MGR Online - ตำรวจ ปส.จับผู้ต้องเครือข่ายยาเสพติด ยึดยาบ้าเกือบ 1.5 ล้านเม็ด กัญชา 2.4 กก. เคตามีนอีก 6 กก. มูลค่ารวมยึดทรัพย์ 198 ล้านบาท
วันนี้ (7 ก.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พล.ต.ท.วิสนุ ปราสาททองโอสถ ผู้ช่วย ผบ.ตร. พร้อม พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผบช.ปส. พล.ต.ต.พรชัย เจริญวงศ์ รอง ผบช.ปส. พล.ต.ต.วัชระ ทิพย์มงคล ผบก.ปส.3 พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผบก.ขส. และ พ.ต.อ.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รอง ผบก.ปส.3 แถลงผลการจับกุมและสกัดกั้นผู้ค้ายาเสพติด ยึดของกลางยาบ้า 1,486,000 เม็ด กัญชา 2,400 กิโลกรัม เคตามีน 6 กิโลกรัม รวมมูลค่าของกลางและทรัพย์สินที่ตรวจยึด จำนวน 198 ล้านบาท
คดีที่ 1 จับกุมนายพีรพัฒน์ ชัยสุนทร อายุ 24 ปี น.ส.จริยา นิยมเพ็ง อายุ 24 ปี ของกลางกัญชาอัดแท่ง 400 กก. รถตู้ฮุนได เอช 1 สีน้ำเงิน ในข้อหาร่วมกันกับพวกที่หลบหนีมีกัญชาไว้ครอบครองเพื่อจำหน่ายฯ จับกุมได้ที่ถนนนิตโย หน้าไปรษณีย์สว่างแดนดิน จ.สกลนคร หลังชุดจับกุมสืบทราบข่าวว่าจะมีขบวนการลอบลำเลียงยาเสพติดจากนายทุนผู้ค้าผ่านชายแดน จ.นครพนม มาส่งให้ลูกค้าในพื้นที่กรุงเทพฯ ก่อนวางแผนสกัดรถต้องสงสัยได้ เมื่อตรวจค้นพบกัญชาซุกซ่อนในกระสอบที่ห้องโดยสารรถตู้ จึงคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนขยายผลจับกุมต่อไป
ส่วนคดีที่ 2 จับกุมนายทรงกลด ศรีหะรัญ อายุ 40 ปี นายชัยศรี คงอักษร อายุ 63 ปี และ น.ส.รัชนก บุญทา อายุ 36 ปีพร้อมของกลางยาบ้า 1.4 ล้านเม็ด และรถยนต์กระบะอีซูซุ ในข้อหาร่วมกันกับพวกที่หลบหนีมียาบ้าไว้ครอบครองเพื่อจำหน่าย จับกุมได้ที่หน้าซอยทางเข้าหมู่บ้านแม่ปะดอย อ.เถิน จ.ลำปาง หลังสืบสวนขยายผลการจับกุมเครือข่ายยาเสพติดได้เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ยึดของกลางยาบ้ากว่า 4 ล้านเม็ด ยังพบว่ามีกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่ภาคกลางซึ่งเกี่ยวข้องกับเครือข่ายที่ถูกจับไปแล้ว ได้ลำเลียงยาเสพติดโดยใช้รถเก๋ง 2 คัน กับรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุของกลาง เดินทางจากพื้นที่ภาคกลางขึ้นมาทางภาคเหนือ และขับตามกันขึ้นไปถึง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ พื้นที่รับยาเสพติดแล้วเดินทางกลับลงมา เมื่อรถยนต์กระบะดังกล่าวขับไปถึงด่านตรวจวังดิน อ.ลี้ จ.ลำพูน ชุดจับกุมจึงเรียกตรวจรถยนต์กระบะดังกล่าว แต่ไม่ยอมหยุดรถและขับเบียดรถยนต์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วหลบหนีไปได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงจัดกำลังค้นหาก่อนพบว่ารถไปจอดซุกซ่อนอยู่ในซอยเข้าหมู่บ้านแม่ปะดอย อ.เถิน จ.ลำปาง จึงจัดกำลังซุ่มเฝ้าดู ก่อนจะพบรถยนต์เก๋งสีขาว ยี่ห้อโตโยต้า ยาริส ขับมาจอด มีนายทรงกลดเป็นคนขับ และนายชัยศรีนั่งมาด้วย ส่วน น.ส.รัชนกลงไปเปิดรถกระบะ ชุดจับกุมจึงคุมตัวผู้ต้องหาได้ทั้งหมด เมื่อตรวจค้นรถยนต์กระบะพบยาบ้าของกลางกว่า 1.4 ล้านเม็ด ซุกซ่อนอยู่ใต้ที่นอนเก่าและสุ่มไก่เหล็กในกระบะ
