(Police Focus)
อีกคดีสะเทือนขวัญกรณีตำรวจ ดส.และอรินทราช 26 บุกเข้าจับกุม นายอภิชัย หรือไอซ์ องค์วิศิษฐ์ อายุ 40 ปี ทายาทเศรษฐีย่านบางแค หลังเกิดอาการหลอนยาขังแฟนสาวไว้ในหีบเหล็ก เช้ารุ่งขึ้นกลายเป็นศพเพราะขาดอากาศหายใจ โดยให้ลูกน้องช่วยฝังดินอำพรางศพไว้ข้างบ้าน เบื้องต้นแจ้งข้อหา "อาวุธปืนและยาเสพติด" ขณะเดียวกันพนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานแจ้งข้อหา "ซ่อนเร้นอำพรางศพ"
มารู้จัก พ.ต.ท.ปียรัช เวสสะโกศล รอง ผกก.ดส.บช.น.หนึ่งในทีมชุดจับกุม บอกว่า คดีนี้เป็นการขยายผลการจับกุมจาก นายเฉลิมชล งะบัว อายุ 41 ปี ลูกน้องของ นายอภิชัย เรื่องยาเสพติด พอได้ตัวมาพบว่าท่าทางมีพิรุธ แต่ลึกๆ ทราบว่ากระทำความผิดมาแต่ไม่รู้เรื่องอะไร เค้นสอบตัวต่อตัวจนสุดท้ายยอมรับสารภาพว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องฆาตกรรมที่เกิดขึ้นในซอยเพชรเกษม 47 แขวงบางเค เขตบางแค กทม.
นายอภิชัย เคยก่อเหตุมาตั้งแต่ปี 2551 ในลักษณะเดียวกันคือกักขังหน่วงเหนี่ยว พอมาปี 2555 มีเรื่องข่มขื่น อาวุธปืน เครื่องกระสุน ทำร้ายร่างกายเหยื่อกระดูกซี่โครงหัก 4 ซี่ กระโหลกร้าว ผมมองว่า 2 เคสนั้นทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ เขามีจิตใจไม่ปกติและไม่ได้รับการรักษาบวกกับเสพยาเสพติดด้วย จากการประเมินกับผู้บังคับบัญชาทุกคนให้ความเห็นว่าเป็น "บุคคลอันตราย"
จากการสืบสวนหาข่าวทราบว่า คนร้ายมีการใช้อาวุธปืนตลอดเวลาบางทีบ้าๆ ก็นึกยิงขึ้นเพดานบ้าน ยิงคนมากลับรถหน้าบ้าน เขาเป็นเจ้าของบริเวณพื้นที่ประมาณ 20 ไร่ และเป็นเจ้าของอพาร์ทเม้นท์ก็เลยไม่มีใครอยากยุ่ง เพราะในซอยเป็นพื้นที่ของเขาแทบจะหมดเลย ถ้ามีเรื่องคนนั้นก็ต้องโดนไล่ออกไป ไม่มีใครกล้าร้องทุกข์กล่าวโทษกรณีเอาปืนไปไล่ยิงคนแถวนั้น
"ด้วยพฤติการณ์ดังกล่าวมีความเป็นไปได้ว่า น่าจะก่อเหตุขังแฟนสาวในหีบแล้วฝังศพจริง มันยากตรงเข้าไปจับกุมเป็นคนสติไม่ดีแล้วมีอาวุธปืน อีกทั้งเป็นบุคคลอันตรายไม่ใช่ว่าสุ่มสี่สุ่มห้าเข้าไป ต้องประสานขอความร่วมมือจากอรินทราช 26"
รองเปียว บอกต่อว่า จากคำบอกเล่าคนร้ายมีพฤติกรรมยัดแฟนสาวใส่หีบแล้วเอาออกมาเป็นประจำ ทั้งสองพบเจอกันในเฟซบุ๊กก่อนคบเป็นแฟนได้ประมาณ 5 วัน ฝ่ายหญิงหลงเชื่อชักชวนเสพยาด้วยกัน ช่วงแรกๆ ปฏิบัติตัวดีกินข้าวอยู่ร่วมกันปกติ แต่หลังจากผ่านไป 3 วันเริ่มออกลายจับแฟนสาวใส่กุญแจมือผูกกับขา เอาปืนจ่อหัวบังคับให้กินข้าว เอามีดไล่ปักตามตัว ส่วนกับ นายเฉลิมชล รู้จักกันในคุกจึงชักชวนหากออกมาให้ทำงานด้วยกัน นายเฉลิมชล ออกมาปี 2559 และ นายอภิชัย ออกมาปี 2560
นายอภิชัย ขอให้ นายเฉลิมชล ช่วยฝังศพด้วยสถานะตัวเองเป็นลูกจ้างก็ต้องยินยอม ตามคำให้การทั้งสองคนตรงกันว่า ช่วยขุดดินแล้วเอาศพไปฝังเหมือนเจ้านายสั่ง แต่หลังทำงานเสร็จ นายอภิชัย เริ่มหาเรื่องด้วยการเอาปืนจ่อหัวบังคับให้กินข้าวแล้วเอาปืนไล่ยิง เนื่องจากสติเริ่มหลุด นายเฉลิมชล อยู่ไม่ได้จึงหนีออกมา ตำรวจนำตัวส่งดำเนินคดีที่ สน.เพชรเกษม ส่วน นายเฉลิมชล ส่งไปที่ สน.หลักสอง
คดีนี้ยังไม่จบตำรวจต้องทำการขุดดินบริเวณนั้นอีกครั้ง เนื่องจากเชื่อว่ายังมีศพอื่นถูกฝังอีก นายอภิชัย พ้นโทษออกมาปี 2560 แสดงว่าอยู่ตรงนั้นมาแล้ว 2 ปีถามว่าเป็น "ฆาตกรต่อเนื่อง" หรือไม่ก็รอพิสูจน์เราไม่รู้ว่า 2 ปีที่ผ่านมาพฤติการณ์เป็นอย่างไร คนปกติไม่มีใครทำกันเอาคนเป็นไปยัดในหีบ จุดประสงค์ของเราเพื่อให้คนเสียชีวิตได้ทำพิธีทางศาสนา ถ้าตำรวจไม่พบเจอก็น่าจะสาบสูญไปเลย "เราต้องคืนความยุติธรรมให้ผู้ตาย แล้วเอาคนผิดมาลงโทษตามกฎหมาย"
