"ลูกตาล ชโลมจิต" ตั้งสติ 2 วัน โผล่ชี้แจงพร้อมทนาย โวยไม่ได้หนีเจ้าหนี้ - ทำร้ายเจ้าของร้านเพชร งัดหลักฐานแฉกลับ จ่ายเดือนละ 7 หมื่นถูกคิดดอกเบี้ย 60 เปอร์เซ็นต์ต่อปี ยึดเครื่องเพชร มอ'ไซค์กว่า 3 ล้าน แต่หนี้ 1.4 ล้านกลับไม่ลดลง ด้านทนายเผยแนะให้หยุดชำระเงินเหตุเคลียร์ยอดไม่ลงตัว ฟ้องหมิ่นประมาท บุกประจาน ผิดพ.ร.บ.ทวงหนี้
กลายเป็นประเด็นดรามา หลังจากที่สาวเซ็กซี่ "ลูกตาล ชโลมจิต จันทร์เกตุ" ถูก "จุ๋ม ฐิตาภัสร์ อัครศักดาภิรมย์" เจ้าของร้านเพชร บุกทวงเงิน 1.4 ล้าน ถึงฟิตเนสย่านอาร์ซีเอ ก่อนที่ลูกตาลจะขึ้นรถหรูขับออกไป ต่อมาเจ้าของร้านเพชรให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวไนน์เอ็นเตอร์เทนว่าเมื่อปี 2561 ลูกตาลได้เข้ามาขอยืมเงินเป็นจำนวนเงิน 1.4 ล้านบาท และต้องคืนเงินในเดือนธันวาคมปี 2561 ซึ่งได้ทำสัญญามีเอกสารทุกอย่าง แต่พอถึงกำหนด ลูกตาลก็บ่ายเบี่ยงมาตลอด พร้อมกับบล็อกการติดต่อทุกช่องทาง
และระหว่างบุกทวงหนี้ สาวลูกตาลเข้ามาประชิดตัวจนเกือบจะตบ พยายามทำร้ายร่างกาย ลูกสาวตกใจจึงหยิบโทรศัพท์มาถ่ายคลิปให้เห็นอย่างที่เห็นในโซเชียล และได้แจ้งความที่สน. มักกะสัน
อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ (4 ก.พ.) ลูกตาล พร้อม "เดชา ทองสุข" ทนายความ นัดสื่อมวลชนชี้แจงถึงเหตุการณ์ดังกล่าว โดยซัดกลับเป็นหนังคนละม้วน
ลูกตาล : "เดี๋ยวให้ลูกตาลเล่าเรื่องทั้งหมดก่อนคร่าวๆ นะคะ ธุรกิจฟิตเนสของลูกตาลไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ลูกตาลต้องการขยายกิจการ ก็เลยต้องการระดมหาเงินทุน แล้วเราไม่ได้อยากไปกู้หนี้ยืมสินใคร แล้วด้วยความที่ลูกตาลซื้อเพชรเอาไว้ ก็เลยคิดว่าเราเอาเครื่องเพชรไปขายเป็นเงินเอามาลงทุนดีกว่าจะได้งอกเงย ก็เลยเอาเพชรไปขายคืนร้านของคู่กรณี ซึ่งเพชรทั้งหมดเป็นเพชรของร้านเขาที่เราซื้อมา"
"ตอนที่เราซื้อเขาบอกว่ามันสามารถหักประมาณ 10-15% ขายคืนได้ ซึ่งมูลค่าเพชรของเรา 1.6 ล้านบาท ลูกตาลต้องการใช้เงินประมาณ 1.5 ล้านบาท ก็เลยบอกว่าขอขายคืนได้ไหมคะ เขาก็บอกว่าไม่รับซื้อคืนแล้ว มันเก่าแล้ว มันปีนึงแล้ว เขาก็เลยบอกว่าเอาเป็นขายฝากไหม ตาลก็ไม่รู้ว่าฝากมันคืออะไร เพราะเราไม่เคยยืมเงินใครนะคะ เขาบอกว่าฝากก็คือต้องมีสัญญาเงินกู้ เหมือนเราเอาของไปฝากเขาไว้แล้วทำสัญญาเงินกู้ ตาลก็โอเค ได้ค่ะ"
