รายการ “ข่าวลึก ปมลับ” ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมือง และกระบวนการยุติธรรม วันอังคารที่ 3 มีนาคม 2563 ตอน แฟลชม็อบพรึ่บขยายวง ดับไฟแต่ต้นลมก่อนวายวอด
การเมืองร้อนๆข้างนอกสภาฯ กับการปรากฏตัวและขยายวงของแฟลชม็อบ เป็นดาวกระจายจัดชุมนุมไล่ บิ๊กตู่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม มีข้อเรียกร้องให้ยุบสภา และแก้รัฐธรรมนูญ
ภาพรวม ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่มีการเคลื่อนไหวของนักเรียน นักศึกษา ทั้งของรัฐและเอกชน มีคนหนุ่มสาวเข้าตั้งแต่หลักสิบจนถึงพันคน ซึ่งจับสัญญาณได้ว่า ตอนนี้กลุ่มคนรุ่นใหม่ เห็นด้วยกับแนวทางการเคลื่อนไหว
และเป็นไปได้ที่ ในอนาคต แนวร่วมจะขยายวงมากขึ้นในกลุ่มนักเรียน นิสิตนักศึกษา การยกระดับการชุมนุมเป็นชุมนุมใหญ่ก็จะติดตามมา
ปรากฏการณ์แฟลชม็อบ สะท้อนการตื่นตัวต่อสภาพสังคม เศรษฐกิจ การเมือง ของนักเรียน นิสิตนักศึกษา ไม่ใช่แค่วัยรุ่นทำตัวชิลๆไปวันๆ ที่ไม่อินังขังขอบอะไรกับบ้านเมือง เป็นพวกบริโภคนิยม หรือเป็นพวกติดโทรศัพท์มือถือ เสพโซเชียลมีเดียอย่างไร้ความคิด
ไม่ใช่ อย่างที่ผู้ใหญ่มองกันว่าวัยรุ่นสมัยนี้ เอาแต่บริโภคนิยม ดังนั้นกับความตื่นตัวของคนรุ่นใหม่เยาวชนคนหนุ่มสาวที่สนใจเรื่องบ้านเรื่องเมือง ขึ้นมาแล้ว ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองก็ไม่ควรดูหมิ่นดูแคลนพลังของคนหนุ่มสาว
จากปรากฎการณ์แฟลชม็อบในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ประมวล ข้อเรียกร้อง แนวทางเคลื่อนไหวได้ว่า มีหลักๆ ก็คือ ต่อต้าน ไม่ยอมรับในตัวพลเอกประยุทธ์ ด้วยเหตุผลว่า เป็นรัฐบาลและนายกฯ ที่ มาจากการสืบทอดอำนาจ
เป็นรัฐบาลเผด็จการ บริหารงานผิดพลาดบกพร่อง มีส่วนเกี่ยวข้องกับการร่างรัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นประชาธิปไตย เป็นรัฐบาลที่บริหารประเทศลักษณะอำนาจนิยม เป็นรัฐบาลที่ทำให้สังคมอยู่ในสภาพความเหลื่อมล้ำสูง
รวยกะจุกจนกระจาย คนไม่กี่ตระกูลได้ประโยชน์จากรัฐบาล โดยเฉพาะกลุ่มเจ้าสัว และมีบางแห่ง แสดงท่าทีและมีการปราศรัยของแกนนำในลักษณะ มองว่าโครงสร้างกลไกต่าง ๆตามรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะองค์กรอิสระ และองค์กรอย่างศาลรัฐธรรมนูญ สร้างปัญหาให้กับสังคมการเมือง
สำหรับทางออกและข้อเสนอ ที่พอเป็นรูปธรรมบ้าง ก็เช่น ที่กลุ่มลูกพ่อขุนโค่นล้มเผด็จการ มีการชุมนุมใหญ่กันไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งกลุ่มนักศึกษารามคำแหง ได้เสนอ3ข้อเรียกร้องสามข้อหลัก คือ
1. ให้ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ โดยมีการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ และให้มีการทำประชามติก่อนการประกาศใช้รัฐธรรมนูญ
2. ให้นายกรัฐนตรีลาออก เปิดทางให้รัฐสภา เลือกนายกรัฐมนตรีที่จะนำพาประเทศข้ามพันวิกฤติ
และ 3.ให้ผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระที่ได้รับการแต่งตั้งในยุคคสช. ลาออกและให้มีการสรรหาบุคคลใหม่เข้าไปแทนที่ทั้งหมด
ด้านพัฒนาการแฟลชม็อบ หลังจากนี้ พบว่า แนวทางการเคลื่อนไหวเริ่มชัดเจนขึ้น มีแนวทางข้อเรียกร้องที่เป็นรูปธรรม ไม่ใช่แค่รวมตัวด่าบิ๊กตู่ แต่พูดถึงปัญหาบ้านเมืองอย่างเป็นรูปธรรม มีข้อเสนอทางออกที่เป็นรูปธรรม
และที่สำคัญ เป็นการเคลื่อนไหว ค่อนข้างปลอดทางการเมือง ไม่มีการพูดถึงเรื่องอนาคตใหม่ ไม่มีการชูรูปธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ปิยบุตร แสงกนกุล หรือตราพรรคอนาคตใหม่
และที่สำคัญหากชุมนุมกันด้วยความสงบ โดยไม่นำเรื่องที่อ่อนไหวต่อสังคมและเป็นเรื่องละเอียดอ่อน อย่างเรื่องเกี่ยวกับสถาบันฯ เข้ามาเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหว โดยการนำเสนอประเด็นปัญหาสังคมการเมืองเศรษฐกิจอย่างตกผลึก ชุมนุมอย่างสงบ ไม่มีการแสดงให้เห็นว่าจะนำไปสู่ความรุนแรงใดๆ
ก็น่าสนใจว่า แฟลชม็อบคนหนุ่มสาว อาจขยายวง มีแนวร่วมมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งถึงตอนนั้น หากกระแส เบื่อประยุทธ์ ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลง เริ่มสุกงอม ก็ถือเป็นงานหนักของบิ๊กตู่ และรัฐบาลในการรับมือ แก้ปัญหา ที่ยากกว่า การรับมือฝ่ายค้านตอนศึกซักฟอกแน่
จุดสำคัญคือตัวนายกฯ และรัฐบาล รวมถึงเจ้าหน้าที่รัฐ เช่น ตำรวจ ทหาร หรือแม้แต่พวกผู้บริหารสถาบันอุดมศึกษา และผู้บริหารโรงเรียนต่างๆ ต้องไม่ไปเติมเชื้อไฟ ทำให้การเคลื่อนไหวลุมลามบานปลาย
เพราะต้องยอมรับว่าแม้เวลานี้ กระแสแฟลชม็อบเริ่มก่อตัว แต่ก็ยังไม่มีประเด็นใหญ่ที่เป็นฟางเส้นสุดท้าย ทำให้เกิดแนวร่วมขยายวงไปสู่วงกว้าง ซึ่งหากมีประเด็นใหญ่เมื่อใด และเป็นเรื่คที่สังคมรับไม่ได้กับรัฐบาลหรือนักการเมืองในสภาฯ ถ้าสถานการณ์ไหลไปถึงจุดนั้น ก็มีโอกาสเสี่ยงสูงที่เรื่องจะบานปลาย
