ศาลอาญาเลื่อนตรวจหลักฐานแก๊ง “แชร์แม่มณี” คดีฉ้อโกงประชาชน 2,533 ราย มูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท ไปวันที่ 25 พ.ค.นี้ เนื่องจากเอกสารหลักฐานโจทก์มีจำนวนมาก ไม่สามารถดำเนินการได้ทัน
วันนี้ (9 มี.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ห้องพิจารณา 901 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดตรวจพยานหลักฐานคดีแชร์แม่มณี หมายเลขดำ อ.167/2563 ที่ พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง น.ส.วันทนีย์ หรือ เดียร์ อายุ 30 ปี ชาว จ.อุดรธานี เน็ตไอดอลชื่อดัง เจ้าของวงแชร์แม่มณีพร้อมพวกรวม 9 คน ในความผิดฐานร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ตาม พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ และให้จำเลยที่ 1-9 ร่วมกันชดใช้เงินคืนแก่ผู้เสียหายทั้ง 2,533 ราย รวม 1,376,215,359.74 บาท ซึ่งจำเลยที่ 1-9 ให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา ขอต่อสู้คดี
อัยการยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 24 ม.ค. 2563 ระบุพฤติการณ์สรุปว่า ระหว่างวันที่ 1 มี.ค.- 30 ต.ค. 2562 น.ส.วันทนีย์ หรือ เดียร์ เจ้าของวงแชร์แม่มณี จำเลยที่ 1 และพวกได้โพสต์เฟซบุ๊กประกาศให้ประชาชนทั่วไปมาร่วมออมเงิน หรือร่วมลงทุนกับจำเลยที่ 1 โดยอ้างว่าจะได้ผลตอบแทนมากกว่าปกติเป็นพิเศษ ซึ่งมีแผนการตลาดหรือรูปแบบการลงทุน จัดแบ่งออกเป็นวงแชร์ การลงทุนวงละ 1,000 บาท จะได้รับผลตอบแทน 930 บาทต่อวง เมื่อครบกำหนด 1 เดือนนับแต่วันที่ลงทุน หรือวันที่ฝากเงินมายังบัญชีที่พวกจำเลยแจ้ง ผู้ลงทุนจะได้รับเงินที่ลงทุนพร้อมผลตอบแทนกลับไปจำนวนวงแชร์ละ 1,930 บาท
ต่อมาจำเลยได้เปลี่ยนเป็นการลงทุนระยะสั้นโดยลงทุน 400 บาท ได้รับผลตอบแทน 100 บาท เมื่อครบกำหนด 7 วันจะได้รับคืนเป็นเงิน 500 บาท, ลงทุน 400 บาทได้รับผลตอบแทน 150 บาท เมื่อครบกำหนด 12 วัน จะได้รับคืนเป็นเงิน 500 บาท, ลงทุน 150 บาท ได้รับผลตอบแทน 150 บาท เมื่อครบกำหนด 12 วัน จะได้รับคืนเป็นเงิน 300 บาท, ลงทุน 150 บาทได้รับผลตอบแทน 150 บาท เมื่อครบกำหนด 13 วันจะได้รับคืนเป็นเงิน 300 บาท โดยข้อความดังกล่าวล้วนเป็นความเท็จ เพราะความจริงแล้วจำเลยไม่ได้จัดให้มีการออมเงิน หรือร่วมลงทุนโดยได้รับผลตอบแทนมากกว่าปกติดังกล่าวแต่อย่างใด เพียงแต่เป็นอุบายให้ได้มาซึ่งทรัพย์สินเงินทองจากประชาชนผู้ถูกหลอกลวงเท่านั้น โดยมีผู้เสียหายรวม 2,533 ราย
ภายหลังกระทำความผิดแล้ว จำเลยทั้ง 9 คนได้ร่วมกันฉ้อโกงหลอกลวงประชาชนทั่วไปด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงฯ และร่วมกันหลอกลวงประชาชนโดยโฆษณาหรือประกาศฯ ให้ประชาชนทั่วไปมาร่วมออมเงินหรือร่วมลงทุนกับจำเลยทั้งหมด โดยอ้างจะได้ผลตอบแทนมากกว่าปกติเป็นพิเศษดังกล่าว ซึ่งแผนการตลาดหรือการลงทุนแต่ละแผนที่จำเลยทั้งหมดอ้างจะจ่ายหรืออาจจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนให้ตั้งแต่อัตราร้อยละ 1,116-3,040.45 ต่อปีนั้นสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่สถาบันการเงินตามกฎหมายจะพึงจ่ายได้ อันเป็นความเท็จ ทั้งที่ความจริงแล้วพวกจำเลยทั้งไม่สามารถจ่ายผลประโยชน์ในอัตราดังกล่าวให้แก่ผู้ลงทุนได้
โดยพวกจำเลยจะนำเงินที่ได้จากผู้ร่วมลงทุนรายใหม่ มาจ่ายเป็นผลประโยชน์หมุนเวียนให้แก่ผู้ให้กู้ยืม หรือผู้ร่วมลงทุนรายก่อน แล้วเมื่อไม่มีผู้ให้กู้ยืมหรือผู้ร่วมลงทุนเพิ่ม ก็ไม่สามารถได้รับผลตอบแทนและเงินร่วมลงทุนกลับคืน ซึ่งการกระทำของจำเลยทำให้มีผู้เสียหายหลงเชื่อจ่ายเงินให้กับพวกจำเลยทั้ง9 ไปรวมทั้งสิ้น 1,376,215,359.74 บาท
ในวันนี้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้เบิกตัวจำเลยทั้ง 9 คน จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และทัณฑสถานหญิงกลาง มาเพื่อตรวจพยานหลักฐาน โดยมีญาติและบุคคลใกล้ชิดจำเลยต่างมารอให้กำลังใจจำนวนหนึ่ง ขณะที่อัยการโจทก์และทนายความจำเลยมาศาล
อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงเวลานัด ปรากฏว่า พนักงานอัยการโจทก์ได้แถลงต่อศาลว่า เนื่องจากคดีนี้มีพยานหลักฐานเป็นเอกสารจำนวนมาก จึงไม่สามารถนำเอกสารหลักฐานทั้งหมดมาให้จำเลยและทนายความจำเลยตรวจสอบหลักฐานได้ จึงขอเลื่อนนัดออกไปก่อน ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นควรอนุญาตให้เลื่อนนัดตรวจพยานหลักฐานโจทก์และจำเลยอีกครั้ง ในวันที่ 25 พ.ค.นี้ เวลา 09.30 น.