xs
xsm
sm
md
lg

ศาลอนุญาตฝากขัง “อานนท์-ไมค์ ระยอง” แกนนำม็อบปลดแอกยุยงปลุกปั่น 2 ส.ส.ก้าวไกลใช้ตำแหน่งยื่นประกัน

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


นายอานนท์ นำภา -  นายภานุพงศ์ จาดนอก หรือ ไมค์ ระยอง (แฟ้มภาพ)
ศาลอนุญาตฝากขัง “อานนท์-ไมค์ ระยอง” แกนนำม็อบเยาวชนปลดแอก ปราศรัยยุยง ก่อความวุ่นวาย ชี้มีเหตุจำเป็นเพื่อทำการสอบสวนพยาน ส่วนคำร้องคัดค้านไม่มีน้ำหนัก ด้าน 2 ส.ส.พรรคก้าวไกล ใช้ตำแหน่ง ส.ส.ยื่นขอประกันตัว

เมื่อเวลาประมาณ 09.00 น.วันนี้ (8 ส.ค.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พนักงานสอบสวน สน.สำราญราษฎร์ ได้นำตัวนายอานนท์ นำภา อายุ 35 ปี ทนายความศูนย์ทนายเพื่อสิทธิมนุษยชน หนึ่งในทีมทนายความของนักศึกษาขบวนการประชาธิปไตยใหม่ และนายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ “ไมค์ ระยอง” อายุ 24 ปี แกนนำเยาวชนตะวันออกเพื่อประชาธิปไตย มายื่นคำร้องขอฝากขังครั้งแรกต่อศาลอาญา เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 7-18 ส.ค. 2563 เนื่องจากการสอบสวนยังไม่แล้วเสร็จ ต้องสอบพยานเพิ่มอีกหลายปาก และรอผลตรวจพิสูจน์ลายพิมพ์นิ้วมือผู้ต้องหาซึ่งผู้ต้องหาทั้งสองให้การปฏิเสธ

ในชั้นสอบสวนพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหา ฐานร่วมกันกระทำการให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจาหรือวิธีอื่นได้ที่ไม่ใช่เป็นการกระทำในความมุ่งหมายของรัฐธรรมนูญ หรือไม่ใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตเพื่อให้เกิดความปั่นป่วนในหมู่ประชาชนฯ, ร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้ายขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง โดยเป็นหัวหน้าหรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการ, ร่วมกันจัดให้มีกิจกรรมซึ่งมีผู้เข้าร่วมเป็นจำนวนมากในลักษณะมั่วสุม ชุมนุมทำกิจกรรมหรือมั่วสุมกัน ณ ที่ใดฯ อันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยหรือในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรค กระทำการหรือดำเนินการใดๆ ซึ่งอาจก่อภาวะที่ไม่ถูกสุขลักษณะ อาจเป็นเหตุให้โรคติดต่ออันตราย หรือโรคแพร่ระบาดออกไป ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ, ร่วมกันกีดขวางทางสาธารณะจนอาจเป็นอุปสรรคด้านความปลอดภัย หรือความไม่สะดวกในการจราจรฯ, ร่วมกันวางหรือแขวนสิ่งหนึ่งสิ่งใดหรือกระทำด้วยประการใดในลักษณะที่เป็นการกีดขวางการจราจร, ร่วมกันตั้ง วาง หรือกองวัตถุใดๆ บนถนน, ร่วมกันโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงด้วยกำลังไฟฟ้าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่

อย่างไรก็ตาม ในการยื่นคำร้องฝากขังนี้ ผู้ต้องหาได้ยื่นคำคัดค้านการฝากขังครั้งนี้ด้วย อ้างเหตุการถูกจับกุมโดยมิชอบ

