“ข่าวลึก ปมลับ”ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมือง และกระบวนการยุติธรรม วันจันทร์ที่ 14 กันยายน 2563 ตอน ก้าวไกล ขบเหลี่ยม เพื่อไทย ชิงดาวคนละดวงเกมแก้ รธน.
เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นการซ่อนชั้นเชิงลีลาการขบเหลี่ยมไว้อย่างล้ำลึกของสองพรรคการเมือง โดยไม่ได้เกิดขึ้นกับพรรคร่วมรัฐบาล แต่เป็นพรรคร่วมฝ่ายค้านกันเอง ระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกล
การเดินเกมแก้ไขรัฐธรรมนูญ ระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกล เป็นเกมสับขาหลอก เป็นการชิงไหวชิงพริบ ที่แฝงไปด้วยเจตนาเพื่อประโยชน์ทางการเมืองของพรรค มากกว่าเพื่อเนื้อหาสาระ ให้รัฐธรรมนูญเป็นบทบัญญัติแห่งประชาธิปไตยที่แท้จริง
พรรคก้าวไกล ไม่ร่วมลงชื่อในญัตติที่พรรคร่วมฝ่ายค้านยื่นแก่ประธานสภาผู้แทนราษฎร แต่ต้องการยื่นร่างของตัวเอง ที่อยากให้แก้ไขมาตรา 272 ของรัฐธรรมนูญ เพื่อปิดสวิตซ์ ส.ว.
แต่เดิม พรรคก้าวไกลรู้ทั้งรู้ว่า เสียงของตัวเองมีไม่ถึง 98 คน ที่พอจะยื่นร่างได้ตามกฎหมาย แต่กลับยืนยันจะยื่น เพื่อต้องการฉีกหน้าพรรคเพื่อไทย เพื่อให้ม็อบเห็นว่า พรรคก้าวไกลคือ คนจริงในสภาผู้แทนราษฎร
ที่สุด เสียงเพียงพอจากการที่พรรคร่วมฝ่ายค้าน รวมถึง ส.ส.กบฎของพรรคประชาธิปัตย์ เข้าไปร่วมลงชื่อ จนทำให้เสียงเพียงพอ ที่จะยื่นได้อีก 1 ร่าง
ขณะที่ล่าสุด พรรคเพื่อไทย เดินเกมใหม่ ยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญอีก 4 ร่าง ได้แก่ 1.เเก้ไขมาตรา 272 ยกเลิกอำนาจ ส.ว. ในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี และ ให้เพิ่มเติมมาตรา 159 โดยการเลือกนายกฯ สามารถเลือกนอกบัญชีได้ แต่ต้องเป็น ส.ส. เท่านั้น เพื่อปิดทางนายกฯ คนนอก
2.แก้ไขมาตรา 270 ยกเลิกอำนาจ ส.ว.ในการปฏิรูปประเทศ และมาตรา 271
3.การยกเลิกมาตรา 279 ซึ่งเป็นบทเฉพาะกาลที่ทำให้ประกาศคำสั่งและการกระทำของ คสช. อยู่เหนือกว่าบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญโดยเฉพาะเรื่องสิทธิเสรีภาพ
และ4.การแก้ไขระบบเลือกตั้ง ด้วยการยกเลิกมาตรา 88, 83 , 85 , 90 , 91 และ 94 โดยแก้ไขระบบเลือกตั้งให้เป็นไปตามแนวทางของรัฐธรรมนูญ พ.ศ 2540 คือใช้บัตร 2 ใบ (เลือกคน และเลือกพรรค)
เห็นได้ชัดว่า พรรคเพื่อไทยพลิกสถานการณ์ที่ตกเป็นรอง แก้เกมพรรคก้าวไกล เพราะแต่เดิมไม่ยื่นแก้มาตรา 272 โดยอ้างว่า มีประสบการณ์จากอดีต ควรหาแนวร่วมจาก ส.ว. แต่ตอนนี้กลับมายื่นหลังพรรคก้าวไกลยื่นร่างของตัวเองสำเร็จ
เป็นการตอกย้ำให้เห็นว่า พรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล กำลังทำสงครามภายในพรรคร่วมฝ่ายค้าน เพื่อชิงมวลชนที่กำลังเคลื่อนไหว
อย่างไรก็ตาม การที่ต่างคนต่างยื่นร่างของตัวเอง จนดู เละและมั่วไปหมด ขาดซึ่งเอกภาพ ถูกตั้งข้อสังเกตว่า หรือแท้ที่จริงแล้ว มีบางพรรคที่ไม่ได้ต้องการจะแก้ไขรัฐธรรมนูญจริงๆ แต่ต้องการแค่กระแสจากม็อบ
