“ร.ท.ฐิติทัศน์” ส่งคนใกล้ชิดแจง อ้างเงิน 25 ล้าน ที่แม่บ้านรับโอนจากพระเถระชั้นผู้ใหญ่ ไปผลิตสื่อประชาสัมพันธ์วัดออกฟรีทีวี เทปละ 1 แสน ส่วนที่อดีตผู้ว่าฯ สตง. ไปงานบวชเป็นเจ้านายเก่า ผิดตรงไหน “พุทธะอิสระ” ปูด “จุ๋ม” สีกาดูแลผลประโยชน์วัดสระเกศฯ และเจ้าคุณธงชัย ซัด “พิศิษฐ์” แถไม่ต่างจากนักการเมือง ขณะที่เว็บพระดังเชื่อ เขย่าเก้าอี้ “ปธ.ดูแลพระธรรมทูต ตปท.” ดูแลพระระดับอินเตอร์
จากกรณีการค้นบ้านพัก ร.ท.ฐิติทัตน์ นิพนธ์พิทยา ทหารสังกัดศูนย์รักษาความปลอดภัย (ศรภ.) กองบัญชาการกองทัพไทย ในหมู่บ้านสีวลี รามคำแหง ในซอยมิสทีน เขตสะพานสูง กทม. เมื่อวันที่ 16 พ.ค. หลังสืบทราบมาว่า มีการโอนเงินด้วยแคชเชียร์เช็ค 25 ล้านบาท จากพระชั้นผู้ใหญ่บางรูปที่เป็นหนึ่งในผู้ต้องหาคดีทุจริตเงินงบประมาณเผยแผ่พระพุทธศาสนา “เงินทอนวัด” ล็อต 3 โดยใช้ น.ส.นุชรา สิทธินอก อายุ 32 ปี ชาว จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นแม่ค้าขายลูกชิ้นตลาดสี่มุมเมือง และรับจ๊อบเป็นแม่บ้าน ใส่ชื่อเป็นเป็นเจ้าของนิติบุคคล เปิดบัญชีธนาคารเพื่อรับแคชเชียร์เช็ค และถอนเงินสดออกมานั้น
สำนักข่าวอิศรา รายงานว่า ได้มีคนใกล้ชิด ร.ท.ฐิติทัศน์ ชี้แจงมาว่า เงินจำนวน 25 ล้านบาท ที่ น.ส.นุชรา ได้รับมาเป็นค่าจ้างผลิตสื่อประชาสัมพันธ์กับวัดสระเกศฯ ในชื่อรายการ “วิถีไทย วิถีพุทธ” และนำไปออกอากาศทางสื่อโทรทัศน์ ทุกวันเสาร์ - อาทิตย์ รวมจำนวน 130 ตอน มีการทำสัญญาจ่ายเงินส่งมอบงานจำนวน 5 งวด ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณเทปละ 1 แสนบาท แยกเป็นค่าผลิต ค่าเช่าออกอากาศ และการบันทึกลงแผ่นซีดีให้ทางวัดนำไปเผยแพร่ในที่ต่างๆ
แต่ตอนนี้ไม่สามารถนำเอกสารหลักฐานใดมาแสดงได้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้อายัดเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องไปหมดแล้ว รวมถึงเครื่องคอมพิวเตอร์ด้วย แต่ในส่วนตัวอย่างรายการสื่อสามารถเข้าไปสืบค้นดูข้อมูลย้อนหลังในยูทูปได้ ซึ่งบางเทปรายการที่ออกออกอากาศไป มีเสียงของ น.ส.ฑัมม์พร นิพนธ์พิทยา แม่ของ ร.ท.ฐิติทัศน์ อดีตเจ้าของห้างหุ้นส่วนจำกัด ดี ดี ทวีคูณ ทำหน้าที่เป็นผู้บรรยายเนื้อหารายการเองด้วย
เมื่อถามว่า ร.ท.ฐิติทัศน์ ถูกระบุว่า มีความสนิทสนมกับเจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ เข้านอกออกในวัดอยู่ตลอด คนใกล้ชิด ร.ท.ฐิติทัศน์ ยืนยัน ร.ท.ฐิติทัศน์ เคารพเลื่อมใสเจ้าอาวาส และก่อนหน้าที่ก็เคยไปบวชที่วัดแห่งนี้ด้วย ส่วนกรณีที่ปรากฏภาพ นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส อดีตผู้ว่าการสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ไปร่วมงานบวชด้วย ถามว่า เจ้านายไปร่วมงานบวชลูกน้องเก่ามันผิดตรงไหน