คำร้องฝากขังระบุพฤติการณ์ระบุว่า เมื่อวันที่ 18 ก.ค. 2563 วลาประมาณ 16.00 น. นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ กับพวกได้จัดกิจกรรม “ใครไม่ทนให้ไปกันที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย” โดยกลุ่มผู้ชุมนุมได้ทยอยรวมตัวกันบนทางเท้าหน้าร้านแมคโดนัลด์ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และในเวลา 16.20 น.ได้มีรถยนต์กระบะหมายเลขทะเบียน บธ 1792 สมุทรปราการ มาจอดเพื่อขนส่งอุปกรณ์จัดตั้งเวที จากนั้นมีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาชี้แจงว่าพื้นที่ดังกล่าวไม่สามารถจอดรถยนต์ได้ ขณะเดียวกันนั้น นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ ที่ยืนอยู่บนถนนได้ดึงแผงเหล็กที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกันแนวไว้ล้มลงบนพื้นถนน จากนั้นกลุ่มผู้ร่วมกิจกรรมประมาณ 40-50 คน ได้กรูลงบนพื้นผิวถนน พร้อมช่วยกันขนเวทีชั่วคราวจากรถยนต์กระบะคันดังกล่าวมาตั้งเวทีบนถนนห่างจากทางเท้าประมาณ 10 เมตร ระหว่างนั้น พ.ต.อ.อิทธิพล พงษ์ธร ผกก.สน.สำราญราษฎร์ จึงได้เข้าไปชี้แจงว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย ฐานกีดขวางทางสาธารณะ กีดขวางการจราจร และขอให้กลุ่มผู้ร่วมกิจกรรมถอยกลับขึ้นไปบนทางเท้า แต่กลุ่มผู้ร่วมกิจกรรมไม่ปฏิบัติตาม กระทั่งเวลาประมาณ 16.24 น กลุ่มผู้ร่วมกิจกรรมจำนวน 3 คน คือ น.ส.ปนัสยาสิทธิ จริวัฒนกุล แกนนำ สนท. นายณัฐชนน ไพโรจน์ สมาชิก สนท. และ น.ส.นิราภร อ่อนขาว ได้ร่วมกันชูป้าย ข้อความ “ยกเลิก 112” 

ต่อมาในวลาประมาณ 16.28 น. นายเอกชัย หงส์กังวาน ได้มาปรากฏตัวที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ซึ่งในขณะนั้นกลุ่มผู้ร่วมกิจกรรมได้ตั้งเวทีเหล็กขนาด 1 คูณ 2 เมตร บนพื้นถนน จุดนี้เป็นการตั้งเวทีจุดแรก ของการทำกิจกรรม และนายพริษฐ์ ได้ขึ้นปราศรัยเป็นคนแรกโดยได้ชักชวนกลุ่มผู้ร่วมกิจกรรมลงมาบนถนนเพื่อทำกิจกรรมโดยไม่ต้องเกรงกลัว พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จากนั้น พต.อ.อิทธิพล พงษ์ธร ผกก.สน.สำราญราษฎร์ ได้ใช้รถเครื่องขยายเสียง (LRAD) ประกาศชี้แจงแก่ผู้ร่วมกิจกรรมเป็นครั้งที่ 2 ว่าอาจเข้าข่ายกระทำผิดกฎหมายควบคุมโรคติดต่อ และนายเอกชัย หงส์กังวาน ยังได้พูดสวนกลับมาว่าโควิดไม่มีแล้ว กลุ่มผู้ร่วมกิจกรรมยังคงฝ่าฝืนจัดกิจกรรมต่อไป โดยมีแกนนำและแนวร่วมชายหญิงสลับกันขึ้นพูดบนเวที เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำแผงเหล็กไปกั้นด้านหลังเวทีเพื่อความปลอดภัยของผู้ร่วมกิจกรรม และให้รถสามารถสัญจรได้ โดยมีการจัดกำลังเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนหญิงและชายยืนสลับกันกระจายตลอดแนวแผงเหล็กด้านหลังอีกชั้นหนึ่ง

เวลาประมาณ 17.00 น. นายพริษฐ์ได้สั่งการให้กลุ่มผู้ร่วมกิจกรรมใช้กำลังฝ่าแนวแผงเหล็กที่มีตำรวจจัดเป็นแนวป้องกัน เพื่อนำมวลชนให้ลงไปสู่พื้นผิวการจราจร จากนั้นกลุ่มผู้ร่วมกิจกรรมจึงใช้กำลังดันแผงเหล็กกั้นอยู่ เป็นเหตุให้เกิดการยื้อกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจและกลุ่มผู้ทำกิจกรรม จนเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนหญิง ที่ยืนรักษาความปลอดภัยแนวแผงเหล็กได้รับบาดเจ็บจำนวน 5 นาย ในที่สุดผู้ร่วมกิจกรรมสามารถฝ่าแนวแผงเหล็ก แล้วไปตั้งเวทีจนชิดขอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเต็มพื้นผิวจราจร จนรถไม่สามารถสัญจรผ่านได้ จากนั้นได้มีแกนนำผลัดเปลี่ยนกันขึ้นปราศรัยบเวที เรื่อง ยุบสภา หยุดคุกคามประชาชน เร่งรัฐธรรมนูญใหม่ และโจมตีรัฐบาล แกนนำ ประกอบด้วย นายพริษฐ์ ชิวารักษ์, น.ส.จุฑาทิพย์ ศิริขันธ์, นายภาณุพงศ์ จาดนอก, นายทัตเทพ เรืองประไพกิจเสรี, นายอานนท์ นำภา, นายณัฐวุฒิ สมบูรณ์ทรัพย์, นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา, นายกรกช แสงเย็นพันธ์, นายกรกช แสงเย็นพันธ์, น.ส.สุวรรณา ตาลเหล็ก, น.ส.เนตรนภา อำนาจส่งเสริม, นายธนายุทธ ณ อยุธยา,นายบารมี ชัยรัตน์, นายทศพร สินสมบุญ, นายเดชาธร บำรุงเมือง, นายธานี สะสม และนายภาณุมาศ สิงห์พรม และมีบุคคลที่ร่วมกระทำความผิดทั้งหมด 31 ราย เหตุเกิดที่แขวงบวรนิเวศ เขตพระนคร กทม.