เพราะหากต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้สำเร็จ ควรหาแนวร่วม และสร้างความเป็นเอกภาพ โดยเฉพาะภายในพรรคร่วมฝ่ายค้านด้วยกันเอง แต่กลับต่างคนต่างเดินไปคนละทาง
โดยเฉพาะพรรคก้าวไกล ที่ถูกพรรคเพื่อไทยมองว่า แท้จริงแล้วไม่ได้ต้องการอยากจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพียงแต่ต้องการหาเสียงจากกระแสม็อบ เพื่อต่อยอดในสนามเลือกตั้งครั้งหน้า หากรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยอมยุบสภาในเวลาอันใกล้
หนึ่งในเรื่องที่พรรคก้าวไกล แทบไม่พูดถึงเลยในการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้คือ เรื่องระบบเลือกตั้งแบบจัดสรรปันส่วนผสม ที่พรรคการเมืองใหญ่อย่างพรรคเพื่อไทย และพรรคประชาธิปัตย์ ปรารถนาจะแก้ไขเพื่อกลับไปใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ คือ เลือกคนและเลือกพรรค
พรรคเพื่อไทย มองว่า แท้จริงแล้วพรรคก้าวไกลพึงพอใจกับระบบเลือกตั้งในปัจจุบันที่ใช้บัตรใบเดียว เพราะทำให้พรรคอนาคตใหม่สามารถกวาด ส.ส.เข้าสภาผู้แทนราษฎรได้ถึง 80 กว่าคน และหากต้องเลือกตั้งใหม่ในเร็ววันนี้ กระแสของพรรคก้าวไกลจะยิ่งดีกว่าเดิม อาจทำให้ได้ ส.ส.ทะลุไปถึงหลักร้อยกว่า
กติกาฉบับนี้ค่อนข้างเป็นคุณกับพรรคก้าวไกลมากกว่าพรรคเพื่อไทย เพราะพรรคเพื่อไทยเหมือนถูกตีกรอบปริมาณ ส.ส.ให้เหลือแต่เพียง ส.ส.เขตเท่านั้น ไม่ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อแม้สักคนเดียว เนื่องจากได้ ส.ส.ในจำนวนพึงมีแล้ว พรรคเพื่อไทยจึงอยากจะกลับไปใช้แบบเดิมคือ 2 ใบ
ปัญหาของพรรคก้าวไกล ดูจะมีเพียงสิ่งเดียวในรัฐธรรมนูญฉบับนี้คือ มาตรา 272 ที่ให้อำนาจ ส.ว.ร่วมโหวตนายกรัฐมนตรี ซึ่งหากตัดออกไปได้ก่อนการเลือกตั้งครั้งหน้า พวกเขาก็จะกลายเป็นพรรคที่มีลุ้นที่จะขึ้นมา เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล หากกวาด ส.ส.ได้เข้ามาเกินร้อย ซึ่งมีความเป็นไปได้จากกระแสของม็อบในช่วงนี้
แน่นอนว่า พรรคเพื่อไทยย่อมไม่หลงกล
หากยังใช้กติกานี้อยู่ จึงมีการเสนอใหม่ โดยกำหนดชัดว่า ต้องการแก้ไขระบบเลือกตั้งให้กลับไปใช้บัตร 2 ใบ ซึ่งตัวเองน่าจะมีความได้เปรียบมากกว่า โดยเป็น 1 ใน 4 ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคเพื่อไทยที่จะยื่นเพิ่มเข้าไป
สิ่งที่น่าสนใจคือ พรรคก้าวไกลจะมีปฏิกิริยาอย่างไรกับร่างดังกล่าว เพราะพรรคก้าวไกลโจมตีมาตลอดว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้มีปัญหา แต่น้อยครั้งที่จะพูดเรื่องระบบเลือกตั้งซึ่งเป็นผลดีกับตัวเอง จนทำให้มี ส.ส.อยู่ในสภาผู้แทนราษฎรหลายคน
ยิ่งหากยังใช้ระบบนี้ในช่วงนี้ พรรคก้าวไกลมีแนวโน้มจะได้ ส.ส.ในปริมาณที่มากกว่าเดิม
สุดท้ายแล้ว ก้าวไกลบอกจะไปหาดใหญ่ แต่ใจจริงคิดจะไปเชียงใหม่ พูดได้ว่าเป้าหมายของพรรคก้าวไกล ไม่ได้ทุ่มเทกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพียงแต่ต้องการกระแสกดดันรัฐบาลให้ยุบสภา เพื่อไปเลือกตั้งกันใหม่ เท่านั้นในหรือไม่