"ก็เอาทรัพย์สินเราไป คือเป็นเครื่องเพชรมูลค่า 1.6 ล้านบาท ไปเป็นหลักประกัน เขาก็บอกว่าตอนนี้เพชรราคามันตกแล้ว มันไม่พอ ก็ขอหลักประกันเพิ่ม พอดีมีสมุดมอเตอร์ไซค์อยู่คันนึงราคา 6 แสนกว่าบาท ก็เอาไปค้ำประกันเพิ่ม แล้วก็ได้รับเงินมา 1.4 ล้านบาท ตาลก็ผ่อนตลอดเลยค่ะ ผ่อนทุกเดือน เดือนละ 70,000 บาท เป็นระยะเวลา 1 ปี ไม่ได้ขาดเลยค่ะ รวมแล้ว 1 ปี ลูกตาลผ่อนไปแล้ว 845,000 บาท จากเงินต้น 1.4 ล้านบาท"
แฉคู่กรณียึดเพชร 1.6 ล้าน รถมอเตอร์ไซค์ 6.5 แสน รวม 3 ล้าน แต่ยังทวงหนี้อยู่เรื่อยๆ
"ลูกตาลก็ไปถามเขาว่าตอนนี้สัญญามันหมดแล้ว เราผ่อนไปขนาดนี้แล้ว เราต้องการรู้ยอดหนี้เรา อยากเคลียร์ยอดหนี้เราว่าเท่าไหร่ เขาก็บอกว่าที่ผ่านมา 840,000 บาท คือดอกเบี้ยทั้งหมด เงิน 1.4 ล้านบาท ดอก 840,000 บาท แล้วเขาก็ยึดเครื่องเพชรของลูกตาลมูลค่า 1.6 ล้านบาท ยึดรถมอเตอร์ไซค์ 650,000 บาท ยึดของลูกตาลไปทั้งหมดประมาณ 3 ล้านบาทค่ะ แล้วก็ยังทวงหนี้อยู่เรื่อยๆ ลูกตาลก็บอกว่าอุ้ย ถ้ายังงั้นขอเคลียร์ที่เงินต้นได้ไหม ขอให้หักหนี้กันไปได้ไหม ถ้าพี่เอาของไปแล้ว พี่เอาเพชรหนูไป เอารถหนูไป พี่ก็หักเป็นเงินต้นไป เหลือเท่าไหร่หนูจ่ายคืนก็ได้ จริงๆ ถ้าหักกันจริงๆ แล้วเขาต้องจ่ายคืนเราด้วยซ้ำ แต่เขาก็ไม่ยอมนะคะ"
"แล้วลืมบอกไปว่าตอนที่ทำเงินกู้กับเขา เขาให้ตาลเขียนเช็คอีกต่างหากนะคะ มีเครื่องเพชรค้ำประกัน 1.6 ล้านบาท มอเตอร์ไซค์ 650,000 บาท เช็คค้ำประกันอีก 1.4 ล้านบาทด้วยค่ะ แต่เช็ค 1.4 ล้านบาท ลูกตาลไม่ได้เขียนลงไปในสัญญา พอถึงเวลาเขาก็มาขู่ว่าเขาจะฟ้อง 1.4 ล้านบาท แล้วก็จะฟ้องอีก 1.4 ล้านบาทในใบสัญญา กลายเป็น 2.8 ล้านบาท กะเอา 2 เด้ง เหมือนเราเป็นหนี้เขา 2 ทาง มันก็เลยคุยกันไม่ได้"
"ก็เลยบอกว่าขอไปคุยกันที่ศาลเถอะ และด้วยความที่เราได้ส่งมอบมอเตอร์ไซด์ให้เขาไป ในเมื่อเขาอยากได้ของนักเราก็ให้ของเขาทั้งหมดแล้วก็จบกันนะ ฉีกสัญญาทิ้งนะ เขาก็ไม่ฉีก ลูกตาลก็ยังเป็นหนี้เขา 1.4 บาทเหมือนเดิม 2 ปี ไม่ว่าของเขาจะเอาไป 3 ล้านแล้ว คือวันที่มายิม เขาตั้งใจอยู่แล้ว คือก่อนหน้านี้ช่วงปีที่แล้วเขาก็โทรศัพท์ไปทวงหนี้กับบุคคลอื่น เป็นดาราที่มีชื่อเสียงที่ลูกตาลรู้จัก เขาไปเหมือนจะประณามเรา ทำให้เราเสียชื่อเสียง ด้วยความที่เราเป็นดาราเขาก็เอาเงินมาขู่เรา เอาเงินมาคืนฉันๆ เป็นระยะเวลานานมาก จนวันสุดท้ายคือวันที่เกิดเหตุ เขามาที่ยิม ตั้งใจมาถ่ายคลิปทำลายชื่อเสียงเรา"