สอบสวนผู้ต้องหารับว่า ได้รับคำสั่งจากนายอิฐ ที่ร่วมกันทำธุรกิจรับถมที่ดิน ตั้งไลน์กลุ่มชื่อ “ทีมงานคนใต้นิ” และนายอิฐ สั่งให้ผู้ต้องหาทั้งสามมานำรถกระบะของกลางดังกล่าวออกไป โดยให้ไปเอากุญแจรถที่ซ่อนไว้ในช่องของฐานรองแผ่นโต๊ะหินอ่อนที่ตั้งอยู่บริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อที่สามแยกดอนไชย อ.เถิน จ.ลำปาง ต่อมาชุดจับกุมขยายผลตรวจค้นบ้านพักของผู้ต้องหาทั้งสามคน ยึดทรัพย์สินไว้ตาม พ.ร.บ.มาตรการฯ ได้เป็นบ้านพร้อมที่ดิน 2 หลัง และโฉนดที่ดินอีกหลายรายการ มูลค่าประมาณ 18 ล้านบาท, รถยนต์ 1 คัน 5 แสนบาท และอายัดเงินในบัญชี 3,705,232 บาท รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ตรวจยึด ประมาณ 22,205,232 บาท
ส่วนคดีที่ 3 จับกุมนายมงคล ชนธนาศิลป์ อายุ 31 ปี นายธนบดี ยะคะเสม อายุ 48 ปี น.ส.บุษยาภรณ์ รังวิจี อายุ 36 ปีนายนิโรจน์ มิ่งขวัญ อายุ 35 ปี นายบุญพร้อม หลักหนองบุ อายุ 30 ปี และ น.ส.ภัทรชา ทวีวัน อายุ 38 ปี พร้อมของกลางกัญชา 2,000 กิโลกรัม เคตามีน 6 กิโลกรัม รถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า ในข้อหาร่วมกันกับพวกที่หลบหนีมีกัญชาไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายฯ จับกุมได้ริมถนนสายหนองหาน-กุมภวาปี หมู่ 4 ต.หนองไผ่ อ.หนองหานจ.อุดรธานี ต่อเนื่องริมถนน หมู่ 7 ต.บ้านจืด อ.กู่แก้ว จ.อุดรธานี และพื้นที่หมู่ 5 ต.คอนสาย อ.กู่แก้ว จ.อุดรธานี หลังได้รับแจ้งว่ามีกลุ่มลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ตามแนวชายแดน จ.บึงกาฬ นำมาส่งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยจะใช้รถยนต์หลายคัน ชุดจับกุมจึงเฝ้าสังเกตการณ์ตามเส้นทางถนนระหว่าง อ.เซกา จ.บึงกาฬ และ อ.อากาศอำนวย จ.สกลนคร พบรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า มีตู้ทึบฝาปิดท้ายกระบะ และรถยนต์ยี่ห้อมาสด้า กับรถยนต์โตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ ขับตามกันมาโดยทิ้งช่วงห่างเป็นระยะ ชุดจับกุมจึงสะกดรอยติดตาม กระทั่งมาถึงบริเวณถนนสาย อ.หนองหาน จ.อุดรธานี ชุดจับกุมจึงแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจขอตรวจค้นรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า มีนายมงคลเป็นคนขับ พบกัญชาแห้งอัดแท่ง ภายในซุกซ่อนเคตามีนวางอยู่ในกระบะหลัง จึงติดตามรถยนต์ยี่ห้อมาสด้า และรถยนต์โตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ ซึ่งเป็นรถนำและดูต้นทางให้กับรถลำเลียงยาเสพติด ตรวจค้นรถยนต์ทั้ง 2 คันไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย จึงจับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนขยายผลดำเนินคดีตามกฎหมาย ก่อนตรวจยึดรถยนต์ 21 คัน รวมมูลค่านับสิบล้านบาท รวมถึงที่ดิน 7 ไร่ ใน อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ที่ตรวจพบเครื่องอัดแท่งกัญชา ซึ่งการสืบสวนพบว่าเป็นเพียงการย่อขนาดกัญชาให้เล็กลง ผู้ต้องหาไม่ได้ผลิตเองแต่นำกัญชาเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้าน