xs
xsm
sm
md
lg

“ปารีณา”มอบทนายฟ้อง“วีระ-อัจฉริยะ”แจ้งความเท็จ-หมิ่นประมาท ศาลนัดไต่สวน ก.พ.ปีหน้า

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ทนายความผู้รับมอบอำนาจจาก น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์
“ปารีณา”ส่งทนายความ ยื่นศาลอาญา ฟ้อง “วีระ สมความคิด”ฐานแจ้งความเท็จ-หมิ่นประมาท กล่าวหาว่าฟอกเงิน ฟ้อง“อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์”เหยียดหยามเป็น ส.ส.กระจอก ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้อง 3 ก.พ.และ 17 ก.พ.63 ตามลำดับ

ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เมื่อเวลา 13.30 น.วันนี้ (2 ธ.ค.) น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ มอบอำนาจให้ นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ทนายความ เป็นโจทก์ฟ้อง นายวีระ สมความคิด อายุ 62 ปี ประธานเครือข่ายประชาชนต่อต้านคอร์รัปชัน ในความผิดฐานหมิ่นประมาท,หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา กับ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ อายุ 52 ปี ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เป็นจำเลยในความผิดฐานแจ้งความเท็จ,หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา โดยแยกฟ้องคดีเป็น 2 สำนวน

นายธีรยุทธ เปิดเผยว่า น.ส.ปารีณาได้ยื่นฟ้อง นายวีระ สมความคิด กรณีกล่าวหาว่าฟอกเงิน ส่วนนายอัจฉริยะ นั้นได้พูดจาในทำนองเหยียมหยามว่าเป็น ส.ส.กระจอก ซึ่งประเด็นปัญหาที่นำคดีมาสู่ศาลก็เพื่อเปิดโอกาสให้มีการพิสูจน์ความจริง ที่คลาดเคลื่อนอยู่บางประเด็นในสังคม หวังว่านายวีระและนายอัจฉริยะ คงพร้อมที่จะนำความจริงมาพิสูจน์กัน ส่วนตนเองได้เตรียมข้อมูลดังกล่าวไว้พร้อมแล้ว โดยทั้งสองคนดังกล่าวเชื่อว่า น.ส.ปารีณาถือครองที่ดิน 3 แปลงย่อย มีการแบ่งแยกออกไป เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกยึดคืน ตนเองจึงอยากทราบว่า ที่ดิน 3 แปลงย่อยที่อ้างถึงนั้นอยู่ที่ใดบ้าง

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายวีระ สมความคิด กับนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ กล่าวเท็จในประเด็นใดบ้าง

นายธีรยุทธ กล่าวว่า มีหลายจุดมาก เพราะทั้งสองคนให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนไว้เยอะมาก ซึ่งมีรายละเอียดทั้งหมดอยู่ในคำฟ้อง ความจริงบุคคลที่ทำงานสาธารณะระดับนี้ไม่ควรกระทำ เราอยู่ในสังคมทำงานสาธารณะ ความจริงและความสุภาพเท่านั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เห็นว่าการใช้อากัปกิริยาเหยียดหยามบุคคลที่ทำงานให้แก่สังคมและสาธารณะด้วยกันเอง เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง

เมื่อถามว่า ช่วงเช้าที่ผ่านมา (2 ธ.ค.) นายอัจฉริยะไปแจ้งความกับพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) กล่าวหาว่า ที่ดินของ น.ส.ปารีณารุกล้ำที่ดินของชาวบ้าน โดยมีการล้อมรั้ว ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร

นายธีรยุทธ กล่าวว่า ขอชี้แจงว่า ตามแนวบรรทัดฐานของศาลฎีกา ระบุว่า ไม่ว่าที่ดินแปลงนั้นจะเป็นของใคร ถ้าหากเป็นการต่อสู้ระหว่างราษฎรด้วยกันเอง ส่วนข้อโต้แย้งซึ่งกันและกัน ก็มีหน่วยงานรัฐที่จะต้องดำเนินการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ แม้กระทั่งศาลเองก็ถือเป็นหน่วยงานรัฐที่จะแก้ไขปัญหาได้

เมื่อถามว่า ยืนยันที่ดินของ น.ส.ปารีณาไม่ได้รุกล้ำที่ดินของชาวบ้านได้หรือไม่

นายธีรยุทธ กล่าวว่า ตนเองยังไม่ได้สอบถาม น.ส.ปารีณาอย่างละเอียด แล้วก็ไม่ใช่ประเด็นปัญหาที่นำมาฟ้องต่อศาล

