๆ ใหม่ๆ จะเป็นนักเรียน นักศึกษา หลังๆ เป็นเรื่องอื่นไปแล้ว ส่วนตัวที่ผมอยู่กับม็อบมาหลายสมัยเชื่อว่ามีการแทรกแซง และเบี่ยงประเด็นโดยกลุ่มอื่น สาเหตุที่ทำให้ม็อบเปลี่ยนไปจากเยาวชน เพราะเป็นการชี้นำน้องๆ เหมือนสุภาษิต "เชือกจูงควาย น้ำลายจูงคน" เป็นลักษณะมีผู้ชักจูงอยู่เบื้องหลัง ส่วนใครที่อยู่เบื้องหลังเรากำลังต่อจิ๊กซอว์อยู่ บางเรื่องพูดไม่ได้ก็ขอสงวนไว้” ผบ.ตร.กล่าว
พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวอีกว่า จากสถานการณ์การเมืองตอนนี้ ตนห่วงน้องๆ เพราะม็อบสมัยก่อนจะไม่มีใครเป็นตัวประกัน แต่ที่ผ่านมามีการเอานักศึกษา น้องๆ ชั้นประถม มัธยม มาเป็นตัวประกัน ตนพูดไปไม่เกินชั่วโมงจะเป็นประเด็นอีก แต่ที่พูดไม่ได้มีอคติ ไม่ได้เป็นคู่ขัดแย้ง แต่พูดในฐานะที่มีประสบการณ์ และไม่อยากให้เกิดเหมือนในอดีต ตนพูดมาตลอดว่ากฎหมายคือกฎหมาย อยากให้น้องๆ ทุกคนที่ชอบมาร่วมชุมนุมให้ดูที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นแกนนำ ผู้สนับสนุนที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุม หากตนไม่ดำเนินการอะไร ก็จะมีอีกพวกหนึ่งตำหนิว่าทำไมตำรวจไม่ทำอะไร โดน ม.157 บ้าง ตนพูดด้วยความห่วงใยจริงๆ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พูดมาตลอดว่าให้ดูแลความปลอดภัยผู้มาชุมนุมและใช้กฎหมายให้ดี หลีกเลี่ยงการปะทะ ให้อดทนอดกลั้น ซึ่งตำรวจทำมาตลอด วันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมา เหตุการณ์จบลงด้วยดี ไม่ได้นำอาวุธยุทโธปกรณ์ไปเลย อย่างไรก็ตามตำรวจอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีต่อผู้กระทำความผิดต่อไป
พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวถึงคดีการเสียชีวิตปริศนาของน้องชมพู่ เด็กหญิงวัย 3 ขวบ บนภูเหล็กไฟ บ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา ว่า ตำรวจยังคงสืบสวนสอบสวนสวนอยู่และไม่ได้ทิ้งคดีดังกล่าวแต่อย่างใด ซึ่งในการทำคดีนั้นตนพูดเสมอว่ามีความยากง่ายก็แตกต่างกันไป ยอมรับว่าบางครั้งกระแสสังคมก็กดดันการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจเกินไป การมีตัวละครคนละฝั่งสองฝั่งไม่ได้สร้างสรรค์ ตำรวจต้องยึดพยานหลักฐาน ส่วนจะมีการสั่งยุติการสอบสวนแบบไม่รู้ตัวผู้ต้องหาก่อนหรือไม่นั้น ระบุว่าเป็นขั้นตอนตามกระบวนการของกฏหมาย ซึ่งตำรวจทำเต็มที่อยู่และมีกรอบระยะเวลาอยู่แล้ว