"เราก็ถามเขาว่าทำไมคุณไม่ไปฟ้องศาลล่ะถ้าเราเป็นหนี้คุณจริงๆ เขาก็ไม่ฟ้อง แต่เขาโกรธเรา เขาก็มาอัดคลิป ขอเล่าเรื่องวันที่เกิดคลิป เขาเดินมาที่ยิม วันนั้นลูกค้าเยอะมาก เราก็บอกว่าขอไปคุยข้างนอก แต่เราไม่ได้คุยกับเขาเราบอกเขาว่าเราคุยกันจบแล้ว ให้ติดต่อคุยผ่านทางทนายไป เขาก็ตะโกนบอกว่าพี่โกงเงินหนู อย่างที่เห็นในคลิป เราไม่ได้พูดไม่ได้ตอบโต้ ก็โทร.หาทนาย ทนายบอกให้แจ้งตำรวจ มาให้เชิญเขาออกไป จะได้ไม่เป็นการรบกวน"
"ภาพที่เห็นว่าทวงหนี้แล้วเดินหนีมันไม่ใช่ มันไม่มีประโยชน์ที่จะทะเลาะกับคนที่จ้องจะทะเลาะกับเรา มาหาเรื่องเรา คิดว่าไม่ได้มีประโยชน์อะไร ก็เลยขับรถออกไปเพื่อนที่จะไปแจ้งตำรวจ ให้มาระงับเหตุการณ์ พอตำรวจที่เราไปแจ้งมา เขาก็บอกว่าให้เราไปลงบันทึกประจำวันไว้นะ เดี๋ยวทางนี้ผมจัดการเอง ก็เลยกลับไปที่ สน. เพื่อลงบันทึกประจำวัน แต่ว่าวันนั้นคนเยอะ ตำรวจบอกว่าให้มาวันพรุ่งนี้ ก็เลยกลับบ้านไป กลายเป็นว่าคู่กรณีก็ให้ข่าวว่า ลูกตาลจ้องจะวิ่งเข้ามาทำร้ายร่างกาย พอดีตำรวจมาระงับเหตุการณ์ไว้ได้ ลูกตาลเห็นว่าตำรวจมา ก็เลยรีบหนีไป มันเป็นหนังคนละม้วนกันเลยที่พี่ๆได้ยินมาตั้งแต่แรก"
"เหตุการณ์เป็นแบบนี้ ลูกตาลไม่ได้เดินเข้าไปทำร้ายร่างกายเขา ไม่ได้ทำอะไรเลย แต่มีกล้องวงจรปิดถ้าใครก็เอาไปดูได้ และก็มีเอกสารการจ่ายเงินต่างๆ ก็มี เดี๋ยวทนายจะคุยเรื่องต่างๆ ว่าจ่ายอะไรไปบ้าง และจะคุยเรื่องคดีด้วยค่ะ"
ทนาย : "เรื่องทั้งหมดนี้ เขาทำสัญญากู้กัน 3 ฉบับ ทุกฉบับก็จะมีระบุเอาไว้ว่า อะไรค้ำประกัน ลูกตาลมาปรึกษาผมว่า ผ่อนหนี้แล้ว ทำไมยอดหนี้ยังเหลือเท่าเดิม ก็ถามว่าผ่อนไปเท่าไหร่ ทำไมไม่ลด ผมก็ได้ทำสรุปมาว่า ทางนี้เขาได้จ่ายไป 845,000 บาท มีหลักฐานการโอนว่าวันที่เท่าไหร่ วันหนึ่งเรานัดคุยกันที่ สน.หัวหมาก เพื่อที่จะยกมอเตอร์ไซค์ให้เพื่อที่จะตัดหนี้ คุยกันวันที่ 24 พ.ค. 62 มีหลักฐานการโอนเงิน เราจ่ายเงินไป 845,000 แล้ว แต่เงินต้นยังอยู่ที่เดิม"