เมื่อถามว่า ฟ้องนายวีระ สมความคิด ข้อหาบุกรุกด้วยหรือไม่

นายธีรยุทธ กล่าวว่า นายวีระ สมความคิดรู้ตัวเองดี ไม่ว่าจะอ้างว่าตรงนั้นเป็นพื้นที่ป่า หรือ ป่าสงวนแห่งชาติหรือไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ใดก็ตาม แต่ถ้าหากมีบุคคลใดหวงห้ามอยู่ การเข้าไปแม้เพียงนิดเดียว ก็ถือว่าบุกรุก แต่ขณะนี้ยังไม่ได้ฟ้องข้อหาบุกรุก เพราะว่า คำฟ้องวันนี้ประเด็นปัญหาอยู่ที่ว่า พร้อมจะพิสูจน์ให้ น.ส.ปวีณาเห็นได้ไหมว่าที่ดินที่อ้างมีการแบ่งแยกเป็น 3 แปลงนั้นอยู่ตรงไหน เขาใช้คำนี้หมายความว่าต้องมีที่ดินแปลงใหญ่อยู่ก่อนแบ่งเป็น 3 แปลง ซึ่งเป็นเรื่องที่เขาจะต้องพิสูจน์ เราเปิดคดีขึ้นเพื่อให้ไปตามวัตถุประสงค์ของนายวีระและนายอัจฉริยะ ที่ว่าจะนำความจริงมาพิสูจน์ให้กระจ่างในสังคม

ส่วนการให้สัมภาษณ์ของอธิบดีกรมป่าไม้นั้น นายธีรยุทธ กล่าวว่า เท่าที่ตนเองได้ฟังสัมภาษณ์ล่าสุดทางสื่อมวลชนนั้น หลายประเด็นก็ตรงกับหลักฐานที่ตนเองมีอยู่ โดยท่านให้สัมภาษณ์โดยระมัดระวังมากขึ้น ซึ่งเราเตรียมหลักฐานไว้เยอะ เพียงแต่จะฟ้องหรือไม่แค่นั้นเอง ถ้าอธิบดีกรมป่าไม้ให้สัมภาษณ์ไปตามระบบของหน่วยงานราชการ เราพร้อมจะหยุด ก็อยู่ที่ท่านอธิบดีเอง แต่ตนเองก็สงสัยจากการให้สัมภาษณ์ของอธิบดีกรมป่าไม้ว่า จะสงวนเรื่องแผนที่ไว้ทำไม เพราะขณะนี้เราเถียงกันอยู่เรื่องแผนที่ ก็เรียกร้องให้อธิบดีเปิดเผยแผนที่ให้สังคมได้ทราบความจริง

เมื่อถามว่า น.ส.ปารีณาติดใจ ประเด็นมาตราวัดของ สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) กับกรมป่าไม้ ไม่ตรงกันใช่หรือไม่

นายธีรยุทธ กล่าวว่า ขอเรียนว่า น.ส.ปารีณาไม่ได้มีความรู้เรื่องกฎหมาย หรือ ข้อมูลของหน่วยงานราชการมากนัก ก็เหมือนกับราษฎรทั่วไป แต่ปัญหาที่นักกฎหมายมองนั้นไม่ใช่แค่เรื่องแผนที่ แต่มันมีอย่างอื่นซ้อนอยู่อีก เราก็เตรียมข้อมูลไว้แล้ว ถ้าหากมีประเด็นใดที่เป็นก้าวล้ำสิทธิของ น.ส.ปารีณา เราก็จำเป็นต้องป้องกันสิทธิและเกียรติยศของท่านอยู่แล้ว จากเมื่อวันก่อนอธิบดีกรมป่าไม้เคยพูดว่า ส.ป.ก.ไม่ควรเข้ามายุ่งเกี่ยว แต่วันนี้ให้สัมภาษณ์ว่าที่ดินนั้นอยู่ในเขต ส.ป.ก.และ ส.ป.ก.จะต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป ก็แสดงว่า ส.ป.ก.เกี่ยวข้องด้วยใช่หรือไม่ นี่คือความชัดเจนที่เกิดขึ้นแล้วในวันนี้ ประเด็นสำคัญอยู่ที่ว่าสังคมจะต้องกระจ่างว่าที่ดินแปลงนี้ เข้ามาสู่การดำเนินงานของ ส.ป.ก.ได้นั้น เกิดขึ้นด้วยอำนาจกฎหมายใด เพราะไม่เคยมีใครพูดออกมาว่าก่อนที่ ที่ดินจะมาอยู่กับ ส.ป.ก.นั้นจะต้องมีการเพิกถอนที่ป่าและที่ป่าสงวนหรือไม่ ถ้ามีการเพิกถอนนั้น เพิกถอนกันเมื่อไหร่ และถ้ามีการเพิกถอนก่อนหน้านี้แล้ว ความเป็นป่าและป่าสงวนก็ไม่เกิดขึ้น

