xs
xsm
sm
md
lg

ตร.เตรียมบ้านพักสวัสดิการ-ตชด.รองรับผู้ต้องสงสัยติดเชื้อ “โควิด-19”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



MGR Online - ตร.แถลงภาพรวมมาตรการป้องกัน โควิด-19 เตรียมพื้นที่บ้านพักสวัสดิการตำรวจ-บก.ตชด.รองรับผู้ต้องสงสัยติดเชื้อ เชื่อมาตรการทางสังคมจะช่วยให้ผู้ที่เดินทางกลับจากประเทศกลุ่มเสี่ยง แต่ไม่ยอมกักตัว ตระเวนโพสต์ภาพตามร้านอาหาร มีความรับผิดชอบมากขึ้น

วันนี้ (6 มี.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.วิฑูรย์ นิติวรางกูร นายแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุรชัย เจ็ดพี่น้องร่วมใจ ผู้บังคับการกองสวัสดิการ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. และ พ.ต.อ.เชิงรณ ริมผดี รอง ผบก.ตม.2 ร่วมกันแถลงมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

พล.ต.ท.วิฑูรย์กล่าวว่า รพ.ตำรวจ มีหน้าที่หลักในการคัดกรองผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงออกจากคนปกติ เพื่อไม่ให้มีการแพร่กระจายโรคไปมากกว่านี้ โดยจะมีการคัดกรองทุกตึกที่คนไข้เดินทางเข้า ตั้งแต่การวัดไข้และซักประวัติว่าเดินทางมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยงหรือไม่ หากพบว่ามีไข้และเป็นกลุ่มเสี่ยงก็จะมีการแจกหน้ากากอนามัย และแยกตัวเข้าสู่ห้องแยกโรคเพื่อเก็บเสมหะไปตรวจว่ามีเชื้อหรือไม่ หากพบเชื้อโควิด-19 ก็จะแยกตัวไปยังห้องความดันลบ เพื่อทำการรักษา

“ที่ผ่านมาโรงพยาบาลตำรวจมีกลุ่มเสี่ยงที่เข้ามารับการตรวจโรคโควิด-19 จำนวน 31 คน พบว่ามีเพียง 1 ที่มีผลเป็นบวก เป็นชาวจีนที่เดินทางมาจากอู่ฮั่น แต่เบื้องต้นได้รับการรักษาจนหายและสามารถกลับบ้านได้แล้ว ตอนนี้ตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อก็สามารถควบคุมกลุ่มคนเสี่ยงที่เดินทางเข้ามาได้ในระดับหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยว หรือคนไทยที่ไปเป็นแรงงานเถื่อนกลับมา แต่การดำเนินการตรวจสอบอยู่ในอำนาจหน้าที่ของกระทรวงสาธารณสุขในการดำเนินการบังคับใช้กฎหมาย” นายแพทย์ใหญ่กล่าว

พล.ต.ท.วิฑูรย์กล่าวว่า ส่วนเจ้าหน้าที่ของ รพ.ตำรวจ ณ ปัจจุบันยังไม่มีใครติดโรคโควิด-19 ถือว่าการคัดกรองของ รพ.ตำรวจ ยังสามารถควบคุมได้อยู่ แต่ก็มีการวางแผนในอนาคตหากการระบาดเข้าสู่ระยะที่ 3 จะต้องมีการแยกตึก ซึ่งไม่เชื่อมต่อกับอาคารใด มีการควบคุมการเข้าออก รวมถึงระบบป้องกันการกระจายของโรคโควิด-19

ด้าน พ.ต.อ.เชิงรณ ริมผดี กล่าวว่า ทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองมีภารกิจหลักในการสนับสนุนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อคัดกรองบุคคลที่เดินทางเข้าประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศที่เป็นเขตโรคติดต่ออันตรายตามประกาศในราชกิจจานุเบกษา 4 ประเทศ คือ จีน เกาหลี อิตาลี และอิหร่าน ซึ่งมีทั้งมาตรการป้องกันตั้งแต่การตรวจสอบที่นั่งบนเครื่องบิน จัดกลุ่มที่นั่งสำหรับคนที่เป็นกลุ่มเสี่ยง ทั้งนี้ คนที่เดินทางเข้าประเทศมามี 2 กลุ่ม กลุ่มแรก คือ Overstay หรือผีน้อย ต้องเข้าสู่กระบวนการซักประวัติ และหากพบว่าไม่มีอาการป่วยไข้ก็จะปล่อยตัวกลับภูมิลำเนา แต่จะติดตามต่ออีกเป็นเวลา 14 วัน กลุ่มที่ 2 คือ กลุ่มอื่นๆ ทั้งนักท่องเที่ยวทั่วไป และคนไทย โดยคุมเข้มชาวต่างชาติให้กรอกข้อมูลที่พักโดยละเอียด พร้อมหมายเลขโทรศัพท์ที่ติดต่อได้