ด้านเฟซบุ๊ก “หลวงปู่พุทธะอิสระ (Buddha Isara)” ของหลวงปู่พุทธะอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม โพสต์ข้อความเมื่อวันที่ 18 พ.ค. ระบุว่า กรณีที่กองปราบปรามค้นบ้านของ ร.ท.ฐิติทัศน์ นายทหารลูกศิษย์วัดสระเกศฯ ข่าวแว่วมาว่า มีการโอนเงินจากพระระดับเจ้าอาวาส ไปให้สีกาเป็นระยะๆ แต่ที่มากที่สุด คือ ตัวเลข 25 ล้านบาท มีทั้งตัวปลอมคือแม่ค้าขายลูกชิ้น และเมื่อตรวจสอบลึกๆ แล้ว เงินที่โอนทั้งหมดถูกโยกย้ายถ่ายโอนไปให้สีกาคนสนิทของเจ้าอาวาสที่ชื่อ “จุ๋ม”
ทั้งนี้ หลวงปู่พุทธะอิสระ เคยกล่าวว่า สีกาคนนี้มีสถานะที่ไม่ธรรมดา เป็นผู้จัดการผลประโยชน์ของวัด และของ พระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขญาโณ) เจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ ทั้งหมด ไม่เว้นแม้แต่อาหาร ที่จำวัด อีกทั้งเจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ ยังนำสีกาคนนี้ ไปออกงานเกือบทุกงานทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งพระพรหมสิทธิ เป็นผู้บังคับบัญชาของพระธรรมทูตทั้งหมด นอกจากสีกาที่ชื่อ “จุ๋ม” แล้ว ยังมีสีกาที่ชื่อ “ป้อม” และ “หน่อย” และอีกหลายสิบคนที่เข้ามามีผลประโยชน์กับพระเถระชั้นผู้ใหญ่ในวัดใหญ่อีกหลายคน
หลวงปู่พุทธะอิสระ ยังกล่าวต่อว่า ขณะนี้ นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส อดีตผู้ว่าการสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และ นายโฆสิต สุวินิจจิต ผู้ผลิตรายการโทรทัศน์ และอดีตผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ให้สัมภาษณ์ปกป้องเจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ ที่มีชื่อเข้าไปพัวพันในกรณีทุจริตเงินทอนวัด มีผู้สนับสนุนหยิบเอาไปขยายผลเพื่อกลบเกลื่อนพฤติกรรมไม่ชอบมาพากล ไม่ต่างอะไรจากนักการเมือง ข้าราชการ และอดีตเจ้าอาวาสวัดบางแห่งที่หลบหนีคดีฟอกเงิน พวกนี้เลือกที่จะพูดความจริง ในบางสถานการณ์ที่ตนทำเท่านั้น แต่หลีกเลี่ยงที่จะพูดความจริงในประเด็นที่ทุจริต หรือประเด็นที่มีปัญหา
อ่านโพสต์ คลิกที่นี่ (1)
อ่านโพสต์ คลิกที่นี่ (2)
ขณะที่ เว็บไซต์ อะลิตเติลบุดดะ (alittlebuddha.com) ของวัดไทยลาสเวกัส รัฐเนวาดา สหรัฐอเมริกา ได้วิจารณ์ถึงเรื่องนี้เช่นกัน ระบุว่า ในขณะนี้ พระพรหมดิลก (เอื้อน หาสธมฺโม) เจ้าอาวาสวัดสามพระยา, พระพรหมเมธี (จำนงค์ ธมฺมจารี) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม และ พระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขญาโณ) เจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ กลายเป็นกรรมการมหาเถรสมาคม 3 รูป ที่เกี่ยวข้องกับคดีเงินทอนวัด ซึ่งตั้งข้อสังเกตว่า การสืบสวนในส่วนของวัดสระเกศฯ ก่อน เพราะพระพรหมสิทธิยังมีตำแหน่งอันทรงอิทธิพลสูงสุด คือ “ประธานสำนักงานกำกับดูแลพระธรรมทูตไปต่างประเทศ” เปรียบเทียบได้กับ รมว.ต่างประเทศ มีคอนเน็กชั่นในต่างประเทศ