เมื่อถามว่า หมายความว่าก่อนหน้านี้กรมป่าไม้ได้มอบหมายให้ ส.ป.ก.นำที่ดินไปแจกจ่ายให้ชาวบ้านถือสิทธิที่ดินทำกินแล้วใช่หรือไม่

นายธีรยุทธ กล่าวว่า เรายังไม่ชัดเจนถึงตรงนั้น เพราะว่าเป็นข้อมูลเชิงลึกที่เรารออยู่เช่นกัน ตอนนี้เรารอข้อมูลอยู่อีก 20 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง ส่วนข้อมูลอีก 80 เปอร์เซ็นต์นั้นเรามีอยู่แล้ว แต่เราไม่อยากออกมาพูดให้เป็นวาทะอยู่ในสังคม หรือทำให้หน่วยงานราชการต้องกังวล แต่เราพร้อมพิสูจน์ความจริง

เมื่อถามว่า น.ส.ปารีณามั่นใจในพยานหลักฐานการถือครองที่ดินที่ตนเองมีอยู่ใช่หรือไม่

นายธีรยุทธ กล่าวว่า ที่ผ่านมา น.ส.ปารีณาก็แสดงบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช.แล้ว แสดงว่าท่านพร้อมก็ไม่เคยปกปิด เช่น การยื่น ภ.บ.ท.5 เลขที่อะไร ยื่นเสียภาษีเมื่อปีไหน ก็ชัดเจน ซึ่งการเสียภาษีตาม ภ.บ.ท.5 นั้นมีพระราชบัญญัติหรือกฎหมายเฉพาะ ซึ่งตนเองเคยทำคดีลักษณะนี้ทางดีเอสไอเคยรวบรวมข้อเท็จจริงไว้จากองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น ยืนยันว่าการใส่ชื่อของนิติบุคคลหรือบุคคล หรือ การแก้ไขเปลี่ยนแปลงชื่อในใบ ภ.บ.ท.5 นั้นสามารถทำได้ตามระเบียบของกระทรวงมหาดไทยที่กำหนดไว้ ก็แสดงว่าที่ชำระเสียภาษีบำรุงท้องที่ต้องมีการยืนยันได้ในระดับหนึ่ง สำหรับใบ ภ.บ.ท.5 ตัวจริงนั้นมีขนาดเท่ากระดาษเอ 4 ด้านหน้าจะบอกว่าใครเป็นผู้ถือครองและก่อนหน้านั้นใครเป็นผู้ถือครอง ส่วนด้านหลังเขียนเป็นรูปแผนที่ เหมือนกันกับโฉนดที่ดิน แสดงว่าจะต้องมีการรังวัด มีการกำหนดเขต มีการพูดคุยกันระดับผู้ใหญ่บ้าน กำนัน หรือผุ้ปกครองท้องที่ ซึ่งเป็นส่วนที่สามารถยืนยันได้ระดับหนึ่ง แม้จะไม่ใช้กรรมสิทธิก็ตาม

ภายหลังให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนเสร็จแล้ว ทนายความได้ยื่นคำฟ้อง และศาลได้รับคำฟ้องคดีฟ้องนายวีระ สมความคิด ไว้เป็นคดีหมายเลขดำ อ.3199/2562 โดยนัดไต่สวนมูลฟ้องวันที่ 3 ก.พ.2563 เวลา 09.00 น. และคดีฟ้องนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ เป็นคดีหมายเลขดำ อ.3201/2562 นัดไต่สวนมูลฟ้องวันที่ 17 ก.พ.2563 เวลา 09.00 น.


กำลังโหลดความคิดเห็น