ต่อมาเมื่อวันที่ 7 ส.ค.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 14.06 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.4 บก.สส.บช.น. ได้ร่วมกันจับกุมตัวนายอานนท์ นำภา ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญา จ.1176/2563 ลงวันที่ 6 ส.ค.2563 ซึ่งเวลาไล่เลี่ยกัน เวลา 14.50 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมนายภาณุพงศ์ จาดนอก ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญา จ.1174/2563 ลงวันที่ 6 ส.ค.2563 ดำเนินคดีตามกฎหมาย

กระทั่งต่อมาเวลา 15.20 น.วันนี้ ศาลอ่านคำสั่งในคำร้องฝากขังและคำคัดค้านการฝากขังให้ผู้ต้องหาฟังแล้ว

โดยพิเคราะห์พยานหลักฐานในชั้นไต่สวนคำร้องและข้อคัดค้านแล้วเห็นว่าตามประมวลกฎหมายวิธีความอาญามาตรา 78ได้วางหลักเกณฑ์การควบคุมตัวไว้เป็นขั้นเป็นตอนเพื่อคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชนเมื่อคดีนี้พนักงานสอบสวนรับตัวผู้ต้องหาวันที่ 7 ส.ค. 2563 เวลา 16.00 น.ต่อมานำตัวผู้ต้องหาและคำร้องมายื่นต่อศาลอาญาในวันเดียวกันเมื่อเวลา 16.45 น.ศาลไต่สวนแล้วมีคำสั่งว่าผู้ร้องยื่นคำร้องขอฝากขังพ้นกำหนดเวลาราชการจึงมีคำสั่งคืนคำร้องและให้รับตัวผู้ต้องหาคืนและให้ยื่นคำร้องภายใน 48 ชั่วโมงตามกฎหมายวันนี้พนักงานสอบสวนนำตัวผู้ต้องมายื่นคำร้องขอฝากขังเวลา 08.52 น.ยังอยู่ในระยะเวลาที่พนักงานสอบสวนสามารถควบคุมตัวผู้ต้องหาได้ตาม ป.วิฯ อาญา มาตรา 87 วรรคสามจึงมิใช่เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำ

ส่วนที่ผู้ต้องหาคัดค้านว่าผู้ต้องหามีถิ่นที่อยู่และประกอบอาชีพเป็นหลักแหล่ง คดีนี้เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับซึ่งมีข้อหาอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกิน 3 ปีซึ่งตามกฎหมายเมื่อเป็นกรณีที่ผู้ต้องหาไม่ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวและมีเหตุจำเป็นเพื่อการสอบสวนพนักงานสอบสวนชอบที่จะยื่นคำร้องต่อศาลขอให้ออกหมายขังได้ โดยที่พนักงานสอบสวนอ้างเหตุขออนุญาตฝากขังว่าการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ต้องสอบสวนพยานเพิ่มเติมอีกจำนวน 6 ปาก และรอผลการตรวจพิสูจน์ลายพิมพ์นิ้วมือและผลการตรวจประวัติการต้องโทษ ดังนั้นพนักงานสอบสวนจึงมีอำนาจขอสอบสวนพยานดังกล่าวได้เมื่อเป็นการร้องฝากขังครั้งที่ 1 ซึ่งพนักงานสอบสวนมีเวลาสอบสวนเพียง 48 ชั่วโมง กรณีจึงมีเหตุจำเป็นเพื่อทำการสอบสวนต่อไป ส่วนข้อคัดค้านอื่นไม่มีน้ำหนักให้รับฟังจึงอนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหาตามคำร้อง

ภายหลังนายคารม พลพรกลาง และนายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล 2 ส.ส.พรรคก้าวไกล ได้ใช้ตำแหน่ง ส.ส.ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว นายอานนท์ และนายภาณุพงศ์ ผู้ต้องหาซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล

นายอานนท์ นำภา ทนายความและแกนนำม็อบปลดแอก (แฟ้มภาพ)
กำลังโหลดความคิดเห็น