xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวลึกปมลับ : เปิด“กองทัพ”ถูกหั่นงบ กองสลาก-สสส.ยังไม่ขยับ

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



รายการ “ข่าวลึก ปมลับ” ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมือง และกระบวนการยุติธรรม วันอังคารที่ 28 เมษายน 2563 ตอน เปิด“กองทัพ”ถูกหั่นงบ กองสลาก-สสส.ยังไม่ขยับ

การหาเงินงบกลางสู้โควิด 19แต่ละกระทรวงกำลังกลับไปหั่นงบประมาณ เพื่อเกลี่ยมาช่วยประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนในช่วงไวรัสโควิด-19 ระบาด กองทัพบกที่ถูกเพ่งเล็งมากที่สุด ถูกกดดันจนผบ. ทบ. ต้องสั่งถอยโครงการ จัดซื้อรถยานเกราะสไตร์เกอร์ จำนวน 50 คัน ในวงเงิน 4.5 พันล้านบาท

สำหรับการตัดงบกองทัพนั้น ไม่ได้มีเฉพาะกองทัพบก แต่ทั้งกองทัพอากาศและกองทัพเรือ ต้องถอยโครงการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ที่สำคัญออกไปหลายโครงการเช่นกัน แต่ก็ยังถูกมองว่าน้อยไปอยู่ดี

เมื่อเปิดมติคณะรัฐมนตรี ที่ให้ความเห็นชอบผลการพิจารณาโอนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ซึ่งจะนำมาจัดทำร่างพ.ร.บ.โอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ. .... ในกรอบวงเงิน 100,395 ล้านบาท

พบว่า งบประมาณที่โอนมาเพื่อจัดทำเป็นร่างพ.ร.บ.โอนงบฯจะมาจาก 4 กลุ่ม ได้แก่ 1.งบประมาณรายจ่ายของหน่วยรับงบประมาณ วงเงิน 46,923 ล้านบาท 2.งบประมาณรายจ่ายบูรณาการ วงเงิน 14,236 ล้านบาท

3.งบประมาณรายจ่ายทุนหมุนเวียน วงเงิน 2,622 ล้านบาท และ4.งบประมาณรายจ่ายเพื่อการชำระหนี้ วงเงิน 36,612 ล้านบาท

ที่กระทรวงกลาโหม มีการปรับลดงบประมาณเพื่อนำมาจัดทำร่างพ.ร.บ.โอนงบฯมากที่สุด โดยมีการปรับลดงบรวม 17,760 ล้านบาท แบ่งเป็นรายจ่ายประจำ 2,792 ล้านบาท และรายจ่ายลงทุน 14,968 ล้านบาท

รองลงมาคือ กระทรวงมหาดไทย 4,924 ล้านบาท แบ่งเป็นรายจ่ายประจำ 165 ล้านบาท และรายจ่ายลงทุน 4,758 ล้านบาท

อันดับ 3 กะทรวงศึกษาธิการ 4,792 ล้านบาท แบ่งเป็นรายจ่ายประจำ 1,620 ล้านบาท และรายจ่ายลงทุน 3,172 ล้านบาท อันดับ 4 กระทรวงคมนาคม 3,453 ล้านบาท แบ่งเป็นรายจ่ายประจำ 159 ล้านบาท และรายจ่ายลงทุน 3,294 ล้านบาท

และอันดับ 5 จังหวัดและกลุ่มจังหวัด 2,537 ล้านบาท แบ่งเป็นรายจ่ายประจำ 1,760 ล้านบาท และรายจ่ายลงทุน 776 ล้านบาท

ส่วนกระทรวงสาธารณสุข ที่ก่อนหน้านี้มีรายงานข่าวว่า มีการตัดงบของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สำหรับกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ วงเงิน 2,400 ล้านบาท หรือ บัตรทอง

และและตัดงบกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา วงเงิน 200.54 ล้านบาท จนเกิดแรงกระเพื่อมหนักนั้น

จน นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ต้องออกมาดับกระแสร้อนแรงก่อนลุกลามบานปลาย กลายเป็นคลื่นแทรกระหว่างสู้ศึกไวรัสโควิด-19 ว่า

ในส่วนของงบบัตรทองนั้น เป็นการตัดงบประมาณ ในส่วนของเงินเดือนบุคคลากรสาธารณสุขที่เพิ่งได้รับการบรรจุใหม่ 45,684 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นไปตาม พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ

และการตัดงบประมาณส่วนนี้ไม่ได้กระทบต่องบบริการของ สปสช. ที่มีให้กับประชาชนแน่นอน เพราะหากไม่เพียงพอทาง สปสช. สามารถทำเรื่องเสนอของบประมาณสนับสนุนเพิ่มได้

เขื่อได้หรือไม่ ก็ต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ ที่หลังจากนี้ คนใช้บัตรทองจะถูกทอดทิ้งโดยอ้างเหตุไม่ทีเงินสนับสนุนหรือไม่

สำหรับ หน่วยงานที่ยังไม่มีข่าวว่า ตัดงบประมาณมาช่วยคนไทยที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ก็ทำให้นึกถึง สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือสสส. ทั้งที่องค์กรนี้ ชื่อและภารกิจก็บอกชัดเจนเกี่ยวกับสุขภาพ แต่ทำไมเงียบเหลือเกิน

ถ้าสสส. คิดจะคัดงบมาลงงบกลาง ก็จะทำได้ เพราะในแต่ละปี สสส. มีงบประมาณที่ได้จากภาษีบาป เหล้า เบียร์ และบุหรี่ ไม่ใช่น้อยใช่ ถึงเป็นเงินนอกงบประมาณ
แต่ก็สามารถจัดสรรมาสนับสนุนโครงการเกี่ยวกับ Covid ได้

เช่นตัวเลขปี งบประมาณ2561 สสส. เบิกจ่ายเกือบ 4 พันล้าน แต่คนได้รับทุนส่วนใหญ่คือ NGO และมูลนิธิต่างๆ กว่า 1,159 ล้าน ส่วนหน่วยงานสาธารณสุขและโรงพยาบาลได้เพียง 53 ล้านบาท เท่ากับNGO กับมูลนิธิ ได้ไป 35% ขณะที่ หน่วยงานสาธารณสุขได้แค่ 2 %

งบที่ส่งให้NGOไปใช้ในโครงการต่างๆ มากเป็นพันล้าน แต่ไม่ค่อยจะเห็นผลงานเป็นรูปธรรมออกมาเท่าไหร่ ปีนี้มีวิกฤติโควิด-19 สสส. ก็ควรจะมีการทบทวนงบกันใหม่ เอามาใช้แก้ปัญหาที่จำเป็นดีกว่า ถลุงไปในทางอื่น

เช่นเดียวกับหน่วนงานรัฐอย่าง กองสลาก หรือสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ที่มีเงินรายได้เหลือกองอยู่ในบัญชี คิดว่าจำนวนไม่น้อยแน่ แต่ยังไม่มีข่าวขยับ ว่าจะใจบุญสักเท่าไหร่


กำลังโหลดความคิดเห็น