“หากคนที่เดินทางเข้ามาแล้วมีไข้ หรือมีอาการต้องสงสัยภายหลังเดินทางเข้ามาแล้วก็จะมีการติดตามไปตรวจสอบ ทั้งบุคคลใกล้ชิด และคนที่นั่งใกล้กับผู้ที่ต้องสงสัยว่าติดเชื้อ 2 แถวหน้า-หลัง เพื่อไปตามตัวมาตรวจสอบ รวมถึงตามด่านตรวจ ก็จะมีมาตรการรองรับทั้งเตรียมหน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ และถุงมือ เพื่อป้องกันไม่ให้มีการแพร่กระจายของเชื้อโรค มีการเช็ดอุปกรณ์เครื่องมือทุก 10 นาที และฝากไปถึงประชาชน ผู้ประกอบการสถานที่ท่องเที่ยวและโรงแรม ให้ช่วยเฝ้าระวังสอดส่องด้วย” รองโฆษก สตม.ระบุ

ส่วนกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าจะประสานขอความร่วมมือให้ทางการเกาหลีใต้กักตัวผู้ที่ Overstay เป็นเวลา 14 วันก่อนเดินทางกลับได้หรือไม่นั้น พ.ต.อ.เชิงรณกล่าวว่า ตรงนี้ขึ้นอยู่กับมาตรการของประเทศต้นทาง แต่ทั้งนี้ก็ได้ขอความร่วมมือคนไทยที่จะเดินทางกลับประเทศ ให้กักตัวเองก่อนเดินทางเป็นเวลา 14 วัน และจะให้สถานทูตออกหนังสือรับรองก่อนเดินทางกลับ นอกจากนี้ยังให้สายการบินช่วยคัดกรองผู้โดยสารที่จะขึ้นเครื่องบินด้วย เพราะหากพบภายหลังว่าผู้ที่เดินมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยงมีอาการป่วย สายการบินจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการรักษา

พล.ต.ต.สุรชัย เจ็ดพี่น้องร่วมใจ กล่าวว่า ทางกองสวัสดิการ ตร.มีการจัดบ้านพักสวัสดิการตำรวจบางละมุง จ.ชลบุรี อาคาร 3 ชั้น 80 ห้อง เตรียมการไว้รองรับกรณีมีกลุ่มเสี่ยงของเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือสามารถปรับเปลี่ยนไปรองรับประชาชนที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ

พ.ต.อ.กฤษณะกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจมีการเตรียมมาตรการและสถานที่รองรับเพิ่มเติม คือ กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนในแต่ละจังหวัด ซึ่งอยู่ระหว่างการประสานงานเพื่อเตรียมพร้อมรองรับผู้ป่วยโควิด-19 หากมีความจำเป็น

“ขอฝากไปถึงผู้ที่เดินทางกลับมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง อย่างเช่นหญิงสาวที่โพสต์ทางโซเชียลมีเดียว่าไปกินอาหารในที่สาธารณะใน จ.เชียงใหม่ ว่ามันเป็นเรื่องจิตใต้สำนึก ขอให้มีความรับผิดชอบต่อสังคม ในการกักตัวเองเป็นเวลา 14 วัน และป้องกันตัวเองด้วยการใส่หน้ากากอนามัย เพราะเชื่อว่าคนที่เป็นกลุ่มเสี่ยงก็รู้ตัวอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าประเทศไทยจะยังไม่มีมาตรการที่ชัดเจนในให้บุคคลที่เดินทางมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยงกักตัวเอง แต่เชื่อว่ามาตรการทางสังคมอาจจะทำให้บุคคลกลุ่มนี้มีความรับผิดชอบมากขึ้น” รองโฆษก ตร.กล่าว และว่าที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานมาโดยตลอด ทั้งการตรวจคัดกรองคนเข้า และจับกุมผู้ที่ขายหน้ากากอนามัยเกินราคา โดยขณะนี้มีการจับกุมไปแล้วกว่า 50 ราย ส่วนใหญ่พบว่าจำหน่ายเกินราคาซึ่งยังมีการสืบสวนและจับกุมอยู่เรื่อยๆ โดยร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ และกรมการค้าภายใน ซึ่งในการจับกุมยังรวมไปถึงผู้ที่กักตุนสินค้าและปล่อยขายในเฟซบุ๊ก
กำลังโหลดความคิดเห็น