“ข่าวลึก ปมลับ” ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมือง และกระบวนการยุติธรรม วันอังคารที่ 1 กันยายน 2563 ตอน เรือดำน้ำ ชักธงถอยสุดซอย แบนสารพิษ จะชักเข้าชักออก
บิ๊กตู่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ยอมถอยสุดซอย ด้วยการส่งสัญญาณให้กองทัพเรือ เลื่อนการจัดซื้อเรือดำน้ำ 2 ลำจากจีน มูลค่า 22,500 ล้านบาท ในปีนี้ออกไปก่อน
เนื่องจาก เจอแรงต้านจากคนในสังคมจำนวนมาก การไม่ฝืนกระแสคัดค้านครั้งนี้ บิ๊กตู่ในฐานะรมว.กลาโหม และทางกองทัพเรือ เรียกเสียงชื่นชมได้ไม่น้อย
แสดงให้เห็นว่า สิ่งที่กลุ่มต่อต้านรัฐบาล ที่ปั่นกระแสว่าเป็นเผด็จการ รัฐบาลบิ๊กตู่ก็เป็นเผด็จการที่ฟังเสียงประชาชน หากจะดันต่อไป งบประมาณก้อนนี้ก็คงผ่านฉลุย
เพราะสามารถกดปุ่มสั่งการจากนอกห้องประชุมกรรมาธิการงบประมาณได้ แต่สุดท้าย พลเอกประยุทธ์ ยอมถอยก่อนในปีนี้ ส่วนปีหน้าจะเอาอย่างไร ค่อยไปว่ากันอีกที
การตัดสินใจดังกล่าวของพลเอกประยุทธ์ ผลที่ได้ตามมาแบบเห็นๆ ก็คือ ทำให้กระแสไม่พอใจรัฐบาลและตัวพลเอกประยุทธ์ ลดลง ทันที ถือเป็นการถอยในเชิงยุทธศาสตร์ที่ได้ผลมาก โดยเฉพาะกับการเมืองระยะยาว
ขณะที่รัฐบาลอยู่ในสถานการณ์ที่ล่อแหลม แบกรับวิกฤติหลายด้านที่ต้องฟันฝ่า จนถึงแก้รัฐธรรมนูญเสร็จแล้วยุบสภา ที่คาดว่ารัฐบาลจะอยู่ไปอีกประมาณสองปี ดังนั้นสิ่งไหนที่หลบเลี่ยงได้ ไม่ปะทะแตกหัก ก็ต้องถอย แม้เสียหน้าบ้างก็ต้องทำ
อะไรที่เห็นว่าเป็นปัจจัยเสี่ยง ทำให้คะแนนนิยมรัฐบาลติดลบ บิ๊กตู่ ต้องพยายามปลดล็อกออกไปให้มากที่สุด
ผ่านเรื่องงบเรือดำน้ำไปแล้ว เวลานี้ ปมร้อนเกี่ยวกับการทำงานของรัฐมนตรีในรัฐบาล อีกประเด็นที่กำลังถูกจับตามอง ก็คือ ท่าทีแบบกลับไปกลับมาของ รัฐมนตรีในรัฐบาล ในเรื่อง การแบนสารเคมีพิษ พาราควอต และคลอร์ไฟริฟอส
จากเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม ที่ผ่านมา มีกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า สมาพันธ์เกษตรปลอดภัย เดินทางไปยื่นข้อร้องเรียนต่อ เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่กระทรวงเกษตรฯ เพื่อขอให้ทบทวนการแบนพาราควอต
ก่อนที่จะถึงเส้นตาย ที่เกษตรกร ไม่สามารถใช้สารเคมีพาราควอต และคลอร์ไพริฟอส ได้อีกโดยต้องนำส่งคืนให้กับร้านค้าที่ซื้อมา ภายในวันรุ่งขึ้นคือ วันที่ 29 ส.ค.2563
โดยกลุ่มสมาพันธ์เกษตรปลอดภัย อ้างว่า เกษตรกรได้รับผลกระทบหลังจากการแบนพาราควอต เพราะทำให้ต้นทุนการทำเกษตรสูงขึ้น หนี้สินเกษตรกรเพิ่มขึ้นจนเกษตรกรหลายส่วน เลิกอาชีพการทำเกษตร
รวมทั้ง เกษตรกรได้นำแนวทางที่กรมวิชาการเกษตรแนะนำแล้ว ได้แก่ สารทางเลือก ไกลโฟเซต และกลูโฟซิเนต พบว่า วัชพืชไม่ตาย ไม่สามารถทดแทนพาราควอตได้ ทั้งในแง่ของประสิทธิภาพ และราคา