สำหรับประวัติ พ.ต.ท.ปียรัช เป็นลูกชายของ พล.ต.อ.อัยยรัช เวสสะโกศล อดีต รอง ผบ.ตร. "ผู้ก่อตั้งตู้แดง" ได้ติดตามการทำงานของพ่อตั้งแต่เหนือจรดใต้อีสาน มีสายเลือดมือปราบอยู่เต็มตัว จบ ป.ตรี วิศวะ ม.ธรรมศาสตร์ นิติศาสตร์ ม.รามคำแหง ป.โท บริหาร Bedfordshire, ประเทศอังกฤษ และ ป.เอก บริหาร วิทยาลัยนานาชาติ ม.รามคำแหง เข้าสู่วงการสีกากีในหลักสูตร กอส.รุ่นที่ 26 อบรม รร.สืบสวนสอบสวนรุ่นที่ 93
เริ่มรับราชการเป็น รอง สว.(สอบสวน) สน.เตาปูน รอง สว.สส.สน.เตาปูน สว.กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น.ได้เคยร่วมงานกับนักสืบชั้นครูอย่าง พล.ต.ต.ปรีชา ธิมามนตรี อดีต รอง ผบช.สตม. พล.ต.ต.ประยนต์ ลาเสือ อดีต ผบก.สส.บช.น. พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. พ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบก.สส.บช.น.ต่อมาเป็น สว.งานสายตรวจ 3 กก.สายตรวจ บก.สปพ.(191) สว.กก.ดส.บช.น.และ รอง ผกก.ดส.บช.น.
รอง ผกก.ดส.บอกว่า ดส.เป็นหน่วยกลางที่สนับสนุนงาน สน.ทั่ว กทม.สามารถเข้าไปช่วยและทำได้ทุกคดีในพื้นที่รับผิดชอบ เป็นเรื่องดีที่ผู้บังคับบัญชาอย่าง พ.ต.อ.จิรกฤต จารุนภัทร์ ผกก.ดส.เป็นคนไม่อยู่เฉยรับและตามทุกเรื่อง ผกก.บอกเสมอว่า ไม่ใช่จับพอแถลงข่าวเสร็จแล้วจบซึ่งสไตล์ของ ดส.ยุคนี้ต้องจบด้วยการพาตัวผู้ต้องหาดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เพื่อให้หน่วยเป็นที่ยอมรับของ บช.น. ตร.และประชาชน
ในการทำงานผมอาศัยเรียนรู้จากคนเก่งๆ อาทิ พ.ต.อ.จิรกฤต พ.ต.อ.นพศิลป์ พล.ต.ต.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ รอง ผบช.น.แต่ละคนเป็นอาจารย์นักสืบมีประสบการณ์สูง รับฟังความคิดเห็น เข้าใจผู้ปฏิบัติงาน เวลานั่งบนโต๊ะไม่เกี่ยวว่าใครจะเป็นนายพล นายพัน นายร้อย นายสิบ ทุกคนมีความคิดได้หลากหลายแล้วเอามารวมกันเป็นก้อนเดียว งานจึงออกมามีประสิทธิผลและลงตัวมากที่สุด คดีฝังศพถ้าปล่อยไปทำกันไม่กี่คนจะเกิดความผิดพลาดได้
"ประทับใจตรงที่ผู้บังคับบัญชาให้ความสำคัญ ทุกคนช่วยกันลงแรงตั้งแต่ รองแมน รองนพ ผู้กำกับไมค์ เรียกได้ว่ามากันครบจริงๆ รู้สึกดีใจที่ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร.ได้กล่าวชมเชยเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานโดยเฉพาะตำรวจ ดส.ที่ขยายผลจับกุมจากยาเสพติดรายย่อย นำมาสู่คดีฝังศพดังกล่าวก็เป็นกำลังใจในการทำงานต่อไป"
มือปราบวัย 39 ปี เผยความรู้สึกว่า ตำรวจเราไม่ต้องทำให้ใครมารัก และไม่อยากให้ใครมาเกลียด แต่เราต้องสามารถช่วยเหลือประชาชนได้ เราต้องคืนความยุติธรรมให้น้องเขาซึ่งพูดไม่ได้แล้ว ภูมิใจที่ได้เข้าไปช่วยเหลือ ภูมิใจที่ได้จับคนร้ายลงโทษในสิ่งที่ก่อไว้ ตามคติประจำใจของผมคือ "ทุกคดีต้องเอาใจผู้ถูกกระทำมาใส่ใจเรา เหมือนพี่น้องเรา ต้องแข่งกับเวลา ไม่พัก ใส่ให้สุด และรอบคอบเรื่องกฎหมาย จนกว่าจะเอาตัวคนร้ายมาสู่กระบวนการยุติธรรมจนจบ" ผมมั่นใจว่าทุกๆ คดีเราจะปิดจ็อบได้ถ้ามีการสังเกต การวิเคราะห์ และการสืบบนโต๊ะให้ขาดของเจ้าหน้าที่ตำรวจ.