"วันที่เรานัดคุยกันที่สน.หัวหมาก เพื่อจะยกมอเตอร์ไซค์ให้เพื่อตัดหนี้ เราไปคุยกันที่ 24 พ.ค. ปี 62 ครั้งล่าสุดที่เราคุยกัน ผมพยายามจะคุยว่าทุกสิ่งทุกอย่าง หลักทรัพย์ที่คุณเอาไป ถ้าขายได้หักต้นเงินกู้มา เหลือเท่าไหร่ผมจะให้ทางนี้จ่าย มอเตอร์ไซค์ที่ทำบันทึกตกลงคืนกัน ราคา 300,000 บาท เซ็นกันทั้งสองฝ่ายหลังจากนั้น ก็คุยกันไม่รู้เรื่อง ผมก็เลยบอกให้ทางนี้หยุดจ่ายเงินกันไปก่อน เพราะจ่ายไปก็ไม่รู้จะจ่ายยอดไหน คือยังต้องจ่าย 1.4 ล้าน ทั้งที่เครื่องเพชรก็ซื้อมาจากร้านเขามา 1.6 ล้าน เครื่องเพชรก็ไม่รู้อยู่ไหน จะคืนเราไหมก็ไม่มีคำตอบ ส่วนค่ามอเตอร์ไซด์ 300,00 บาท ก็ไม่ยอมหักให้ลูกตาล ว่าหนี้คุณจะอยู่ 1.1 ล้าน ก็ไม่ยอมหัก 300,000 ออก"
"เอกสารนี่คัดมาจากสน.หัวหมากไปตรวจสอบได้ ก็เลยมีการหยุดชำระเพื่อเคลียร์ยอดหนี้ ผมเลยบอกเขาว่าถ้าคุณยังติดใจให้ไปทำการฟ้องที่ศาล ถ้าศาลสั่งให้จ่ายเท่าไหร่ทางนี้ก็ยินดีจ่าย ไม่ได้มีปัญหาเรื่องการจ่ายตังค์ หลักฐานการชำระเงินทั้งหมดก็มี ผมก็เลยตั้งข้อสังเกตว่าทำไมไม่ดำเนินทางศาล จะไปทวงออกสื่อเพื่อ ถ้าคุณใช้สิทธิ์ทางศาลก็ฟ้องเลย ว่าติดอยู่ 1.4 ล้าน ไปพิสูจน์กันว่า 1.4 ล้านที่นี่ชำระบ้างหรือเปล่า ส่วนเครื่องเพชรที่ค้ำประกันอยู่ มอเตอร์ไซค์หักไปแล้วเหลือเท่าไหร่ ทางนี้ยินดีจ่าย ไม่ใช่ว่าไม่จ่ายเงิน"
แฉยับในสัญญาไม่ได้ระบุดอกเบี้ย จ่ายเดือนละ 7 หมื่นเป็นระยะเวลา 1 ปี แต่หนี้กลับเหลือเท่าเดิม ถูกคิดดอกเบี้ย 60 เปอร์เซ็นต์ต่อปี
ทนาย : "ไม่ระบุดอกว่าเท่าไหร่ สัญญามี 3 ฉบับ คือมีวันที่ 8 ต.ค.2560 กู้เงินกัน 500,000 บาท ก็จะไม่ระบุดอก ฉบับต่อมา 3 ธ.ค. 2560 กู้ 500,000 บาท ฉบับนี้จะมีมอเตอร์ไซด์ ค้ำประกัน และฉบับต่อมาทำเมื่อวันที่ 8 ธ.ค. 2560 อันนี้กู้ 400,000 มีแหวนเพชรเป็นประกัน ซึ่งทั้ง 3 สัญญาจะไม่ระบุดอกเบี้ย"
ลูกตาล : "ตอนที่เราแบ่งสัญญากู้ เดือนเดียวกันแต่คนละวัน เพื่อสะดวกในการจ่ายเงินอะไรก็แล้วแต่ เขาบอกว่าอยากจะจ่ายอันไหนก่อนก็ได้ แต่เวลาเราจ่ายดอก เราจ่ายพร้อมกันครั้งเดียว เดือนละ 70,000 เราก็จ่ายทุกเดือน ตอนแรกเขาบอกว่าร้อยละ 5 ลูกตาลก็คิดว่าร้อยละ 5 ต่อปี เพราะเขาไม่ได้เขียน เราก็ผ่อนไป พอสิ้นปีเราก็ถามว่าดอกเหลือเท่าไหร่ เขาก็บอกว่าเหลือเท่าเดิมนั่นแหละ แล้วที่เราจ่ายๆ ไปเดือนละ 70,000 คืออะไรเขาก็บอกเราว่าเป็นดอกทั้งหมดเลย ก็เป็น 60 เปอร์เซ็นต์ต่อปี คือดอกที่เขาคิดเราทั้งหมด”
