ป.ป.ช.ตามรวบอดีตข้าราชการซี 5 ผู้ต้องหาคดีทุจริตเงินประชาสงเคราะห์เกือบ 10 ล้าน ภริยาร้องขอศาลเป็นบุคคลสาบสูญ และหลบหนีมานานถึง 19 ปี สุดท้ายไปไม่รอด โดนสืบ ป.ป.ช. ตามรวบได้ขณะเปิดร้านขายผลไม้ ในหมู่บ้านรัตน์โกสิน 200 ปี ย่านรังสิตธัญบุรี
วันนี้( 16 ธ.ค.)เมื่อเวลา 11.00 น. นายสุทธิ บุญมี ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ สำนักงาน ป.ป.ช. สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สถานีตำรวจภูธรประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ จังหวัดปทุมธานี เข้าจับกุมนายชาญชิต พิทักษ์พลรัตน์ อดีตเจ้าหน้าที่การเงินและบัญชี 5 สำนักงานประชาสงเคราะห์ จังหวัดชัยภูมิ เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ ของศาลจังหวัดชัยภูมิ ที่ 9/2554 ลงวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2554 โดยจับกุมได้ในพื้นที่สถานีตำรวจภูธรประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ ตำบลประชาธิปัตย์ อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี ขณะเปิดร้านขายผลไม้ ในหมู่บ้านรัตน์โกสิน 200 ปี ย่านรังสิต ธัญบุรี
นายสุทธิ บุญมี ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ (เสื้อสีขาว) ให้ข้อมูลว่า นายชาญชิต พิทักษ์พลรัตน์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่การเงินและบัญชี 5 สำนักงานประชาสงเคราะห์จังหวัดชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิ ได้กระทำการเบียดบังเงินของทางราชการจำนวน 9,221,225 บาท ไปเป็นประโยชน์ส่วนตนหรือผู้อื่นโดยทุจริต เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงมีมติชี้มูลความผิดทางอาญา ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นไปเสีย และเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสาร กรอกข้อความลงในเอกสาร หรือดูแลรักษาเอกสาร กระทำการปลอมเอกสารโดยอาศัยโอกาสที่ตนมีหน้าที่นั้น และมีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 มาตรา 157 และมาตรา 161 โดยปรากฏว่านายชาญชิตฯ ไม่ไปรายงานตัวต่อพนักงานอัยการเพื่อฟ้องคดีต่อศาล คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงดำเนินการขอให้ศาลที่มีเขตอำนาจออกหมายจับ และศาลจังหวัดชัยภูมิได้ออกหมายจับ ที่ 9/2554 ลงวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2554
ด้านนายสุทธิ บุญมี ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ กล่าวอีกว่า จากการสืบสวนเพื่อติดตามจับกุมตัวนายชาญชิตฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับ ปรากฏว่านายชาญชิตฯ ถูกศาลจังหวัดชัยภูมิสั่งให้เป็นบุคคลสาบสูญ ตั้งแต่ปี 2554 โดยผู้ยื่นคำร้องต่อศาลคืออดีตภริยา แต่เจ้าหน้าที่สำนักสืบสวนและกิจการพิเศษยังไม่ปักใจเชื่อว่านายชาญชิตฯ จะเป็นบุคคลสาบสูญจริง จึงเริ่มกระบวนการสืบสวนเชิงลึก หาพยานหลักฐานว่านายชาญชิตฯ ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ จนได้ข้อมูลและเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับการทำธุรกรรมทางการเงินจากธนาคารแห่งหนึ่ง ที่นายชาญชิตฯ ยื่นคำขอเปิดบัญชีร่วมกับภรรยาคนปัจจุบัน (ไม่ได้จดทะเบียนสมรส) เมื่อปี 2560 ซึ่งเป็นเวลาภายหลัง จากศาลมีคำสั่งให้นายชาญชิตฯ เป็นบุคคลสาบสูญ
โดยทางสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ ได้ดำเนินการสืบสวนหาตัวนายชาญชิตฯ โดยเริ่มจากที่อยู่ตามคำขอเปิดบัญชีธนาคาร และต่อมาทราบว่าที่อยู่ดังกล่าวเป็นบ้านของภรรยาคนปัจจุบัน ซึ่งเสียชีวิตแล้วตั้งแต่ปี 2560 แต่นายชาญชิตฯ ยังคงครอบครองและอยู่อาศัยเรื่อยมา นอกจากนี้ยังปรากฏว่านายชาญชิตฯ ได้ครอบครองรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล ยี่ห้อโตโยต้า หมายเลขทะเบียน ตง 0297 ที่มีชื่อภรรยาคนปัจจุบันซึ่งเสียชีวิตแล้ว เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ และใช้เป็นยานพาหนะในการประกอบธุรกิจขายของชำ เนื้อสัตว์ ผัก และผลไม้ โดยมักจะไปเลือกซื้อของ จากตลาดสี่มุมเมือง ย่านตำบลคูคต อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี เป็นประจำ ทางสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ จึงได้วางแผนปฏิบัติการ และลงพื้นที่ พร้อมสนธิกำลังร่วมกันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ของสถานีตำรวจภูธรประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ เข้าทำการจับกุมผู้ต้องหาในวันนี้ (วันที่ 16 ธันวาคม 2562) เวลาประมาณ 11.00 น. ณ ตลาดสดแห่งหนึ่ง ในหมู่บ้านรัตน์โกสิน 200 ปี ตำบลประชาธิปัตย์ อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี
ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ จึงได้นำตัวนายชาญชิตฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับ ส่งให้พนักงานอัยการเพื่อฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 ต่อไป