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาพระโสภณพุทธิวิเทศ หรือ เจ้าคุณเบอร์ลิน ที่ออกมาโจมตีวัดบวรนิเวศวิหาร รวมถึงหลวงปู่พุทธะอิสระอยู่บ่อยครั้ง อยู่ในเครือข่ายพระธรรมทูตสายต่างประเทศ ก็แสดงว่า มีการใช้เครือข่ายต่างประเทศ ช่วยงานในประเทศ ซึ่งผิดวัตถุประสงค์ของโครงการอบรมพระธรรมทูตสายต่างประเทศ แต่เมื่ออยู่นอกประเทศก็ไม่ได้มีผลบังคับ จะควบคุมสายต่างประเทศได้ก็ต้องคุมที่สำนักงานกำกับดูแลพระธรรมทูตสายต่างประเทศ อาจจะเป็นปฏิบัติการครั้งสำคัญ ในยุทธการดึงเก้าอี้ของพระพรหมสิทธิ
“มองไกลไปถึงว่า ถ้าเจ้าคุณธงชัย (พระพรหมสิทธิ) หลุดจากตำแหน่งมหาเถรสมาคม ตำแหน่งต่างประเทศก็หลุดลอยโดยอัตโนมัติ เพราะมีข้อบังคับว่า ตำแหน่งต่างประเทศต้องเป็นมหาเถรสมาคม ส่วนตำแหน่ง เจ้าคณะภาค 10 นั้น เมื่อหลุดจากมหาเถรสมาคม ก็คงอยู่ไม่ได้เช่นกัน แบบว่าหลุดเป็นพวง และถ้าเจ้าคุณธงชัยหลุดจากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดสระเกศ ก็อาจจะมีการล้างบางสายสมเด็จเกี่ยว โดยอาจจะมีการโยกคนนอกเข้ามาเป็นเจ้าอาวาสวัดสระเกศ” เว็บไซต์ อะลิตเติลบุดดะ ระบุ
นอกจากนี้ ในกรณีของ นายพิศิษฐ์ ที่ออกมาโจมตี พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ แทนพระพรหมสิทธิ ก็มีสิทธิ์ถูกเรียกไปสอบสวนด้วย เพราะนายทหารที่ถูกค้นบ้าน ก็ยืนยันว่าเป็นลูกน้องเก่า ส่วนที่อ้างว่า การที่นายพิศิษฐ์ ไปงานบวชนายทหารเป็นเรื่องปกตินั้น งานบุญย่อมจะมีการเชิญบุคคลสำคัญ ถือว่าไม่ใช่ประเด็น แต่ประเด็นหลักที่ทางการสงสัย คือเงิน และการจ่ายเงิน ซึ่งถ้าทางวัดสระเกศฯ และห้างหุ้นส่วนจำกัด ดี ดี ทวีคูณ สามารถชี้แจงได้ ทั้งเอกสารและเส้นทางการเงินก็จบ ไม่มีอะไรมากกว่านั้น แต่ถ้าตอบไม่ได้จะกลายเป็นปัญหา
ส่วนการสอบสวน ร.ท.ฐิติทัศน์ นิพนธ์พิทยา เจ้าของบ้าน มีรายงานว่า เมื่อวันที่ 17 พ.ค. ที่ผ่านมา พล.อ.อ.สุทธิพงษ์ อินทรียงค์ รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด (รอง ผบ.ทสส.) ลงนามคำสั่งกองบัญชาการกองทัพไทย ที่ 300/61 เรื่องให้ ร.ต.ฐิติทัศน์ นิพนธ์พิทยา นายทหารประจำศูนย์รักษาความปลอดภัย พ้น ช่วยปฏิบัติราชการ สำนักงานเสนาธิการทหาร ตั้งแต่วันที่ 17 พ.ค. เป็นต้นไป พร้อมแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับพฤติการณ์ของ ร.ท.ฐิติทัศน์
โดยมอบหมายให้ พล.อ.ท.วีรพงษ์ นิลจินดา เจ้ากรมกำลังพลทหาร เป็นประธานกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง คณะกรรมการมีอำนาจ 2 ข้อ คือ 1. ทำการสอบสวนข้อเท็จจริง รวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องจากส่วนราชการหรือบุคคลใด ตลอดจนเรียกบุคคลใดมาชี้แจง หรือให้ถ้อยคำ หรือให้ส่งเอกสารหรือหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่สอบสวน รวมทั้งให้ส่วนราชการใน บก.ทท. ให้การสนับสนุนตามที่คณะกรรมการร้องขอ 2. สรุป ผลการสอบสวนข้อเท็จจริงของการตรวจค้นและพฤติกรรมของข้าราชการดังกล่าว ถือว่าเป็นความผิดวินัยหรือวินัยร้ายแรงหรือไม่ อย่างไร พร้อมข้อเสนอแนะให้ ผบ.ทสส. ทราบโดยด่วน
ขณะที่ ร.ท.ฐิติทัศน์ ได้ส่งหนังสือแจ้งมายังพนักงานสอบสวนกองปราบปราม เพื่อเข้าให้ปากคำในคดีครอบครองอาวุธปืน 23 กระบอก ในวันจันทร์ที่ 21 พ.ค. นี้