ทนายลั่นผิดกฎหมาย ไม่มีเจตนาหนีหนี้ แต่ตกลงกับอีกฝ่ายไม่รู้เรื่อง ทำให้ต้องหยุดผ่อนชำระเงินจนกว่าจะเคลียร์ยอดหนี้ให้ลงตัว
ทนาย : "มันผิดกฎหมายอยู่แล้วกับการเรียกดอกเกิน วิธีที่ทวงก็ผิดกฎหมาย คือเราเจตนาจะใช้หนี้อยู่แล้ว ไม่ได้มีเจตนาไม่ใช้หนี้ เนื่องจากเราคุยกันไม่รู้เรื่องที่สน.หัวหมาก ไม่รู้ว่ายอดหนี้สรุปกันที่เท่าไหร่เราก็เลยต้องหยุดผ่อนชำระไป เพราะขนาดเราเอามอเตอร์ไซค์ไปให้เขา มีการส่งมอบมอเตอร์ไซค์ มีการลงบันทึกประจำวันที่ สน.หัวหมาก ตีราคาไว้ 300,000 บาท และยอดหนี้ก็น่าจะเหลือแค่ 1 ล้านบาท ถ้าหากหักค่ามอเตอร์ไซค์ไป แต่ทำไมยอดหนี้ยังเหลือ 1.4 ล้านบาทเหมือนเดิม"
ลูกตาล : "สรุปนะคะ สิ่งที่คู่กรณีได้ไปก็คือเงิน 850,000 เครื่องเพชรอีก 1.6 ล้านบาท มอเตอร์ไซค์ 650,000 บาท ได้ไปทั้งหมดประมาณ 3 ล้านกว่าบาท แต่ลูกตาลก็ยังติดหนี้เขาเหมือนเดิม"
ทนาย : "ผมบอกว่าให้ไปตกลงยอดหนี้กันให้ชัดเจนก่อนว่า 1.4 ล้านบาท นี้เหลือเท่าไหร่ เพราะผ่อนไปนี้ยังไม่รู้เลยว่าผ่อนยอดไหน หรือที่ผ่อนไปมันเป็นดอก และทางคุณเขาจะคืนเครื่องเพชรไหม คืนหลักทรัพย์ค้ำประกันทั้งหมดกับเราไหม ไม่ได้คำตอบ"
ท้าให้ฟ้อง
ทนาย : "เราคุยกันครั้งสุดท้ายที่ สน. ครั้งล่าสุดผมเคยคุยผ่านทนายอีกคนหนึ่งที่ติดต่อผมมา ตอนนั้นผมยังบอกเลยว่าเราต้องเคลียร์กันให้จบก่อนว่ายอดเท่าไหร่เราถึงจะผ่อนได้ ตอนนี้เหมือนเราจ่ายดอกอย่างเดียวซึ่งดอกมันก็ไม่ชอบด้วยกฎหมายอยู่แล้ว ผมเคยเสนอแนะไปว่าถ้าหากตกลงไม่ได้ ก็ให้เขาฟ้องเราเลย คุณบอกว่าเราติดหนี้ 1.4 ล้านบาท ก็ให้ไปพิสูจน์กันในชั้นศาลว่า 1.4 ล้านบาท คือยังไง ถ้าศาลสั่งให้จ่ายเราก็จ่าย คุณลูกตาลมีภูมิลำเนาแน่นอน มีทรัพย์สิน มีหลักแหล่ง สามารถตรวจสอบได้ ถ้าศาลตัดสินแล้วคุณลูกตาลไม่จ่าย ก็สามารถบังคับคดียึดทรัพย์ได้ ผมจึงตั้งข้อสังเกตว่าทำไมทางคู่กรณีถึงไม่ดำเนินการตามกฎหมาย แต่กลับใช้วิธีการทวงหนี้ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ผิดพรบ.ทวงหนี้ด้วยซ้ำ เป็นการหมิ่นประมาทด้วยซ้ำ"
