“ลูกตาล-ชโลมจิต” นางแบบเซ็กซี่ ยื่นฟ้องหมิ่นประมาทและทวงหนี้ไม่ชอบ เจ้าของร้านเพชร เผยคลิปทวงหนี้หน้าฟิตเนส ระบุอยากให้มาเจรจากัน และอาจฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหาย ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้อง 25 พ.ค.นี้
เมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้ (26 ก.พ.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก น.ส.ชโลมจิต หรือทิพย์วรรณ จันทร์เกตุ ชื่อเล่นลูกตาล อายุ 49 ปี อดีตดารานางแบบเซ็กซี่ชื่อดัง และนายเดชา ทองสุข ทนายความ เดินทางมายื่นฟ้อง น.ส.ฐิตาภัสร์ อัครศักดาภิรมณ์ และ น.ส.อัยรินทร์ กนกเลิศวงศ์ เจ้าของร้านเพชรบลูไดมอนด์ เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาและความผิดตามพระราชบัญญัติการทวงหนี้ พ.ศ. 2558 จากกรณีเมื่อวันที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมา ปรากฏข้อความ “คลิปสนั่นโซเชียลฯ “ลูกตาล ชโลมจิต จันทร์เกตุ” ถูก “จุ๋ม ฐิตาภัสร์ อัครศักดาภิรมย์” เจ้าของร้านเพชร บุกทวงเงิน 1.4 ล้าน ถึงฟิตเนสย่านอาร์ซีเอ ก่อนที่ลูกตาลจะขึ้นรถหรูขับออกไป โดยเจ้าของร้านเพชรเปิดใจว่าอีกฝ่ายยืมเงิน 1.4 ล้าน ต้องคืนเงินในเดือน ธ.ค. 2561 ซึ่งทำสัญญากันไว้แล้ว ทำให้โจทก์รู้สึกเสื่อมเสียชื่อเสียงและมาฟ้องศาลในวันนี้”
นายเดชา ทนายความเปิดเผยว่า สืบเนื่องจากคลิปที่ปรากฏนั้น มีพฤติกรรมไม่ชอบด้วยกฎหมายทวงหนี้ พ.ศ. 2558 และหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา จึงจำเป็นต้องมาฟ้อง ทั้งนี้เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายได้มีโอกาสมาเจรจาพูดคุยกัน ความจริงจะได้ปรากฏว่า ขณะนี้กำลังหารือกันว่าจะฟ้องมากกว่า 1 คดี อาจจะมีการฟ้องเรียกค่าเสียหายจากศาลแพ่งด้วย ซึ่งคุณลูกตาลอยากจะเรียกค่าเสียหาย ประมาณ 10 ล้านบาท แต่จะต้องพิจารณาความเหมาสมก่อน ขณะที่ธุรกิจฟิตเนสภายหลังเกิดคลิปดังกล่าวทำให้คนมาสมัครลดน้อยลง เขากังวลว่าจะปิดหรือไม่ปิดบริการ เบื้องต้นก็เกิดความเสียหาย
“เราต้องแยกกัน เรื่องเงินกู้ก็ให้เขาฟ้องมา แต่เขาก็ไม่ได้ใช้สิทธิทางศาล เพราะเราอ้างว่าเรามีหลักทรัพย์ประกัน คืนมอเตอร์ไซด์ และชำระหนี้คืนบางส่วนแล้ว 845,000 บาท ซึ่งหนี้ยังควรเหลือหรือชำระอีกเท่าไหร่” ทนายความระบุ
ขณะที่ น.ส.ชโลมจิต หรือลูกตาล เปิดเผยว่า ที่มาฟ้องศาลวันนี้ไม่มีความกังวลใดๆ แต่รู้สึกโล่งอกมากกว่าที่เราจะได้ต่อสู้ในสิ่งที่เราคิดว่าเราถูก เพราะเราพูดความจริง และต้องการปกป้องศักดิ์ศรีที่อีกฝ่ายทำให้เราเสื่อมเสียชื่อเสียง เราอยากจะแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่ได้โกง เราต้องการใช้หนี้
“เมื่อปรากฏเป็นคลิปก็ทำให้รู้สึกแย่มาก เพราะความจริงแล้วการเป็นหนี้ก็ต้องใช้หนี้ อย่างที่พี่ทำมาก็พยายามใช้คืนตลอดทั้งปี แต่การทวงหนี้ก็น่าจะพูดคุยกันได้ ไม่น่าจะทำให้เราเสื่อมเสีย ส่วนเรื่องความมั่นใจของลูกค้าไม่เหมือนเดิม ความเสียหายต่อเดือนก็หลายล้านบาท ลูกค้ามักจะมาถามจากพนักงานว่ายิมยังเปิดบริการอยู่ไหม ยังเปิดอยู่หรือเปล่า เราก็บอกว่ายังเปิดตามปกติ อยากสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าว่าเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับธุรกิจยิมเราเลย แต่เป็นเรื่องธุรกิจอื่นมากกว่า”
ผู้สื่อข่าวถามว่ากังวลหรือไม่ว่าคู่กรณีจะฟ้องเราเรื่องที่กู้ยืมเงินจำนวน 1.4 ล้านบาทดังกล่าว น.ส.ชโลมจิต หรือลูกตาล กล่าวว่า ไม่กังวลเลย เพราะว่าก่อนที่จะมาหาที่ยิมนั้นก็เคยบอกแล้วว่าให้ไปดำเนินการฟ้องร้องต่อศาลก็ได้ ถ้าไม่มั่นใจว่าเราจะใช้หนี้คืน แต่เขาก็ไม่ฟ้อง ซึ่งถ้าหากโดนฟ้องก็พร้อมมาตั้งนานแล้ว และน่าจะดีกว่าเกิดเหตุการณ์ที่ปรากฏเป็นคลิปหน้ายิมด้วยซ้ำ
ทั้งนี้ ศาลได้รับคำฟ้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำที่ 461/2563 และนัดไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ ในวันที่ 25 พ.ค. 2563 เวลา 09.00 น.