สำนักงานศาลยุติธรรมครบรอบ 20 ปี มุ่งสนับสนุนงานศาล สู่ D-Court สร้างโครงข่ายเชื่อมโยงข้อมูลออนไลน์ศาลทั่วประเทศ
วันนี้ (20 ส.ค.) นายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม เป็นประธานในพิธีสงฆ์ ถวายปิ่นโตภัตตาหาร และจตุปัจจัยไทยธรรม แด่เจ้าอาวาสวัดสิริกมลาวาส พร้อมคณะสงฆ์อีก 9 รูป เนื่องในโอกาสครบรอบ 20 ปี สำนักงานศาลยุติธรรม ณ ห้องประชุมใหญ่สำนักงานศาลยุติธรรม
จากนั้นเวลา 08.00 น. เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม เป็นประธานมอบรางวัลการแข่งขันนวัตกรรมการบริหารคดีและนวัตกรรมการบริการของหน่วยงานภายในศาลยุติธรรม ที่มุ่งเน้นให้บุคลากรภายในสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อใช้ในการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยผลการแข่งขัน มีดังนี้
รางวัลด้านนวัตกรรมการบริหารคดี ได้แก่ “ระบบบันทึกการปิดหมายด้วยแผนที่ภาพถ่ายดาวเทียมและพิกัด GPS” ของศาลจังหวัดเบตง
รางวัลชมเชย ได้แก่ “โปรแกรมระบบปฏิบัติงานศูนย์ไกล่เกลี่ย” ของศาลจังหวัดเดชอุดม และ “ระบบสารสนเทศสำหรับผู้บริหาร Management Information Systems (MIS) for Executive ผ่าน Application บนมือถือ” ของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9
รางวัลด้านนวัตกรรมการบริการ ได้แก่ “ระบบแจ้งเตือนอัจฉริยะด้วยบัตรประชาชนใบเดียว” ของคณะทำงานบริหารจัดการระบบเทคโนโลยีดิจิทัลของศาลยุติธรรมประจำจังหวัดกาญจนบุรี
รางวัลชมเชย ได้แก่ “โปรแกรมจัดทำบัญชีค่าฤชาธรรมเนียมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์” ของศาลจังหวัดนครราชสีมา จากนั้น มีการมอบรางวัลการประกวดภาพยนตร์สั้นหัวข้อ “สิทธิและหน้าที่ของผู้ต้องหาและจำเลยในการขอปล่อยชั่วคราว” ซึ่งเป็นกิจกรรมส่งเสริมให้เยาวชน และประชาชนทั่วไป มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่การปล่อยชั่วคราว และสนับสนุนให้การบังคับคดีผู้ประกัน ของหน่วยงานในสังกัดสำนักงานศาลยุติธรรมดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ ได้รับเกียรติจากนายวิทยา ทองอยู่ยง ผู้กำกับภาพยนตร์ นางสาวอมราพร แผ่นดินทอง นักเขียนบทและอาจารย์สอนเขียนบทภาพยนตร์ และนายสุพจน์ พงษ์พรรณเจริญ พิธีกรและนักแสดง ร่วมเป็นคณะกรรมการตัดสิน โดยมีทีมที่ได้รับรางวัลประกอบด้วย
ประเภทมัธยมศึกษา
- รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ ผลงาน “โอกาส ?” ทีม Mind Bro Production
จากโรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) 2
- รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ ผลงาน “ผมไม่ใช่แพะ” ทีม SJ PRODUCTION
จากโรงเรียนอุดรพิทยานุกูล
- รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ ผลงาน “สิทธิของเราใช้ซะ” ทีม Blurfilmproductions
จากโรงเรียนมงฟอร์ตวิทยาลัย
- รางวัลชมเชย ได้แก่ ผลงาน “แพะรับบาป...” ทีม สกัดดาวรุ่ง (S.K.D)
จากโรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สตรีวิทยา พุทธมณฑล
และผลงาน “ผู้ต้องหาที่ถูกทอดทิ้ง” ทีม ToSchool
จากโรงเรียนมัธยมวัดสิงห์
ประเภทระดับอุดมศึกษา
- ไม่มีผู้ใดได้รับรางวัลชนะเลิศ
- รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ ผลงาน “The choice ทางเลือกสีเทา” ทีม HOLOLO
จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี
- รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ ผลงาน “ออย ผู้บริสุทธิ์” ทีม 43KY Studio
จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น
- รางวัลชมเชย ได้แก่ ผลงาน “ความยุติธรรมรากหญ้า” ทีม THE MOON
จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และมหาวิทยาลัยรังสิต
ประเภทประชาชนทั่วไป
- รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ ผลงาน “คืนความยุติธรรม” ทีม สังกะลี
- รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ ผลงาน “FLY” ทีม ACTITEM
- รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ ผลงาน “แม่” ทีม Insign film
- รางวัลชมเชย ได้แก่ ผลงาน “อิสรภาพใบเดียว” ทีม ดรีมทีม พิคเจอร์
และผลงาน “คนขับแท็กซี่” ทีม ราหูฟิล์ม
- รางวัล popular vote ได้แก่ ผลงาน “The number” ทีม สิบหมื่น
จากโรงเรียนดรุณสิกขาลัย (โครงการ วมว.) และโรงเรียนสตรีวิทยา
นอกจากนี้ ในวันที่ 20 และ 28 ส.ค.2563 สำนักงานศาลยุติธรรมยังได้จัดกิจกรรมแข่งขันตอบปัญหากฎหมายออนไลน์ทั่วประเทศ ทั้งในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายและระดับอุดมศึกษา (ปริญญาตรี) เพื่อเป็นการส่งเสริมให้เยาวชนได้เรียนรู้เกี่ยวกับกฎหมายและสิทธิขั้นพื้นฐานต่างๆ อีกด้วย
นายสุริยัณห์ หงส์วิไล โฆษกศาลยุติธรรม ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา สำนักงานศาลยุติธรรมมีการพัฒนาบุคลากรและเทคโนโลยีมาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังตั้งเป้าหมายการขับเคลื่อนให้ศาลยุติธรรมเปลี่ยนผ่านสู่ Digital Court ในปี ค.ศ. 2020 นี้ โดยยกระดับมาตรฐานการดำเนินงานให้เป็นสากล ด้วยการพัฒนาทั้งบุคลากรและเทคโนโลยีอย่างเต็มที่ ด้านเทคโนโลยีเรากำลังเร่งพัฒนาการสร้างระบบบล็อกเชน (Blockchain) แบบ On premise คือระบบติดตั้งในหน่วยงานที่เป็นลักษณะโครงข่าย เพื่อเก็บข้อมูลออนไลน์ของศาลทั่วประเทศ ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินงานไปแล้ว 91% โดยศาลยุติธรรมไทยถือเป็นหน่วยงานราชการแห่งแรกของโลกที่ใช้ระบบนี้ โดยขั้นตอนต่อไปคือเตรียมการฝึกอบรมบุคลากร และเจ้าหน้าที่ศาลที่จะมาเป็นแอดมิน (Admin) และผู้ใช้งาน ทั้งนี้ คาดว่า ระบบบล็อกเชน (Blockchain) น่าจะเริ่มใช้งานได้ในปี 2564
นอกจากนี้ ในระบบออนไลน์ที่เราได้ดำเนินการสำเร็จแล้ว เตรียมจะเปิดตัวภายในเร็ว ๆ นี้ ก็คือการชำระค่าคัดถ่ายเอกสาร ค่าส่งคำคู่ความ ค่าเอกสารรับรองคดี รวมถึงค่าธรรมเนียมต่างๆ ผ่านระบบที่สะดวกแก่ประชาชนทั่วไป เช่น ชำระผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิส เพื่อให้การใช้บริการศาลยุติธรรมผ่านระบบออนไลน์มีความสะดวกมากยิ่งขึ้น ส่วนการดำเนินโครงการจัดให้มีระบบไบโอเมทริกซ์ ใช้การสแกนม่านตา (Iris code) เพื่อคัดกรองและยืนยันตัวบุคคลในคดีนั้น ได้เริ่มดำเนินการแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการด้านงบประมาณ
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของระบบที่ได้มีการจัดทำและพัฒนาไปแล้ว คือ ระบบซีออส (CIOS) ที่ให้ความสะดวกแก่คู่ความและทนายความในการติดตามสำนวนและคัดถ่ายเอกสารผ่านทางระบบออนไลน์ 24 ชั่วโมงนั้น ปัจจุบันมีผู้ลงทะเบียนเข้าใช้ (Users) จำนวน 24,743 ราย นอกจากนี้ ในช่วงของสถานการณ์โควิด-19 ที่ส่งผลให้ประชาชนทั่วไปต้องปรับวิถีการดำเนินชีวิตแบบใหม่ หรือ New Normal
ในส่วนของศาลยุติธรรมได้นําระบบไกล่เกลี่ยออนไลน์มาใช้ เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้โดยสะดวก รวดเร็ว ประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และปลอดภัยจากสถานการณ์ การแพร่กระจายของไวรัสโควิด - 19 ด้วย ซึ่งนับตั้งแต่เดือน ก.พ.- ส.ค. 2563 ที่ผ่านมา ยอดรวมคดีที่เข้าสู่ระบบดังกล่าวในศาล 215 แห่ง ทั้งสิ้น 17,958 คดี ซึ่งไกล่เกลี่ยสำเร็จ 10,362 คดี ไม่สำเร็จเพียง 906 คดี
“ปีนี้ในส่วนของศาลยุติธรรมครบรอบ 138 ปี ไปเมื่อวันที่ 21 เม.ย. ที่ผ่านมา ในช่วง 20 ปี หลังจากที่สำนักงานศาลยุติธรรมจะถูกจัดตั้งขึ้นตามกฎหมาย ได้มีบทบาทสำคัญในการรับนโยบายของประธานศาลฎีกา มาปฏิบัติเพื่อช่วยสนับสนุนการทำงานของฝ่ายตุลาการในการพิจารณาพิพากษาคดีได้เป็นอย่างดี มีส่วนในการส่งเสริมให้บทบาทของศาลยุติธรรมดำเนินไปอย่างเป็นอิสระปราศจากการแทรกแซง ปรับตัว และพัฒนาองค์กรให้สอดคล้องต่อบริบทของสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป เป็นหลักประกันสิทธิและเสรีภาพให้แก่ประชาชนทุกคนได้อย่างแท้จริง” โฆษกศาลยุติธรรม กล่าวทิ้งท้าย