MGR Online - “เลขาธิการ ป.ป.ส.” พบใบกระท่อมลักลอบนำเข้าจากประเทศมาเลเซีย เพราะภาคใต้หายากขึ้น-เตือนเสพ 4 คูณ 100 ผสมยาแก้ไอ ทำลายสมอง อาจถึงตายได้
วันนี้ (15 พ.ค.) นายนิยม เติมศรีสุข เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เปิดเผยว่า ขณะนี้พบปัญหาการลักลอบนำเข้าใบกระท่อมจากประเทศมาเลเซียอย่างต่อเนื่อง และมีปริมาณมากในแต่ละครั้ง เดือน พ.ค. 63 สกัดจับไปแล้ว 5 ครั้ง ยึดใบกระท่อม 2.5 ตัน ล่าสุด เมื่อวันที่ 11 พ.ค. เจ้าหน้าที่สามารถสกัดจับได้มากถึง 1.5 ตัน ขณะกลุ่มขบวนการขนเข้ามาซุกซ่อนไว้บริเวณป่าแนวชายแดน ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา โดยในรอบ 6 เดือนมานี้ ยึดได้บริเวณชายแดนไทย-มาเลเซีย มากถึง 10.7 ตัน มากกว่าห้วงเวลาเดียวกันก่อนหน้านี้เกือบ 500 กิโลกรัม ส่วนใหญ่ตรวจยึดได้บริเวณแนวชายแดนของ จ.สงขลา และ จ.สตูล
นายนิยม กล่าวว่า ความพยายามลักลอบลำเลียงใบกระท่อมเข้าประเทศจำนวนมากอย่างต่อเนื่องในขณะนี้ เป็นผลมาจากมาตรการปราบปรามตัดฟันทำลายอย่างต่อเนื่องตลอดห้วงเวลาที่ผ่านมา ทำให้ใบกระท่อมที่จะถูกนำไปแปรสภาพเป็นน้ำกระท่อม 4 คูณ 100 ในพื้นที่ภาคใต้ของไทย เริ่มหายากและมีราคาสูงขึ้น กลุ่มการค้าจึงจัดหาจากพื้นที่อื่นของประเทศ และส่วนใหญ่จะถูกลักลอบนำเข้าจากประเทศมาเลเซีย กระจายจำหน่ายในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ของไทย จากข้อมูลพบว่า พื้นที่แพร่ระบาดของกระท่อมสะท้อนจากคดีจับกุมและจำนวนผู้เข้าบำบัด พบว่า อยู่ใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้มากที่สุด ทั้ง นราธิวาส สงขลา ปัตตานี ยะลา และ สตูล
นายนิยม กล่าวอีกว่า ปัญหาการแพร่ระบาดภาพรวมทั้งประเทศยังน่าเป็นห่วง เนื่องจากพบแนวโน้มว่าเด็กและเยาวชนจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับกระท่อมมากขึ้น ในลักษณะการมั่วสุมเสพน้ำกระท่อม 4 คูณ 100 มีทั้งที่เสพเป็นประจำอยู่ก่อนแล้ว หรือเป็นผู้เสพรายใหม่ที่หันมาเสพน้ำกระท่อมแทนยาเสพติดชนิดอื่น หรือแทนการดื่มสุรา ขณะนี้พบข้อมูลทางวิชาการว่า การเสพน้ำต้มกระท่อมผสมวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท (4 คูณ 100) เช่น ยาแก้ไอ กลุ่มยาแก้ปวด ยานอนหลับ เป็นต้น จะเป็นอันตรายอย่างยิ่ง เนื่องจากสารไมทราไจนีน ในใบกระท่อม จะไปกระตุ้นเสริมฤทธิ์ของยาชนิดนั้นๆ ให้ออกฤทธิ์เร็วและรุนแรงมากขึ้น ทั้งนี้ การเสพน้ำต้มกระท่อม 4 คูณ 100 ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน ซึ่งจะนำไปสู่ภาวะสมองติดยา และหากเสพน้ำต้มกระท่อมที่มีส่วนผสมกลุ่มยานอนหลับ หรือยาแก้ปวดที่มีฤทธิ์กดประสาทในปริมาณเกินขนาดจะมีผลข้างเคียงทำให้เกิดอาการชักเกร็ง หมดสติ และอาจเสียชีวิตได้ หรือหากไม่เสียชีวิต แต่ระบบสมองและประสาทส่วนกลางได้ถูกทำลายลงอย่างถาวร
“พืชกระท่อมยังคงเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 การผลิต นำเข้า ส่งออก ครอบครอง และเสพยังผิดกฎหมาย ในส่วนนโยบายการปรับพืชกระท่อมออกจากยาเสพติด เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ และพัฒนาเป็นพืชเศรษฐกิจรวมถึงการผ่อนปรนให้ผู้ใช้พืชกระท่อมในชีวิตประจำวันตามวิถีชาวบ้านสามารถทำได้ แต่ไม่ได้หมายถึงการให้ใช้อย่างเสรี หรือใช้ในทางที่ผิด เช่น การเสพน้ำต้มพืชกระท่อม 4 คูณ 100 ฉะนั้น การปรับกระท่อมออกจากยาเสพติดให้โทษต้องดำเนินการอย่างรอบคอบ จึงขอประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชนได้เข้าใจในเจตนารมณ์ เพราะแม้พืชกระท่อมจะมีประโยชน์ แต่ก็มีโทษหากนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์” เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าว
นายนิยม กล่าวเพิ่มเติมว่า การปรับแก้กฎหมายปรับพืชกระท่อมดังกล่าว จึงไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้มีการใช้หรือเสพพืชกระท่อมอย่างเสรี แต่ต้องมีการกำหนดกฎและเกณฑ์ในการกำกับดูแลอย่างรัดกุมด้วย ทั้งนี้ พี่น้องประชาชนสามารถเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหายาเสพติดได้ หากพบเห็นการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ สายด่วน ป.ป.ส. โทร. 1386 ตลอด 24 ชั่วโมง