"เราหยุดชำระตั้งแต่วันที่ 24 พฤษภาคม 2562 ครั้งล่าสุดที่เราคุยกันเพราะเราคุยกันไม่จบ ยอดหนี้เราสรุปกันไม่ได้ว่าเหลือเท่าไหร่จาก 1.4 ล้านบาท เราก็เลยหยุดการผ่อนชำระไป คือเราคุยจนไม่รู้จะคุยอะไรแล้ว ผมถามเขาว่าหลักทรัพย์จะคืนยังไง ถ้าคุยกันไม่รู้เรื่องก็ให้เขาไปฟ้องและไปพิสูจน์กันในชั้นศาลว่ายอดหนี้ที่แท้จริงมันคือเท่าไหร่ ทางนี้ต้องชำระเท่าไหร่ สุดท้ายเขาก็ยังยืนยันว่า 1.4 ล้านบาท แล้วเครื่องเพชรที่วางเป็นหลักประกัน มอเตอร์ไซค์ ผมไม่พูดเรื่องเงินที่ผ่อนนะ เอาแค่หลักประกันเพราะมันน่าจะครอบคลุมวงเงินยอดหนี้อยู่แล้ว ถ้าเหลือก็เหลือนิดหน่อยไม่ถึง 1.4 ล้านบาท แน่ๆ"
ลูกตาล : "ที่เขาบอกว่าที่ตาลกู้เงินไปเพราะธุรกิจมีปัญหาเหมือนเขาจะทำให้เราแบบเสียชื่อและทำให้กิจการงานเราจะงับไปด้วย แต่สาเหตุที่ตาลไม่ได้ใช้หนี้เขามันเป็นเรื่องเรื่องการตกลงยอดหนี้ไม่ลงตัว"
โทร.หาคนรอบตัวทุกคน จะเอาตัวขึ้นเป็นพยาน
ลูกตาล : "เขาโทร.หาทุกคน ทุกคนรอบๆ ที่ไม่ใช่ตัวตาล เขาโทร.เล่าให้ทุกคนฟัง ซึ่งจะไปเป็นพยานในศาลให้ทีหลังประมาณ 10 กว่าคนทั้งดาราทั้งอะไร คือมีหลายคนมาก เขาติดต่อตาลได้ตลอดนะคะ จนสุดท้ายที่ สน. เราก็สรุปกันแล้วว่าให้คุยผ่านทนายไม่ต้องโทร.แล้ว ตอนที่เขามาที่ยิมตาลบอกว่าตาลไม่มีอะไรจะคุยแล้วนะคะ ผ่านทนาย คุยกับทนายเลย เขาก็บอกเขาไม่คุยกับทนาย เขาจะเล่าให้ทุกคนฟัง เขาจะมาที่นี่ทุกวัน เขาจะมาทำให้เสียชื่อเสียง แล้วเขาก็ทำสำเร็จไประยะหนึ่ง ซึ่งคนคนเกลียดกันทั้งประเทศเลย ว่าเป็นหนี้แล้วหนี เราก็ต้องมาเสียชื่อเสียงด้วย"
ไม่เคยผิดใจกันมาก่อน เชื่อหยุดจ่ายดอกทำให้ขาดรายได้
ลูกตาล : "ไม่มีค่ะ ไม่เคยผิดใจอะไรกับเขา ถ้าจะผิดใจกับเขาก็คือเราหยุดจ่ายดอก เขาคงคิดว่าเขาขาดรายได้"
"ถามว่าตอนเซ็นสัญญาเราตะหงิดๆ ใจไหม คือเราไม่ค่อยรู้เรื่องหรอก เพราะเราไม่เคยกู้เงิน เขาก็บอกว่าเหมือนไปฝากของ ถ้าเราตั้งใจดูสัญญาให้ละเอียด เราก็ต้องลงไปแล้วว่ามีเช็คด้วย ค้ำด้วย แต่การที่เขาคิดไม่ซื่อกับเรา เวลาจะฟ้องเรา จะฟ้องเช็คด้วย จะฟ้องสัญญาด้วย กลายเป็นว่าสองเด้งเลย แล้วตอนนั้นที่หมดสัญญากู้แล้ว เราก็ถามว่าเครื่องเพชรเราอยู่ไหน ขอตรวจดูก่อนได้ไหม เขาบอกว่าเอาไปฝากเพื่อนวางตู้ไว้แล้ว เราก็บอกว่า อ้าว...พี่จะให้หนูจ่ายดอกพี่ จ่ายเงินพี่ แต่พี่เอาเพชรหนูไปวางขาย แล้วอย่างนี้มันถูกเหรอ เขาบอกก็วางไว้ก่อน ถ้าเผื่อขายได้ค่อยหักหนี้กัน ซึ่งแบบทำอย่างนี้มันก็ไม่ถูก"
แฉอีกฝ่ายขายเพชรโก่งราคา เลยต้องเลือกขายที่ร้านเดิม
ลูกตาล : "เราซื้อร้านเขา เราต้องขายกับเขาค่ะ มันของเขา คือบอกตรงๆเลยนะ ก่อนจะไปขายคืนเขา เราเคยเอาเพชรไปเช็กแล้ว สิ่งที่เขาขายเรา มันเหมือนกับมันโก่งราคาด้วย เราก็เลยเลือกขายคืนเขาดีกว่า แต่เขาก็ไม่เอา"