ปรากฏว่า เสี่ยต่อ เฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรฯ ก็รับลูกทันที โดยบอกว่า จะจัดทำหนังสือยกเลิกการแบนพาราควอตถึงคณะกรรมการวัตถุอันตราย จากเกษตรกรกลุ่มพืชเศรษฐกิจเกือบร้อยราย โดยเร็วที่สุด
พร้อมนำเสนอข้อเท็จจริงผลสำรวจจากนักวิชาการ ไม่พบสารพารา ควอต ตกค้างในสินค้าภายในประเทศ และเกษตรกรส่วนใหญ่ ไม่เห็นด้วยต่อการยกเลิกใช้สารพาราควอต
จากนั้น นายเฉลิมชัย ได้สั่งการให้ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการให้มีการทบทวนการแบนพาราควอต ตามหนังสือของสำนักงานรัฐมนตรี กลุ่มงานประสานงานการเมือง ลงวันที่ 25 สิงหาคม 2563
เรื่องขอให้นำส่งข้อมูลไปยังคณะกรรมการวัตถุอันตราย อ้างถึงคำร้องขอให้มีการนำเอกสารข้อมูลไปยังคณะกรรมการวัตถุอันตรายเพื่อทบทวนมติการยกเลิกพาราควอตและคลอร์ไพริฟอส
นายเฉลิมชัยได้สั่งการในท้ายหนังสือดังกล่าว โดยเขียนเป็นลายมือว่า "มอบปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการตามที่ร้องขอ" พร้อมลายเซ็น ลงชื่อ เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงวันที่ 26 สิงหาคม 2563
การขยับเพื่อต้องการให้ มีการทบทวนการแบกสารพาราควอต ของ เฉลิมชัย รมว.เกษตร ฯที่พยายามเคลื่อนไหวผ่าน คณะกรรมการวัตถุอันตราย ที่มีสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม แกนนำพรรคพลังประชารัฐ เป็นประธานคณะกรรมการตามกฎหมายฉบับปัจจุบันที่แก้ไขใหม่
ทำให้ เรื่องนี้ ถูกตั้งคำถามกับ รมว.เกษตรฯอย่างมาก ทั้งที่ การแบนพาราควอต เคยเป็นมติของคณะกรรมการวัตถุอันตรายมาแล้ว และเป็นเรื่องที่ประชาชนส่วนใหญ่ก็เห็นด้วย ไม่ใช่แค่ เอ็นจีโอไม่กี่คน
น่าติดตามว่าสุดท้าย ท่าทีของรัฐบาล โดยเฉพาะรัฐมนตรีที่อยู่ในคณะกรรมการวัตถุอันตราย จะเอาอย่างไร หลังจากเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับ อธิบดีทุกกรมในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข แถลงย้ำจุดยืนการแบนสารเคมีอันตราย
โดยเสี่ยหนู อนุทิน ย้ำไว้ว่า จะคัดค้านการทบทวนการแบนสารเคมีทั้งสามชนิดจนถึงที่สุด เพราะเป็นสาเหตุหลักที่ก่อให้เกิดความเจ็บป่วยทั้งในกลุ่มเกษตรกรที่ใช้สารเคมีและผู้บริโภค
เรื่องแบนสารพิษ หากคนในรัฐบาล ไม่มีความชัดเจน ชักเข้าชักออก และรัฐมนตรีบางคน บางกระทรวง มีการเคลื่อนไหวอะไรที่ สังคมกังขา เพื่อหวังผลักดันให้มีการทบทวนการแบนสารเคมีพิษให้ได้
ก็จะเป็นปมร้อนอีกเรื่องหนึ่ง ที่จะส่งผลต่อความเชื่อมั่นในทางลบของประชาชนที่มีต่อตัวรัฐบาลและผู้นำรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ หากสังคมคลางแคลงใจ ก็จะเป็นระเบิดเวลาอีกลูกที่พร้อมจะระเบิดใส่รัฐบาลได้ทุกเมื่อ เมื่อความจริงอันเลวร้ายปรากฎ