MGR Online - “เลขาฯ ป.ป.ส.” แจงมีการลักลอบนำเข้ากระท่อม ปีละ 20-30 ตัน ส่งผู้เข้าบำบัดรักษานับพันคน ขณะนี้เร่งแก้กฎหมายเพื่อใช้ทางการแพทย์และพืชเศรษฐกิจ
วันนี้ (26 เม.ย.) นายนิยม เติมศรีสุข เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (เลขาธิการ ป.ป.ส.) กล่าวว่า นโยบายการปรับพืชกระท่อมออกจากยาเสพติดเป็นแนวคิดริเริ่มของ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่เห็นถึงประโยชน์จากสรรพคุณของพืชกระท่อมที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ได้ และนำไปพัฒนาเป็นพืชเศรษฐกิจได้ ประกอบกับเพื่อการผ่อนปรนให้ผู้ใช้พืชกระท่อมในชีวิตประจำวันตามวิถีชาวบ้านสามารถทำได้ ขณะนี้ร่าง พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่..) พ.ศ..... ซึ่งผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีแล้ว อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา จึงขอเรียนย้ำให้พี่น้องประชาชนทราบว่า พืชกระท่อมยังคงเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 การผลิต นำเข้า ส่งออก ครอบครอง และเสพยังผิดกฎหมาย
นายนิยม กล่าวอีกว่า ปัจจุบันหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายยังคงจับยึดพืชกระท่อมอยู่อย่างต่อเนื่อง เช่น ล่าสุด เมื่อวันที่ 22 เม.ย. 63 ฝ่ายปกครองร่วมกับทหารได้ยึดพืชกระท่อม 603 กก. ในรถกระบะจอดทิ้งไว้ในสวนยางพาราพื้นที่บ้านนา หมู่ 5 ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา ชายแดนไทย-มาเลเซีย ทั้งนี้ ตั้งแต่มีการปิดชายแดนของทั้งสองประเทศ ตั้งแต่ปลายเดือน มี.ค. 63 มีรายงานการจับยึดพืชกระท่อมที่ลักลอบนำเข้าจากมาเลเซียถึง 10 ครั้ง รวม 2,394 กก. ส่วนใหญ่เป็นการจับยึดได้ในพื้นที่ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา ซึ่งจากภาพรวมพบการลักลอบนำพืชกระท่อมเข้าในปีงบประมาณ 2562 รวม 30,915 กก. ส่วนปีงบประมาณ 2563 (ต.ค. 62 - มี.ค. 63) เพียง 6 เดือน สูงถึง 21,809 กก.
“สำหรับการจับผู้กระทำผิดเกี่ยวกับพืชกระท่อม พบว่า ในปีงบประมาณ 2562 มีผู้ถูกจับในคดีพืชกระท่อม 16,663 คน ร้อยละ 4.32 ของผู้ถูกจับในคดียาเสพติดทั้งหมด นอกจากนี้ พบว่า มีผู้บำบัดรักษาจากการเสพพืชกระท่อม 5,252 คน ร้อยละ 2.25 ของผู้เข้าบำบัดรักษายาเสพติดทั้งหมด และในจำนวนนี้ มีอาการทางจิต 526 คน หรือทุก 100 คน จะมีอาการทางจิต 10 คน เกิดจากการดื่ม 4 คูณ 100 น้ำต้มพืชกระท่อมผสมยาแก้ไอ หรือยาเสพติด หรือวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท จำนวนมาก ต่อเนื่องและยาวนาน ซึ่งแม้จะมีการปรับพืชกระท่อมออกจากยาเสพติดแล้วก็ตาม ก็ไม่สามารถเสพ หรือผสมปรุงแต่งพืชกระท่อมในลักษณะนี้ได้ แต่อย่างใด ถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย”
นายนิยม กล่าวต่อว่า ในทางวิชาการ พืชกระท่อมเป็นพืชถิ่น พบในบริเวณแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นพืชยืนต้นขนาดกลาง มีแก่นเป็นไม้เนื้อแข็ง สูงประมาณ 10-15 เมตร อยู่ในตระกูล Rubiaceae มีชื่ออื่นๆ เช่น ท่อม อีถ่าง กระทุ่มโคก กระทุ่มพาย ขึ้นได้ดีในประเทศเขตร้อนทั่วไป พืชกระท่อม มีสารมิตรากัยนีน (Mitragynine) มีฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง หากใช้ในปริมาณสูงมีฤทธิ์กดระบบประสาท ในทางการแพทย์แผนไทยและหมอพื้นบ้านใช้เป็นสูตรตำรับยา มีสรรพคุณลดอาการปวดกล้ามเนื้อ แก้ปวด ลดไข้ ลดปริมาณน้ำตาลในเลือด ยับยั้งอาการท้องเสีย รักษาแผลในกระเพาะอาหาร เป็นต้น หากนำมาทำยาแก้ปวดจะมีผลข้างเคียงน้อยกว่าเมทาโดนและมอร์ฟีน แต่ถ้าหากรับประทานพืชกระท่อมติดต่อกันเป็นเวลานาน จะไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพและอาจเสพติดได้ ดังนั้น การปรับพืชกระท่อมออกจากยาเสพติดให้โทษ จึงมุ่งหวังที่จะใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์และการพัฒนาให้เป็นพืชเศรษฐกิจให้กับประเทศ และสามารถใช้ในรูปแบบการบริโภคตามวิถีชาวบ้านได้ ไม่ใช่เพื่อให้มีการเสพพืชกระท่อมกันอย่างเสรีโดยเฉพาะในรูปของ 4 คูณ 100
นายนิยม กล่าวตอนท้ายว่า ขอให้พี่น้องประชาชนได้เข้าใจเจตนาและความตั้งใจของรัฐบาลในการปรับนโยบายพืชเสพติดในครั้งนี้ เพราะเป็นปกติธรรมดาว่า แม้จะเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ แต่หากถูกนำไปใช้ในทางที่ผิดก็จะเกิดโทษได้ พืชกระท่อมก็เช่นเดียวกัน ต้องไม่ทำให้เด็กเยาวชนและบุตรหลานของเรานำพืชกระท่อมไปใช้ในทางที่ผิด ดังนั้น กระบวนการเปลี่ยนผ่านนี้ จึงต้องกระทำอย่างรอบคอบ เพื่อมิให้เกิดผลกระทบเชิงลบกับพี่น้องประชาชน และขอความร่วมมือ หากพบเห็นผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด แจ้งเบาะแสยาเสพติด ได้ที่ สายด่วน ป.ป.ส. โทร. 1386 ตลอด 24 ชั่วโมง