ฟ้องหมิ่นประมาท ทวงหนี้ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ทนาย : "ผมไปแจ้งความที่ สน.มักกะสัน คดีหมิ่นประมาท กับการทวงหนี้ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย หมิ่นประมาทโดยโฆษณาไว้ แจ้งความไว้เมื่อวันจันทร์ ก็เดี๋ยวรอทางคู่กรณีมา ส่วนเรื่องหนี้ผมก็ต้องดูว่าเขาจะเอายังไง ก็อาจจะคุยไปในทีเดียว ถ้าคุยได้ผมอยากจะคุยให้หมดทุกเรื่อง แต่ถ้าคุยไม่ได้ ก็ต้องปล่อยไปตามกระบวนการของกฎหมาย เพราะผมก็รอเขาฟ้องมา ว่าเขาจะบังคับคดีที่ 1.4 ล้านไหม"
"แนวทางประนอมหนี้ คือผมยังไม่รู้เลย ว่ายอดหนี้มันเท่าไหร่ ผมก็ไม่กล้าประนอมหนี้ ว่าเครื่องเพชรจะหักยอดหนี้เท่าไหร่ ตอนนี้เขายืนยันว่า 1.4 ล้านบาท ทั้งที่มอเตอร์ไซค์เราก็ให้เขาไปแล้ว 300,000 บาท มีบันทึกที่สน.ชัดเจน เครื่องเพชรบอกยังไม่ขาย ก็เอามาดู เอาไปขายแล้วหักยอดหนี้กันไหม ขายเท่าไหร่แล้วมาว่ากันกับหนี้ที่เหลือ"
งงคู่กรณีไม่เคยฟ้อง
ทนาย : "เขาไม่เคยฟ้องเราครับ เราเป็นผู้กู้ เขาเป็นเจ้าหนี้เขาต้องฟ้องเรา ถามว่าจะเป็นปัญหาไหมเพราะเขาไม่ฟ้องเรา คือผมกำลังจะดำเนินคดีข้อหาหมิ่นประมาทโดยโฆษณา แล้วก็ไปทวงหนี้โดยการประจาน มันผิดพ.ร.บ.อยู่แล้ว เราจะมีโอกาสได้คุยกันในศาล ส่วนเขาไม่ฟ้องเพราะอะไร มันเป็นสิทธิ์ของเขา เราก็ตอบแทนเขาไม่ได้"
ลูกตาล : "เขาคงไม่อยากจะฟ้องมั้ง เขาอยากจะด่าเราไปเรื่อยๆ ละมั้ง อยากให้เขาฟ้องหนี้จังเลย"
ทนาย : "เรามีหลักฐาน เราไม่ได้พูดลอยๆ เรามีรายละเอียดหมด การผ่อนเงินเราก็มี โอนเงินเข้าบัญชีเขา รายละเอียดการถอนผมก็ทำสรุปด้วยซ้ำ ว่าโอนวันไหน ยอดเท่าไหร่ ส่วนการคำนวณหนี้ทั้งหมด ถ้าเข้าสู่ชั้นศาลต้องจ่ายเขาเท่าไหร่ ถ้าตีราคาหลักทรัพย์นะ ผมไม่รู้หลักทรัพย์จะตียังไงนะ ผมคิดว่ามันคัฟเวอร์ยอดหนี้อยู่แล้ว"
ลูกตาล : "ถ้าตีราคาหลักทรัพย์เขาอาจจะต้องคืนเงินเราด้วย"
ทนาย : "ต้องฝากถามว่าเขาคิดดอกเท่าไหร่ก่อน (หัวเราะ) เขาจะกล้าบอกไหม ผมไม่รู้ว่าเขาคิดเท่าไหร่"
ลูกตาล : "ฝากถามเขาว่า ร้อยละ 60 จริงไหม เงิน 7 หมื่นที่ผ่อนไปทุกเดือนเขาบอกว่าคือดอก 5 บาทต่อเดือน 60 เปอร์เซ็นต์ต่อปี ที่ได้ไปแล้วนะคะ"
ทนาย : "คือคุณลูกตาลเขามาปรึกษาผมทีหลัง เรื่องคดีนี้"
แจงหายไป 2 วันตั้งสติก่อน
ลูกตาล : "อยากจะบอกว่าที่หายไป 2 วัน เราต้องมีสติ รู้ว่าคนเขาจะมาหาเรื่องเราอยู่แล้ว ที่บอกว่าเราเดินหนี ป่านนี้หลบหนี้อยู่มั้ง จริงๆ แล้วเราไม่ได้เดินหนี แต่ใช้ความคิด ว่าเราจะมาบอกยังไง ให้คนไม่เข้าใจเราผิด ก็อยากจะบอกว่าเราไม่ได้หนีหนี้ เราติดต่อเขาตลอดเวลา แล้วเราก็ไม่ได้ไปทำร้ายร่างกายเขา เราไม่มีประโยชน์ที่จะต้องไปทะเลาะกับคนที่เขาต้องการมาทะเลาะกับเรา ความจริงก็คือความจริง แล้วก็อยากจะบอกความจริงไว้ตรงนี้ว่า คนที่โดนกระทำคือเรา เงินก็ได้ไปแล้ว อะไรก็ได้ไปแล้ว ยอด 1.4 ล้านได้เงินไป 850,000 ได้เครื่องเพชรไป 1.6 ล้าน ได้มอเตอร์ไซค์ไป 650,000 เป็น 3 ล้านกว่าแล้ว คุณก็ยังมาประจานอย่างนี้ มันถูกต้องเหรอคะ"
กระทบธุรกิจ
ลูกตาล : "กระทบแน่นอนค่ะ เพราะว่าตอนที่เขาไปทวงหนี้ เขาทวงที่ยิม ลูกค้าเราก็อยู่ แล้วน้องต้องดูที่กล้องวงจรปิด เขาพูดว่าเจ้าของยิมที่นี่ติดเงินฉัน ลั่นยิมเลย แล้วก็ไปคุยกับทุกคน ไปประจานอยู่ในนั้น แล้วคิดดูว่าธุรกิจเราจะเป็นยังไง"
"ก็เสียหายมากเลยค่ะ ลูกค้าที่เป็นสมาชิกเขาก็เป็นอยู่ แต่เขาก็ไม่ทราบว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร แล้วเขาจะต่อสมาชิกเราไหม เพราะคุณคนนั้นเขาพูดว่าที่มายืมเงินเนี่ย เพราะว่ามีปัญหาทางด้านธุรกิจ จริงๆ ธุรกิจเราไม่ได้มีปัญหา แต่ต้องการขยายธุรกิจ เรามีของ เรามีเครื่องเพชร ดีกว่าเก็บไว้ในตู้เซฟก็กะเอามาขายทำธุรกิจ มันไม่ได้ไม่มีเงิน ถ้าย้อนกลับไปได้ เราจะไม่ซื้อเพชรร้านเขา"
ไม่กู้ธนาคารเพราะเร็วและไม่อยากเป็นหนี้
ลูกตาล : "มันเร็วไง เพราะเราไม่อยากเป็นหนี้ แล้วก็ไม่ต้องมีขบวนการอะไรมากมาย ถามว่าต่อไปต้องระวังไหม เขาจะกล้าไปหรอคะ"
ทนาย : "นัดเจออีกทีเมื่อไหร่ ยังไม่ได้กำหนดครับ ต้องรอตำรวจออกหมายเรียกก่อน ต้องเช็กกับสน.มักกะสัน เพราะผมเพิ่งไปแจ้งความไว้เมื่อวันจันทร์นี้เองครับ"
ลูกตาล : "เรายินดีให้ความร่วมมือเลยค่ะ"
ทนาย : "ทางเรายินดีชำระหนี้ ผมบอกลูกตาลเลยว่าเป็นหนี้ต้องชำระหนี้ แต่ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าเหลือยอดหนี้เท่าไหร่"
ลูกตาล : "ถ้าเราไม่ยินดี คงไม่ผ่อนทุกเดือนจนหมดสัญญา 1 ปี ทุกเดือน 70,000 บาท พอถามว่าเหลือเท่าไหร่ เขาบอกเหลือเท่าเดิม แล้วยึดของเราไปอีก มาด่าเราด้วย"